บทที่ 5 คนในความทรงจำ

ญาดาส่ายหน้ามองลูกสาวคนเล็กที่ต่อหน้าคุณย่าอย่างไรก็ยังไม่ยอมโตทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อนอยู่เสมอ แล้วคุณหญิงก็ให้ท้ายจนเธอกลัวลูกสาวคนเล็กจะเสียคน

“ไปร้านเพชรกับย่าไหม ย่าว่าจะไปดูชุดเครื่องเพชรที่สั่งเอาไว้ เมื่อวานเขาโทรมาบอกว่าได้แบบแล้ว ให้ย่าเข้าไปดู เผื่อว่าตังค์ย่าเหลือ ใครอยากได้อะไรย่าจะได้ซื้อให้ เพชรเม็ดเล็กๆ น้ำดีๆ ให้หลานสาวสักชิ้น ดีไหมน้า...”

“ไปสิคะ ถามอะไรอย่างนั้น หน้อยแน่ว่างเสมอสำหรับคุณย่า วันนี้หนูยกเวลาของหนูทั้งวันให้คุณย่าเลยค่ะ แล้วต่อจากไปร้านเพชร เราสองคนก็ไปกินอาหารอิตาเลียนกันดีไหมคะ คราวที่แล้วหน้อยแน่ได้ยินคุณย่าบ่นว่าอยากกิน แต่ไม่มีเวลาไปเสียนี่”

“ก็เอาสิ ได้ทั้งนั้นจ้าหลานรัก” ทั้งตัวสองย่าหลานกอดกันตัวกลม

“คุณแม่ครับอย่าตามใจหน้อยแน่มากนะครับ จะเสียคนเอา” เสียงคีรีดังมาจากด้านหลัง เขาเดินมาหย่อนตัวลงนั่งใกล้ๆ แม่ลูกสาว

เธอหันไปกอดเอวของคุณพ่อเอาไว้ทันที

“แหม... หน้อยแน่ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะคุณพ่อ ปีนี้หนูก็จะจบแล้วนะคะ” เธอทำสีหน้าแบบภูมิอกภูมิใจ

“ว่าแต่ว่า คุณย่าคะ ที่คุณย่าสัญญากับหน้อยแน่ไว้ว่า ถ้าหน้อยแน่เป็นเด็กดี คุณย่าจะยอมให้หน้อยแน่ไปเรียนต่อที่อังกฤษใช่ไหมคะ” เธอทวงสัญญากับคุณย่าเอาดื้อๆ

“แน่นอนสิจ๊ะหลานรักของย่า คำไหนที่ให้ย่ากับหน้อยแน่ต้องเป็นคำนั้น”

“ไชโย... ดีใจจังเลยค่ะ” หญิงสาวทำสีหน้าแช่มชื่นดีใจสุดๆ

ฟอด... ฟอด... เธอหอมแก้มคุณย่าทั้งซ้ายและขวา

คุณคีรีกับญาดามองหน้ากันแล้วส่ายหน้า แต่ก็ยิ้มให้กับความน่ารักของหน้อยแน่ คงจะมีแต่หน้อยแน่นี่แหละที่เข้ากันได้ดีกับคุณหญิงกัลยาเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“เดี่ยวจะไปไหนลูก” ญาดาถามลูกชายคนโตที่กำลังเดินเข้ามาหา

“ไปต่างจังหวัดครับ พอดีนัดเพื่อนเอาไว้”

“ไปแต่เช้าเลยรึ” คุณย่าส่งเสียงถาม นางไม่ค่อยได้คุยกับหลานชายคนนี้เท่าไหร่ เพราะงานของเขายุ่งทุกวัน

“แล้วทำไมเอากระเป๋าเดินทางไปด้วย” คุณหญิงถามต่อเมื่อเห็นคนรับใช้ยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นสอง

“ไปภูเก็ตกันนะครับ อีกอย่างวันจันทร์ผมไปประชุมที่กระบี่ต่อ ค่ำๆ ถึงจะนั่งเครื่องกลับครับ” เขาพูดเหมือนเล่าให้ทุกๆ คนฟังทีเดียวจบ จะได้ไม่ต้องถามกันซ้ำๆ

“อ๋อ... ให้คนขับรถไปส่งครับคุณแม่” เขารีบบอกญาดา เพราะกำลังเห็นเธอขยับปากจะถาม

“ไปก่อนนะครับ” เขายกมือไหว้ทุกคนก่อนจะเดินตัวปลิวออกไป

“จะไปประชุมอะไรที่กระบี่” คุณย่าเปรยขึ้น จริงๆ อดีตที่ฝังใจทุกคน คือ แม่ของขุนเขาก็หายไปกับทะเลกระบี่

