บทที่ 2 อุ๊ย! ขอโทษด้วยจ้ะ

สองวันต่อมา... 8:54 น.

หลังจากที่สองสาวกลับจากชลบุรีก็ต้องเปลี่ยนกะการทำงาน  เข้า 9:00 น. เลิกงาน 18:00 น. โดยพักเบรกตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่ายสอง เนื่องจากสองสาวไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ จึงได้รับสิทธิ์ในการเข้าพักฟรีในหอพักของพนักงานที่อยู่ใกล้กับโรงแรม

มะลิฉัตรเดินแกมวิ่งตรงไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงานอย่างเร่งรีบ เพื่อลงเวลาเข้างานเหมือนที่บางแห่งใช้การตอกบัตรเป็นเครื่องยืนยัน ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีแล้ว

“ไงมะลิ!” กุ๊กไก่ที่เพิ่งจะออกกะ ทักทายศัตรูหัวใจด้วยสีหน้าตึงๆ

“มีอะไรเหรอกุ๊ก!” คนที่กำลังวางนิ้วลงบนเครื่องสแกนหันมาถามกุ๊กไก่กับสายไหม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร

“เธอรู้ว่าฉันชอบผู้กำกับฯ คเชนทร์ใช่ไหม” กุ๊กไก่เข้าประเด็น

“แล้ว...” มะลิฉัตรเลิกคิ้วถามพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกครั้ง เพราะพิมาลาที่แวะซื้อกาแฟยังไม่โผล่มาสแกนนิ้ว

“แหม! รู้แล้วก็ไม่ควรยุ่งกับคนที่เพื่อนแอบรักน่ะสิยะ” สายไหม  ต่อว่าอย่างรู้สึกหมั่นไส้

“ผู้กำกับฯ เอาขนมมาฝากให้น้องๆ ของฉันก็แค่นั้น” เธอบอกก่อนจะเอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์

“แล้วน้ำหอมล่ะ?” กุ๊กไก่ถามพลางมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้า

“พวกเธอก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ ตอนที่เขาบอก” มะลิฉัตรรู้สึกเบื่อหน่าย ที่ถูกอีกฝ่ายถามเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบจะเรียกได้ว่ามันเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่ง ที่เธอจะต้องเจอตอนเข้างาน

กุ๊กไก่รีบกระชากแขนของคนที่กำลังจะเดินออกไป ให้หันมาคุยกับตน “เขาจะบอกยังไงก็ช่าง! ที่ฉันอยากรู้ตอนนี้คือแกจะเลิกยุ่งกับ ผู้กำกับฯ หรือเปล่า”

“ฉันไม่ได้ไปยุ่งกับเขาสักหน่อย พวกเธอก็เห็น” มะลิฉัตรบอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆ

“ตกลงจะไม่เลิกยุ่งใช่ไหม” กุ๊กไก่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเอาเรื่อง

“ลากมันเข้ามาตบข้างในนี่เลยกุ๊ก ข้างนอกมีกล้องวงจรปิด!”

สายไหมบอกเพื่อนสาว พร้อมกับเตรียมตั้งท่าจะตบอีกฝ่าย

“ก็ลองดูสิ!” พิมาลาที่ถือกาแฟเดินเข้ามา ทันได้ยินประโยคเมื่อครู่เข้า จึงบอกกับสายไหมแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าพร้อม  จะมีเรื่อง

“พิ!” มะลิฉัตรอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวโผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี

“ถ้าเธอสองคนทำอะไรมะลิละก็ จบไม่สวยแน่” พิมาลาบอกพร้อมกับชี้หน้าของสองสาวอย่างเอาเรื่อง

“พิ! อย่า” มะลิฉัตรสะบัดแขนที่ถูกกุ๊กไก่จับออก แล้วรีบเดินเข้าไปจับแขนเพื่อนสาวจอมบู๊เอาไว้มั่น กลัวว่าอีกฝ่ายจะเบรกอารมณ์ไม่อยู่

“กลัวอะไรมะลิ” พิมาลาหันมาต่อว่าเพื่อนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

“ไม่ได้กลัว! แต่ถ้ามีเรื่องแล้วเราจะได้ออกจากงานทั้งคู่นะพิ!”มะลิฉัตรกระซิบบอกเสียงเบา

“โธ่! นึกว่าจะแน่” สายไหมยิ้มเหยียดๆ ใส่สองสาว ทั้งที่ในใจก็กลัวว่าพิมาลาจะเอากาแฟสาดใส่ตนกับเพื่อน

“แกอยู่ยากแล้วนังมะลิ ระวังตัวให้ดีๆ” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ

“เป็นแค่เด็กกำพร้าน่ะ! หัดเจียมตัวเอาไว้ซะบ้างสิ คุณคเชนทร์เขาคงไม่บ้าเอาเธอไปเป็นคุณนายผู้กำกับฯ หรอก หึ!”

สายไหมรีบดึงแขนของเพื่อนสาวเดินออกไป เพราะใกล้เวลาที่หัวหน้าแผนกจะมาตรวจงาน

“เด็กกำพร้าแล้วมันหนักส่วนไหนไม่ทราบฮะ! อีไหมขัดฟัน!”  พิมาลาตะโกนตามหลังด้วยสีหน้าเดือดดาล

“ช่างเถอะพิ!” มะลิฉัตรปราม กลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปด้านนอกให้คนอื่นได้ยิน

“พวกมันทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วฮะมะลิ” พิมาลาหันมาถามคนข้างๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

มะลิฉัตรถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะตอบ “ก็หลายครั้งอยู่ เราอยากจะลุกขึ้นสู้นะ อยากลองต่อยปากเสียๆ นั่นดูสักครั้ง! แต่พอนึกไปถึงหน้าน้องกับแม่แล้ว เราทำไม่ได้ เพราะที่นี่ให้เงินเดือนเยอะกว่าที่อื่นแถมสวัสดิการต่างๆ ก็ดี อะไรที่ทนได้ก็ทนไปก่อน”

“แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบอยู่แค่นี้แน่ๆ”

“เอาน่า! ถ้าวันไหนที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เราจะสู้ให้สุดใจขาดดิ้นไปเลยดีมะ”

“เฮ้อ... ก็เป็นซะแบบนี้!” พิมาลาบอกก่อนจะวางนิ้วลงที่แป้นสแกน จากนั้นก็เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในล็อกเกอร์

“พักเบรกวันนี้เราไปกินส้มตำที่ร้านข้างตึกกันนะ” มะลิฉัตรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเห็นเพื่อนยังไม่หายหน้าบูดบึ้ง

“อืม! ว่าแต่วันนี้ผู้กำกับฯ จะมาไหมนะ?”

“เฮ้อ...” มะลิฉัตรกลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยถึงชายหนุ่มผู้เป็นสาเหตุทำให้เธอเกือบโดนตบเมื่อครู่ ‘ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้อยู่ยาก’

“เธอไม่ชอบคุณคเชนทร์เหรอมะลิ ฉันว่าเขาหล่อบาดใจออก” พิมาลาถามต่ออย่างนึกสนุกเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสาว

“ไม่อะ! ตอนนี้ฉันสนใจงานกับเงินเดือนที่จะต้องเก็บมากกว่า”

“อ๊ะ! แต่คุณคเชนทร์ฐานะร่ำรวยนะ เป็นฉันจะรีบคว้าเอาไว้เลย” พิมาลาที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเอ่ยแซว

“ได้โปรด... เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้ไหมคะคุณพิ” มะลิฉัตรบอกด้วย สีหน้าเพลียๆ

“คิกๆๆ  อายเหรอ” พิมาลายิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนหน้าแดง

“อายบ้าอะไรล่ะ!” มะลิฉัตรบอกก่อนจะรีบคว้าแก้วกาแฟเดินออกไปวางที่ใต้เคาน์เตอร์ด้านหน้า พิมาลายิ้มก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสาวออกไปอย่างชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางขึงขังกลบเกลื่อนอาการเขินอาย

เช้าวันต่อมา... Rocasander Grand Hotel

มะลิฉัตรกับพิมาลาแวะซื้อกาแฟที่ร้านประจำก่อนจะเดินตรงไปยังทางเข้าด้านหลังสำหรับพนักงาน เพื่อเข้าทำงานเหมือนปกติ

“มะลิไปก่อนนะ เราขอแวะรดน้ำดอกไม้แป๊บ” พิมาลาสะกิดบอกเมื่อเดินผ่านห้องน้ำ

“อืม! รีบๆ มานะเหลืออีกไม่กี่นาทีแล้ว” มะลิฉัตรบอกอย่างขำๆ กับคารมคมคายของเพื่อน

“จะทำสถิติเลยจ้า” พิมาลาบอกก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องน้ำด้วยสีหน้าตื่นๆ มะลิฉัตรส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะรีบเดินไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงาน

ร่างบอบบางในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานต้อนรับ ที่เน้นสัดส่วน  ทำให้ใครหลายๆ คน หันมามองตามกันเป็นตาเดียว มะลิฉัตรเดินเร็วๆ ตรงไปห้องสแกนนิ้วที่เห็นสายไหมเปิดประตูชะโงกหน้าออกมา จากนั้นก็ดึงประตูกลับเข้าไปเช่นเดิม

‘มาแล้วๆ’

เสียงแว่วๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้มะลิฉัตรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไป

ซ่า...

“อะ... อะไรกันเนี่ย?”

มะลิฉัตรถามอย่างมึนงง เมื่อถูกกุ๊กไก่สาดน้ำแดงใส่ จนเปียกชุ่มไปทั้งตัว

“อุ๊ย! ขอโทษด้วยจ้ะ” กุ๊กไก่ยิ้มก่อนจะทำท่าเสียใจ

“เป็นไรมากไหมจ๊ะมะลิคนสวย คิกๆๆ” สายไหมหัวเราะคิกคักอย่างสะใจที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าช็อก!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป