บทที่ 1 Rocasander Grand Hotel...
(ลีโอ) เลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์
หนุ่มหล่อเลือดผสมอิตาลี ตุรกี รัสเซีย และไทย เขาเป็นชายหนุ่มที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของโลก ที่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานใหญ่ ผู้กุมบังเหียนของโรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ลอนดอน ด้วยวัยเพียง 36 ปี สืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นบิดา ‘เอเดน’ ที่วางมือแล้วไปใช้ชีวิตอยู่อิตาลีกับภรรยา ‘เมลิซ่า’ (มารดาของเลโอนาดท์)
เขาถูกจัดอันดับให้เป็นหนุ่มฮ็อตที่หล่อรวยแห่งปี ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหน ก็มีสาวข้างกายไม่ว่างเว้น ทั้งดารานางแบบที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาเป็นของเล่นชั่วคราวไม่หยุดหย่อน แต่เลโอนาดท์ก็ไม่เคยให้สาวคนไหนอยู่เคียงข้างกายข้ามคืนเลยสักครั้ง! เพราะสำหรับเขาแล้ว พวกเธอไม่มีค่าพอที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อมองแสงอาทิตย์ของวันใหม่ พร้อมกันกับเขา!
เธอก็แค่ผู้หญิงที่ต้อยต่ำ! มิอาจเทียบกับความสูงศักดิ์ ในชาติตระกูล และความร่ำรวยของเขาได้แม้แต่นิด แต่ไยถึงได้ปฏิเสธที่จะเป็นของเขา ยิ่งเธอดิ้นหนีและหวาดกลัว มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะขย้ำและกลืนกิน กลิ่นสาปของเด็กสาว...ที่บริสุทธิ์ มันช่างหอมหวานและเย้ายวนใจ จนทำให้เขาแทบคลั่ง แล้วแบบนี้จะให้เขาปล่อยเธอไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง!!
(มะลิ) มะลิฉัตร เดือนแรม
สาวน้อยอายุ 21 ปี ที่มีดวงตากลมโตสีฟ้าอมเขียว รายล้อมไปด้วยขนตาที่ดกดำและยาวงอนเป็นแพ ริมฝีปากบางสีแดงอมส้มที่อวบอิ่ม รับกับจมูกโด่งสวยได้รูป ผมที่ดำเงายาวสยายรายล้อมดวงหน้าจิ้มลิ้ม ทำให้ดูมีเสน่ห์เย้ายวน สวยสะดุดตาใครต่อใครที่พบเห็นไปทั่ว
มะลิฉัตรเป็นเด็กกำพร้า ที่เติบโตมาจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านเดือนแรม เธอไม่เคยรู้ว่าบิดาและมารดาเป็นใคร เพราะตั้งแต่จำความได้ ก็มีเพียงคุณจันทร์ฉายหรือที่เธอเรียกว่า ‘แม่’ คอยดูแลเธอมาตลอด!
ทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมา เธอมีความสุขกับงานที่ทำ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เมดทำความสะอาดห้องพักในโรงแรม แต่มันก็เป็นงานที่ทำให้เธอมีเงินเดือนสูงถึงสามหมื่นบาทต่อเดือน ทุกๆ อย่างมันลงตัวดีกับชีวิตของคนคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำงานหลังจากที่เรียนจบ
แต่แล้วอยู่ๆ ความสุขของเธอก็หายไป! หลังจากที่ได้รับสายของหัวแผนก ที่โทร. มาในเช้าของวันนั้น! วันที่จะทำให้ชีวิตของเมดสาวอย่างเธอ ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล!
1
Rocasander Grand Hotel... (ประเทศไทย)
ร่างสูงภูมิฐานในชุดเครื่องแบบสีกากี เดินผ่านประตูทางเข้ามาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนแอบหลงรัก ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับมะลิ” คเชนทร์ นายตำรวจหนุ่มหล่อเพิ่งเดินทางกลับจากไปเที่ยวอิตาลีกับครอบครัว ทันทีที่ลงจากเครื่องชั่วโมงก่อน เขาก็รีบขับรถตรงมาหาสาวเจ้าที่โรงแรมพร้อมกับของฝาก
“สะ... สวัสดีค่ะผู้กำกับฯ” มะลิฉัตรหันมามองอย่างรู้สึกตกใจนิดๆ ที่เห็นนายตำรวจหนุ่มหิ้วถุงกระดาษใบใหญ่สองสามใบเดินตรงเข้ามาหา
“ผมเอาของฝากมาให้ครับ” คเชนทร์บอกพร้อมยกถุงกระดาษวางบนเคาน์เตอร์ให้กับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยรับอย่างรู้สึกเขินอาย เพราะสายตาหลายคู่ของพนักงานและลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรม กำลังหันมามองเธออย่างสนใจ
“ไม่มีของกุ๊กไก่บ้างเหรอคะผู้กำกับฯ” คนที่เพิ่งมาถึงฉีกยิ้มหวานให้ผู้กำกับการหนุ่มหล่อที่มักจะมานั่งจิบกาแฟที่ล็อบบีเป็นประจำ
“เอ่อ! ครั้งหน้าแล้วกันนะครับ” คเชนทร์บอกหญิงสาวจบ ก็หันกลับไปจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของมะลิฉัตรต่ออย่างคิดถึง
“แหม... แบ่งที่มะลิให้ก็ได้นี่คะผู้กำกับฯ” สายไหมบอกพลางมองในถุงใบใหญ่ด้วยความรู้สึกอิจฉา
“คือขนมพวกนี้ผมตั้งใจซื้อฝากมะลิไปให้เด็กๆ น่ะครับ” คเชนทร์หันไปยิ้มให้สองสาวที่มาใหม่
“แต่เมื่อกี้ไหมเห็นกล่องคล้ายๆ กับน้ำหอมยี่ห้อดังนะคะ” สายไหมบอกพลางจ้องถุงกระดาษใบเล็กอย่างสนใจ
“ใช่ครับ! น้ำหอมของ Dior ขวดนั้นคุณแม่ของผมท่านฝากมาให้มะลิน่ะครับ” คเชนทร์ตอบพร้อมกับส่งสายตาสื่อความหมายไปให้คนที่เอาแต่เงียบ
“ว้าว!” กุ๊กไก่ทำตาลุกวาว ก่อนจะแสร้งถามต่อ เมื่อเห็นอีกกล่อง ที่อยู่ด้านในถุงใบเดียวกัน “แล้วกล่องนั้นอะไรคะ?”
“ก็น้ำหอมอีกนั่นแหละครับ ของคุณพิ” ชายหนุ่มบอกพลางมองท่าทางของสองสาวอย่างสังเกตอาการที่แปลกไป
“โห... มะลิกับพินี่โชคดีจริงๆ นะคะ” กุ๊กไก่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนขอดอย่างอดไม่ได้ ‘เดี๋ยวเถอะมึง เจอดีแน่อีมะลิ!’
“มะลิ! ไปทานข้าวกัน” พิมาลาที่ไปเข้าห้องน้ำมา เอ่ยชวน
“สวัสดีครับคุณพิ” คเชนทร์หันไปเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“อ้าว! ผู้กำกับฯ คเชนทร์ สวัสดีค่ะ” พิมาลามองผู้กำกับการหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะมองเลยไปยังสองสาวที่ยืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์อย่างพอจะเดาสถานการณ์ออก ‘อีบ้าสองตัวนี่หาเรื่องมะลิหรือเปล่านะ!’
“มาได้จังหวะพอดีครับ ผมว่าจะชวนมะลิกับคุณพิไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันน่ะครับ” คเชนทร์บอกยิ้มๆ เพราะเริ่มจะรำคาญสองสาวที่ตั้งคำถามไม่หยุดขึ้นมานิดๆ
“โอ้โฮ! ผู้กำกับฯ ชวนทั้งทีไม่ปฏิเสธเด็ดขาดค่ะ ปะ มะลิ! ไปเร็วฉันหิวจนตาลายไปหมดแล้ว” พิมาลาเอ่ยพลางหันไปยักคิ้วให้กุ๊กไก่กับ สายไหมอย่างผู้ชนะ
“พิ! ช่วยเราถือของหน่อยสิ” มะลิฉัตรหันไปบอกเพื่อนอย่าง ขอความช่วยเหลือ
“เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่าครับ” ผู้กำกับการหนุ่มรีบอาสา
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรส่งถุงใบใหญ่ให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินออกมาที่นอกเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ยินดีครับ” คเชนทร์รับถุงใบเดิมมาถือ แล้วชวนสาวเจ้าให้ออกเดินไปพร้อมกัน
“ไปก่อนนะ” พิมาลาหันไปบอกสองสาว ก่อนจะออกเดินตามเพื่อนรักกับนายตำรวจหนุ่มออกไปด้วยสีหน้ากวนๆ
“ผู้กำกับฯ หลงอีมะลิน่าดูเลยนะว่าไหม?” สายไหมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองสาวเดินไปขึ้นรถ BMW รุ่นใหม่ของคเชนทร์ที่จอดอยู่ด้านหน้า!
“หึ! เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนให้มันรู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับของของคนอื่น”
กุ๊กไก่บอกอย่างเจ็บแค้นใจ เมื่อคนที่เธอแอบสนใจมานาน ไปสนใจเพื่อนร่วมงานอีกคน ที่ไม่มีอะไรจะสู้เธอได้แม้แต่น้อย
“ต้องแบบนี้สิกุ๊ก! อย่าไปยอมแพ้มันเด็ดขาด ใครๆ ก็รู้ว่าเธอน่ะเป็นว่าที่คุณนายผู้กำกับฯ มาแต่ไหนแต่ไร” สายไหมรีบเสริม
“ใช่! ฉันจะไม่ยอมแพ้มันเด็ดขาด!” กุ๊กไก่บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ฉันอยู่ข้างเธอจ้ะกุ๊ก!” สายไหมบอกอย่างเอาใจ เพราะป้าของอีกฝ่ายเป็นคนเก่าคนแก่ของโรงแรมแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มเปิดใหม่ๆ ทำให้เป็นที่เกรงอกเกรงใจของพนักงานในทุกๆ แผนก
“ขอบใจมากไหม” กุ๊กไก่ยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ ที่เพื่อนช่วยสนับสนุนและอยู่ข้างๆ
คเชนทร์ขับรถพาสองสาวไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านดังใกล้ๆ กับโรงแรมเสร็จ ก็ขับรถไปส่งมะลิฉัตรกับพิมาลาที่หอพัก
“ขอบคุณผู้กำกับฯ มากๆ นะคะ” มะลิฉัตรเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ลงจากรถ
“น้องๆ คงจะดีใจมากค่ะ ที่จะได้กินขนมของอิตาลี อ้อ! ขอบคุณสำหรับน้ำหอมด้วยนะคะ” พิมาลายกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่ม
“เล็กน้อยครับ!” คเชนทร์รับไหว้สองสาว ก่อนจะขับรถกลับคอนโดมิเนียมอย่างอารมณ์ดี พลางวาดฝันไปถึงอนาคตที่จะได้ครอบครองหญิงสาวที่ตนหลงรักตั้งแต่แรกเจอ





