“ก็เรื่องโชว์รูมรถนั่นแหละครับ” เขาเอ่ย คำพูดของคุณหญิงแก้วกัลยาทำให้สีหน้าของคีรีเข้มขึ้น

“เอากาแฟไหมคะคุณ” ญาดาถามแบบเอาใจ สามีของเธอกำลังลุกขึ้นไปที่ห้องทำงาน เขาหันมาพยักหน้าให้ก่อนจะหันกลับเดินตรงเข้าไปยังห้องทำงาน

ญาดาสีหน้าสลด ไม่ว่ากี่เดือนกี่ปี เธอก็ไม่เคยแทนที่เมียเก่าของพี่คีรีเขาได้จริงๆ

“ตาลจ๋า พรุ่งนี้ไปบ้านพี่นะตาลนะ ไปกราบคุณแม่พี่ด้วยกัน เชื่อพี่คุณแม่ของพี่ต้องชอบตาล รักตาลเหมือนพี่ พี่อยากพาตาลไปให้คุณแม่พี่รู้จักจริงๆ” คีรีคะยั้นคะยอใช้สายตาอ้อนวอนกับหญิงสาวสุดๆ

พันสิตาได้แต่นั่งถอนหายใจ เธอกังวลไปหมดทุกอย่าง ในหัวสมองของเธอคิดอยู่อย่างเดียวว่า เธอไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับเขาเลย

คีรี พงษ์พิสุทธิ์จินดา ทายาทบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แล้วมีโชว์รูมอยู่ทุกจังหวัดในประเทศนี้

เธอนั่งกุมมือของเขาเอาไว้แน่น สายตาที่จ้องสบเต็มไปด้วยความรักและความหวังดี

พันสิตาในชุดนักศึกษา โดยมีเสื้อครุยของมหาวิทยาลัยชื่อดังพาดเอาไว้ที่เบาะด้านหลัง พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่โตที่เขาให้ เพื่อแสดงความยินดี เธอเพิ่งรับพระราชทานปริญญาบัตรในวันนี้

“พี่คีรีคะ สิ่งที่ดีใจที่สุดในชีวิตของตาล เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่เติบโตมาจากบ้านเด็กเมตตา ได้รับความรักอันบริสุทธิ์ของพี่แค่นี้มันก็ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วสำหรับตาล ตาลขอบคุณพี่มากๆ ที่รักตาล และมอบแต่ความรู้สึกดีๆ ให้กันตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ตาลไม่รักพี่นะคะ แต่ด้วยฐานะของเราที่ต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว ตาลอยากให้พี่คีรีทบทวนให้ดีๆ ค่ะ” เธอพูดด้วยเหตุด้วยผล และการที่ทุกคนต้องอยู่กับความเป็นจริง

“ตาล อย่าพูดเหมือนตาลไม่รักพี่ ไม่อยากอยู่กับพี่”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่ตาลแค่เห็นว่า...” คีรีโพล่งคำพูดแทรกเข้าไปในทันที

“ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พี่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันมาหลายรอบแล้ว ตาลรักพี่ไหม ตาลอยากอยู่กับพี่ไหม ตาลเชื่อใจพี่ไหม อยากมอบชีวิตของตาลให้กับพี่หรือเปล่า” เขาย้ำน้ำคำด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าครั้งไหน

“พี่คีรี...” เธอทำเสียงอ่อยด้วยหน้าตาที่หนักอกหนักใจ

“พี่ถามว่าตาลรักพี่ไหม” สายตาที่จ้องสบมาอย่างไม่ละความพยายาม คนอย่างคีรีรักใครรักจริง และเขาต้องการเพียงแต่เธอเท่านั้น

“ตาลรักพี่ค่ะ”

ทั้งสองโผเข้ากอดกัน ตาลน้ำตาไหลอาบแก้ม

“แต่งงานกับพี่นะ” เขาขอเธอแต่งงานทันที

พันสิตาผละตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของเขา มองหน้าคีรีปากคอสั่น เธอยังน้ำตาไหลริน

“พี่คีรี...”

“ให้พี่ดูแลตาลต่อจากนี้นะ พี่สัญญาพี่จะรักตาลจนวันตาย” เขาให้คำมั่น ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นมากรีดเช็ดน้ำตาให้

“ค่ะ” เธอได้แต่พูดสั้นๆ

คีรีน้ำตาซึมออกมาเช่นกัน เขาประทับจูบลงมาแนบแน่นทันที ความรักความซื่อสัตย์ถูกส่งผ่านมาทางสัมผัสของร่างกายกันและกันที่ตระกองกอดกันเอาไว้แน่น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป