บทที่ 15 พบอดีต

ชายหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตา มองไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จากโรงแรมหรูระดับห้าดาว มือหนากอดอกขึ้นอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของหญิงสาว ที่เขาไม่เคยลืม และรสสัมผัสนั้นยังคงตราตึง อยู่ในความรู้สึกไม่เคยจาง เวลานี้เขายืนอยู่ในประเทศเดียวกันกับเธอแล้ว แล้วเธออยู่ที่ไหนกัน เขาจะสามารถหาเธอเจอได้หรือเปล่า บางทีเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานไปกับใครสักคนแล้วก็เป็นได้

ลุคส์ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่มือหนาคว้าเอกสารตรงหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษร เข้ามาลงทุนทำธุรกิจส่งออกรถที่ประเทศไทยและต้องการตัวแทนจำหน่าย เขารู้สึกถูกใจบริษัทนี้ที่มีระบบการทำงานที่ดีและมีเสถียรภาพ หากได้ร่วมงานกันคงทำให้ธุรกิจรุดหน้าไปไกลมากขึ้นอีก

“มาติช ไปตามคุณวิศรุตมาคุยกับผมหน่อย”

“ได้ครับ” มาติชรับคำเจ้านายแล้วก้าวออกไป

ครู่ใหญ่ชายรูปร่างสันทัดผิวขาวสวมแว่นก้าวเข้ามาในห้อง วิศรุตนั่งลงตรงข้ามเจ้าของห้อง ลุคส์หยิบเอกสารให้ดู

“ช่วยติดต่อบริษัทนี้ให้ผมหน่อย ผมต้องการร่วมหุ้นกับเขา

“ได้ครับคุณลุคส์”

“ได้เรื่องยังไงรายงานผมด้วยนะ ผมจะได้จัดการเอกสารสัญญาการรวมทุนกัน”

“ครับ”

วิศรุตก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกนอกห้อง ชายหนุ่มลุกยืนก้าวมาตรงหน้าต่างอีกครั้งแล้วทอดสายตามองวิวด้านนอก

ปรางค์ปรียาหยุดดูนาฬิกาข้อมือหลังเลิกงาน วันนี้เลิกช้ากว่าปกติ จึงต้องรีบไปที่โรงเรียนอย่างเร่งด่วนไม่รู้ว่าป่านนี้บุตรชายจะเป็นอย่างไรบ้าง ร่างบางสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็วแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อท่อนแขนถูกรั้งไว้

“พินมีอะไรหรือเปล่า?”เธอถามเมื่อพบว่าใครที่รั้งเธอไว้

“เราจะไปรับไทม์ด้วย”

“ว่างเหรอ เดี๋ยวก็โดนพ่อดุเอาหรอก”

“ก็เราหนีพ่อมานี้แหละถึงได้จะไปรับไทม์กับปรางค์ยังไงล่ะ รีบไปเถอะเดี๋ยวพ่อมาตาม!”พินอาภารีบดึงมือเพื่อนสาวไปทันที

รถจอดหน้าโรงเรียกเอกชน ปรางค์ปรียาลงจากรถพร้อมเพื่อน เธอเดินเข้ามาด้านในเพื่อพบครูประจำชั้น มีผู้ปกครองมากมายมารับบุตรหลาน เด็กชายเห็นมารดารีบวิ่งเข้ามากอดทันที

ไทม์ผละห่างจากมารดาแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีครับแม่”

“น้าพินก็มานะครับไทม์”มารดาเตือน

เด็กชายเหลือบไปมอง ยกมือไหว้แล้วโผเข้ากอดแม่อีกครั้ง พินอาภาขยี้ศีรษะเด็กน้อยเบาๆ คนเป็นแม่จูงมือลูกไปสวนหย่อมเพื่อพักก่อนกลับบ้าน โดยมีพินอาภาอาสาซื้อขนมกับน้ำมาให้

“นี่เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นไหมเขาว่าท้องไม่มีพ่อน่ะ พ่อเป็นฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้ สงสัยจะไปเที่ยวเมืองนอกจนใจแตกฉันว่านะ”ผู้ปกครองที่มารับบุตรหลาน เริ่มซุบซิบนินทาอีก เธอชินกับเรื่องนี้เป็นห่วงแค่ลูกจะรู้สึกอย่างไร

พินอาภาเข้ามาพบเหตุการณ์พอดี เดินตรงไปหาผู้ปกครองสองคนที่ยืนนินทาเพื่อนสาวของเธออย่างสนุกปาก แก้วน้ำในมือถูกสาดใส่ใบหน้าทั้งสอง ผู้ปกครองถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ปรางค์ปรียาหันมองเพื่อนแล้วรีบวิ่งมาดูเหตุการณ์

“ตายแล้วพิน!” หญิงสาวร้องบอกสีหน้าตระหนก “ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ” เธอก้มหน้ารับผิดยกใหญ่

“ปรางค์จะก้มหัวให้พวกเค้าทำไม ปากอย่างนี้โดนแค่นี้ยังน้อยไป!”พินอาภาห้ามเพื่อนเสียงดัง เธอกำลังโกรธจนควันออกหู

ทั้งสองหันมาจ้องมองพินอาภาด้วยสายตาแค้นเคือง แล้วหันไปยิ้มเหยียดปรางค์ปรียาที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“เป็นเพื่อนกันสินะนิสัยถึงได้เหมือนกัน ถึงว่าเพื่อนเธอถึงได้ท้องไม่มีพ่อ ไปได้ฝรั่งที่ไหนมาล่ะไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง ถ้าเป็นพวกฉันคงอายแทบแทรกแผ่นดินหนีไม่กล้าเอาลูกมาโรงเรียนด้วยซ้ำ!”

เด็กชายวิ่งเข้ามาร่วมในเหตุการณ์ รีบจับมือไว้แน่นเมื่อเริ่มเห็นใบหน้าของแม่ซีดเซียว น้ำใสๆ เริ่มเอ่อล้นออกจากดวงตา เมื่อเห็นแม่ต้องถูกคนอื่นพูดจาไม่ดีใส่

“ท้องไม่มีพ่อแล้วมันหนักหัวใคร หรือพวกเธอมาเลี้ยงลูกให้เพื่อนฉันเอาปากหมาๆ ของพวกเธอไปสอนลูกเต้าซะไป สันดานนินทาชาวบ้านเขาาไปทั่วแบบนี้ ระวังลูกจะติดสันดานแย่ๆ มา” พินอาภาตอกกลับอย่างไม่เกรงใจ

“กล้าดียังไงมาว่าพวกฉัน!”

“แล้วพวกแกกล้าดียังไงมาว่าเพื่อนฉัน!”

ปรางค์ปรียามองสีหน้าลูก น้ำตากำลังไหลรินอาบแก้มเล็น คนเป็นแม่รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ร่างบางทรุดกายลงมือกอบใบหน้าบุตรชายไว้

“แม่ครับไทม์ขอโทษที่เกิดมาแล้วทำให้แม่ลำบากแบบนี้ ฮือๆๆ”เด็กชายสะอื้น

คนเป็นแม่ชะงักกับคำพูดของลูก ทำไมคนอื่นถึงใจร้ายนัก ไม่ได้รู้ต้นสายปลายเหตุแต่กลับนินทาว่าร้ายเธอ ไทม์ต้องทนกับเรื่องแบบนี้มามากแค่ไหน หากไม่เห็นใจเธอ แค่เห็นใจเด็กตาดำๆ สักคนไม่ได้เลยหรือไร

“ไม่นะครับไทม์ แม่ดีใจที่หนูเกิดมาอย่าพูดแบบนี้อีกนะลูก ไทม์คือของขวัญที่มีค่าของแม่ ไม่ว่าใครจะพูดยังไงหนูไม่ต้องสนใจนะครับ แค่รู้ว่าแม่รักหนูมากก็พอ...”ปรางค์ปรียาบอกบุตรชายก่อนรั้งร่างเล็กมาโอบกอดไว้แน่น

พินอาภาชะงักเมื่อได้ยินคำพูดทั้งสอง มันพูดอะไรไม่ออก ผู้คนมากมายในโรงเรียนต่างยืนดูแล้วหันหน้าไปซุบซิบนินทาผู้ปกครองสองคนที่กำลังโต้เถียงกับพินอาภา  มองด้วยสายตาไม่พอใจและรู้สึกสงสารสองแม่ลูกที่โดนกล่าวหา

“ซะใจพวกเธอหรือยังที่ทำให้เด็กคิดแบบนี้ ดีใจแล้วใข่ไหม!” พินอาภาตวาดผู้ปกครอง ยิ่งส่งผลให้ผู้คนหันมองแววตาไม่พอใจ

สองผู้ปกครองหันมากระซิบกัน

“พวกฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอตัวล่ะ!” สองผู้ปกครองเดินหนีไปทันที

พินอาภามองเพื่อนแล้วรู้สึกผิด ถึงเรื่องนั้นจะผ่านมานานแล้ว แต่ความเจ็บปวดของเพื่อนยังคงไม่จากหาย ไทม์คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดของเพื่อน และเธอจะไม่มีทางให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายปรางค์ได้อีก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป