บทที่ 7 ชะตาลงทัณฑ์

เจ้าของร่างอวบนั่งสะอื้นบนเตียงกว้าง หลังจากถูกชายที่เรียกได้ว่าเป็นคู่หมั้นทำร้ายจิตใจมาหมาดๆ เธอกัดฟันทนกับสิ่งที่ได้ยิน เขาหายเข้าไปในห้องนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงหวีดร้องและเสียงตวาดจากนั้นเสียงทั้งหมดก็เงียบหายไป เขาไม่แม้แต่จะสนใจไยดีเธอที่นั่งร้องไห้ตรงที่หน้าห้อง ขนาดอยู่ตรงนี่ ยังกล้านอนกับผู้หญิงอีกคน ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอจะกำจัดให้พ้นทาง ไม่มีวันยอมเสียเขาให้ใครเด็ดขาด

พินอาภาน้ำตาอาบแก้มเธอพยายามโทรหาลุงเป็นร้อยสาย แต่กลับฝากข้อความ ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง เพื่อนเธอจะเป็นเช่นไรบ้างก็ไม่รู้ ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้ด้วยนะ มือบางพยายามกดเบอร์ติดต่อหาลุงอีกครั้งในที่สุดความพยายามเธอก็สัมฤทธิ์ผล

“ลุงคะ! ลุงอยู่ที่ไหน?”เธอถามเสียงสั่น

“ลุงมีปัญหานิดหน่อยน่ะพิน ลุงเลยไม่ได้อยู่ที่บ้าน”

“ลุงคะ! เพื่อนของพินโดนผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จับตัวไป พวกมันบอกให้เราบอกที่อยู่ของลุง เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ลุงช่วยเพื่อนของพินด้วยนะคะ ฮือๆๆ”พินอาภาสะอื้น

“พินลุงขอโทษนะ”

“ช่วยเพื่อนพินด้วยนะคะลุง ได้โปรดเถอะค่ะ...”

ไมเคิลตัดสายกุมขมับแน่น เขาคิดหนักขบกรามแน่น กลัวหากว่าเขายินยอมไปหาลุคส์เอง ครอบครัวของอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้ แล้วจะทำยังไงดี หลานสาวไม่รู้เรื่องนี้ด้วย พวกเด็กๆ ไม่ควรมารับเคราะห์เพราะการกระทำของเขาเลย

พินอาภานั่งจ้องมองดูโทรศัพท์ทั้งน้ำตา ได้แต่ภาวนาให้ลุงติดต่อเธอมา ไม่อย่างนั้นปรางค์ต้องแย่แน่ๆ มาติชยืนดูด้วยความสงสัย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วผู้หญิงคนนี้เธอเป็นใครกัน เขารู้สึกสงสัยกับเรื่องนี้

ร่างอวบอัดเยื้องกรายมาเยื้อนคฤหาสน์ของคู่หมั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอวางแผนมาอย่างดี และแผนนี้ต้องสำเร็จ ทุกคนหันมามองผู้มาเยือนด้วยความสงสัย เมื่อเธอหอบหิ้วทั้งขนมและน้ำมาแจกบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ทุกคน ทุกคนยอมรับน้ำใจเธอ แม้จะรู้สึกงุนงงกับการกระทำในครั้งนี้ก็ตาม เธอรีบเดินไปที่ชั้นสองของคฤหาสน์ แล้วสาวเท้าเดินไปหาบอดี้การ์ดสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องต้องสงสัย เธอต้องการรู้ว่าใครซ่อนตัวอยู่ในนั้น เอมม่ายื่นน้ำให้อย่างมีไมตรี

“ฉันซื้อมาให้ กินซะสิ” เอมม่าบอก

บอดี้การ์ดทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธน้ำใจเธอ หญิงสาวเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ หากเป็นแบบนี้เห็นที ต้องจัดการแผนสอง เธอจัดการใช้ผ้าปิดปากไว้แล้วหยิบกระป๋องสเปรย์ขึ้นมาแอบซ่อนไว้ด้านหลัง บอดี้การ์ดทั้งสองหันมามองเธออีกครั้งด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของเจ้านายยังไม่ยอมไปไหน

“มีอะไรอีกหรือเปล่าครับคุณเอมม่า?”

“ไม่มีอะไรหรอกแค่หันมานี้หน่อย!”

บอดี้การ์ดหันมามองเธอ สเปรย์ในมือถูกฉีดออกใส่ใบหน้า ทั้งสองสั่นศีรษะไล่ความมึนงงและรู้สึกมึนออกไป แต่ไม่นานพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาสลบได้จนหลับไปในที่สุด

เอมม่ามองดูบอดี้การ์ดหน้าห้องหลับเพราะฤทธิ์ยา จากนั้นเธอจัดการค้นหากุญแจสำหรับเปิดห้อง เธอมองดูลูกกุญแจในมือ ใครที่อยู่ในห้องนี้ หากเป็นผู้หญิงที่มาอยู่กับคู่หมั้นเธอแล้วจริงๆ จะไม่มีวันยอมเด็ดขาด

กริ๊ก

เธอไขลูกบิดเข้าไปด้านใน ค่อยๆ สาวเท้าเดินไป ดวงตาเบิกกว้างเมื่อสายตากำลังเห็นร่างของหญิงคนหนึ่งกำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียง โดยมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่ เดินเข้าไปใกล้แล้วยืนนิ่งมองดู ไม่อยากจะเชื่อ มันเกิดอะไรขึ้นหรือที่ผู้หญิงคนนี้เป็นแบบนี้เพราะเขา

ปรางค์ปรียาเริ่มรู้สึกตัวดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างยากเย็น ร่างอวบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าของร่างบางเริ่มขยับตัว เอมม่าตั้งท่าจะปลีกตัวออกไป เพราะเธอคงไม่ใจร้ายพอจะลากผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงมาตบตีเพื่อให้ออกไปจากบ้าน จากที่เห็น เธอคนนี้คงไม่มีแม้แต่แรงจะเดินด้วยซ้ำ ยิ่งร่องรอยนอกเสื้อผ้ายิ่งทำให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อยเลย

“ชะ...ช่วยฉันด้วย ชะ...ช่วยฉันที”เสียงแผ่วเบาครางออกมาจากริมฝีปากแห้งผากเป็นภาษาสากลที่คิดว่าคนฟังคงจะเข้าใจเธอ

เอมม่ายืนนิ่งไม่รู้จะทำเช่นไรดี แรกเริ่มอยากจะมาชำระความที่อาจหาญมายุ่งกับคู่หมั้นตน แต่เวลานี้เธอไม่แม้แต่จะมีความคิดเช่นนั้นเลย จากสภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้อดสงสารผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย

“ฉะ...ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกนะ!”เอมม่าตอบ

“ฮือๆๆๆ ช่วยฉันด้วย... ได้โปรดเถอะช่วยฉันที... ”หญิงสาวพยายามอ้อนวอนทั้งน้ำตา เธออยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เธอคงต้องถูกเขาทรมานจนตายแน่ๆ หากเขาฆ่าเธอเสียยังจะดีกว่า

“จะให้ฉันช่วยอะไร?”

“ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ทีได้โปรด...” คนป่วยพยายามร้องขอ

เอมม่าไม่รู้จะทำเช่นไรดี ตัดสินใจเข้าประคองหญิงสาว ดึงสายน้ำเกลือออก ตัดสินใจช่วยเพราะสงสารหรอกนะ คงต้องรีบจัดการเพราะต้องแข่งกับเวลา เอมม่าพยุงร่างบางออกมาจากห้อง เธอพยายามกวาดสายตามองรอบๆ ใจก็ภาวนาขออย่าให้เจอคนที่เธอไม่อยากเจอในเวลานี้เลย

“ฉันคงจะบ้าไปแล้ว!”เอมม่าบ่น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป