บทที่ 4 พี่กรอยู่ไหน?

30 นาทีต่อมา...

ลัมโบร์กินีสีขาวมุกป้ายแดง กับออดี้ R8 สีดำเงาขับตามกันเข้ามาจอดยังร้านอาหาร เอื้องลานนา บาร์ แอนด์ เรสเตอรองต์ เรียกสายตาของคนภายในร้านให้หันไปมองตามๆ กัน เมื่อสองหนุ่มก้าวออกจากรถและเดินเข้าไปยังด้านในของร้าน

“สวัสดีเพชร อีวาน” ธนากรที่เพิ่งมาถึงก่อนหน้าเพียงไม่กี่นาทีเอ่ยทักทายสองหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“สวัสดีครับพี่กร” อีวานยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับ นี่นัดกับสาวไหนเอาไว้หรือเปล่าครับเนี่ย?” เพชรดนัยเอ่ยแซวคนที่เล่นด้วยกันมาแต่เด็ก

“เปล่าสักหน่อย พี่แวะมาทานข้าวที่ร้านต่างหาก” เจ้าของร้านบอกก่อนจะยกมือให้เด็กเสิร์ฟเอาเมนูมาให้

“แหม! พอดีเลยครับ พวกผมกำลังจะดื่มกัน” เพชรดนัยเอ่ยชวน

“แต่วันเลยเนี่ยนะ?” ธนากรมองหน้าสองหนุ่มสลับกันไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ!

“ผมกำลังจะเข้าประชุมรอบบ่าย อยู่ๆ ก็โดนไอ้เพชรลากมานี่แหละครับ” อีวานรีบบอกเหตุผล พร้อมกับรับเมนูอาหารจากพนักงานมาส่งต่อให้ทั้งสอง

“แหม! นานๆ เจอกันที” เพชรดนัยเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“เมื่อคืนหลังจากงานแต่งของแพททริก พี่ก็นั่งดื่มกับต้อม อีเดนแล้วพวกฟีนิกซ์จนเกือบเช้า นี่ก็ว่าจะหาข้าวทานแล้วก็จะนั่งเครื่องกลับเชียงใหม่เลย” ธนากรบอกความตั้งใจ

“งั้นก็สั่งมาทานด้วยกันสิครับ” อีวานบอกอย่างเข้าใจ

“ใช่ครับ! แบบนี้ต้องถอนสักแก้วก่อนกลับครับ” คนที่รู้สึกเคว้งคว้างต้องการเพื่อนดื่มเอ่ยคะยั้นคะยออีกครั้ง

“ก็ได้! แก้วเดียวนะ” ธนากรตอบรับอย่างมีมารยาท

สี่ชั่วโมงต่อมา...

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงเรียกเข้าของมือถือที่ดังขึ้น ทำให้การสนทนาของสามหนุ่มหยุดชะงักไปชั่วขณะ

“มือถือของพี่กรดังครับ”

“อ้าว...ของพี่เหรอ?” ธนากรที่ใบหน้าแดงก่ำนิดๆ รีบล้วงมือถือในกระเป๋ามากดรับสาย

“ฮัลโหล! พ่อเลี้ยงอยู่ไหนครับ”

“อยู่ที่เอื้องลานนา”

“อ้าว! แล้วพ่อเลี้ยงลงเครื่องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” สนธิถามอย่างมึนงงเพราะตนยืนรอที่ทางออกตั้งเกือบชั่วโมง ก็ไม่เห็นผู้เป็นนาย พอโทรหาอีกฝ่ายกลับบอกว่าอยู่ที่โรงแรมเอื้องลานนา(สาขาที่เชียงใหม่)

“เปล่า! ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องต่างหาก” ธนากรกลอกตาราวกับคนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าอะไรเป็นอะไร

“ฮ่าๆๆ / ฮ่าๆๆ” เพชรดนัยกับอีวานที่หน้าแดงก่ำไม่แพ้กันหัวเราะขึ้นอย่างชอบใจกับคำตอบของธนากร

เพชรดนัยดึงมือถือของรุ่นพี่คนสนิทมาคุยสายต่อ “พี่สนครับ พี่กรจะกลับเชียงใหม่พรุ่งนี้ครับ”

“คุณเพชร!” สนธิถึงบางอ้อทันใดที่รู้ว่าผู้เป็นนายอยู่กับใคร

“ใช่ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ” เพชรดนัยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกดวางสายแล้วส่งคืน

“ดื่ม!” ธนากรยิ้มพร้อมกับชูแก้วขึ้นชนกับสองหนุ่ม

กริ๊ง!

“หมดแก้วครับ” อีวานที่เมากรึ่มๆ มีเนกไทพันรอบศีรษะ บอกก่อนจะยกแก้วขึ้นกระดก

“หมดแก้ว” เพชรดนัยยกขึ้นกระดกตาม พลางนึกไปถึงตอนแรกที่ชวนทั้งสองดื่ม แต่ละคนมีท่าทีกระอักกระอ่วน แล้วดูตอนนี้สิ!  หมดวิสกี้ไปสามขวดแล้ว ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกรา แถมยังมีแนวโน้มจะไปต่อกันที่คลับชั้นใต้ดินของโรคาซานเดอร์ แกรนด์ ที่อยู่ใกล้ๆ อีก

วันต่อมา...10:23 น.

ฟ้ารดานั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิกับบรรดาเหล่าทีมงาน เพื่อจะบินไปถ่ายปกขึ้นนิตยสารญี่ปุ่น แบบกระทันหัน เพราะเจ้าของนิตยสาร M-Star ‘ลินิน พิสุทธิกรณ์’ โทร.มาขอร้องกับเธอโดยตรงเมื่อคืน ซึ่งเธอไม่สามารถเอ่ยปฏิเสธได้เพราะเป็นนิตยสารฉบับแรกที่ทำให้เธอโด่งดังและเป็นที่รู้จักในวงการ

คนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกพยายามต่อสายหาเพชรดนัย แต่อีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง เธอจึงคิดว่าจะโทรหาเขาในตอนเช้าของอีกวัน แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้

“น้องฟ้าโอเคหรือเปล่าคะ?” จีน่าเลขาส่วนตัวของลินินเอ่ยถาม เมื่อเห็นนางแบบสาวมีสีหน้าเป็นกังวล

“โอเคค่ะพี่จีน่า” ฟ้ารดาหันไปฉีกยิ้มให้บางๆ

“มันกระทันหันไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะคะ” จีน่าบอกอย่างรู้สึกผิดนิดๆ ที่ดึงตัวสาวเจ้ามาร่วมปุบปับ

“ไม่เป็นไรค่ะ” ฟ้ารดาบอกอย่างเข้าใจ เพราะทาง M-Star ถอดนางแบบโกอินเตอร์ออกกระทันหัน เลยทำให้หาคิวของนางแบบที่จะมาขึ้นปกได้ยาก “แล้วเราจะถ่ายทำกันประมาณกี่วันเหรอคะ”

“น่าจะสอง-สามวันค่ะ เดี๋ยวพี่จีน่าจะพาน้องฟ้าไปทานของอร่อยๆ รับรองจะต้องชอบแน่ๆ ค่ะ” จีน่าที่โดนสั่งมาให้เทคแคร์นางแบบสาว รีบบอกอย่างเอาใจ

“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ฟ้ารดายกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างซาบซึ่งแต่ภายในใจกลับเอาแต่คิดถึงคนที่เธอยังติดต่อไม่ได้ ‘ตั้งสามวัน! แบบนี้พี่เพชรจะคิดว่าเราหลบเขาไหมนะ?’

“ทุกคนครับ! ได้เวลาขึ้นเครื่องครับ” เสียงของทีมงานชายเอ่ยขึ้น เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง

“ไปค่ะน้องฟ้า” จีน่าเอ่ยชวน

“ค่ะ” ฟ้ารดาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะลุกเดินตามทีมงานคนอื่นๆ ไปขึ้นเครื่อง ‘ช่างเถอะ! เดี๋ยวลงเครื่องเสร็จแล้วค่อยลองโทร. หา พี่เพชรอีกครั้งแล้วกัน’

11:20 น. Malichat Grand Hotel

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

คนที่กำลังหลับลืมตาขึ้นมองครู่หนึ่ง ก่อนจะควานหามือถือมากดรับสาย แล้วหลับตาลงอย่างรู้สึกง่วงนอน “ฮัลโหล...”

“อีวานนี่ลูกอยู่ไหนฮะ” ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

“ผมไม่ใช่อีวานครับ...นั่นใครพูด” เพชรดนัยถามอย่างรู้สึกมึนๆ งงๆ ‘ทำไมไม่โทรไปหาอีวานวะ โทรมาเข้าเครื่องเราทำไม?’

“อ้าว! แล้วนั่นใครรับสาย?” ปลายสายถามต่ออย่างตกใจ เมื่อรู้ว่าคนที่รับสายไม่ใช่บุตรชายของตน ‘หรือว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับอีวาน’

เพชรดนัยถอนหายใจก่อนจะเอ่ยตอบ “ผมคารอสครับ”

“เพชร! อีวานอยู่ไหน” อีธานรู้สึกโล่งใจนิดๆ ที่รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของบุตรชาย

“ลุงอีธาน!” เพชรดนัยตื่นเต็มตาทันทีทันใด เมื่อรู้ว่ากำลังคุยสายอยู่กับใคร ‘บ้าจริง! นี่ไม่ใช่มือถือของเราหรอกเหรอเนี่ย?’

คนที่เพิ่งจะได้สติก้มลงมองมือถืออย่างมึนงง ก่อนจะมองหาเจ้าของเครื่อง แต่ก็พบว่ามีแต่ตนเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้ “อะ...เอ่อ...ดะ...เดี๋ยวผมโทรกลับครับ”

“ได้! ลุงจะรอ” ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงตึงๆ ก่อนจะกดวาง

เพชรดนัยรีบลงจากเตียงแล้วตะโกนเรียกหาเพื่อนสนิทที่ดื่มด้วยกันเมื่อคืน “อีวาน! อีวาน! แกอยู่ไหน?”

“อื้อ...ฉันอยู่นี่...” เจ้าของชื่อขานรับด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดๆ

เพชรดนัยตาโต! รีบวิ่งไปตามเสียงที่ดังแว่วมาจากห้องน้ำด้วย สีหน้าตื่นๆ และทันทีที่เปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็เห็นเพื่อนสนิทนอนฟุบหน้าลงกับฝาชักโครก “ให้ตายสิ! อีวานตื่นเร็ว”

คนที่โดนเขย่าตัวไปมา ลืมตาขึ้นมองแว่บหนึ่ง ก่อนจะปัดแขนของอีกฝ่ายออกด้วยสีหน้าหงุดหงิด “กูจะนอน”

“พระเจ้า!” เพชรดนัยมองซีกหน้าของเพื่อน ที่แดงช้ำเป็นรอยพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าจะพูดให้ถูก มันคือรอยของฝารองชักโครกนั่นเอง “อะ...อีวาน พะ...พ่อนายโทรมา”

“บอกว่าตื่นแล้วฉันจะโทรกลับ” อีวานบอกพลางทำท่าจะล้มตัวลงนอนต่อ

“ไม่ได้! เพราะตอนนี้จะเที่ยงวันแล้ว” เพชรดนัยบอกพร้อมกับดึงแขนของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น

“อะ...อะไรนะ บ้าจริง! วันนี้ฉันต้องเข้าประชุมนี่” คนที่เพิ่งได้สติดีดตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

“ใช่!” เพชรดนัยเอ่ยเสียงแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิด ‘พระเจ้า! งานเข้าแล้วสิ’

“แล้วทำไมแกไม่ปลุกฉันตื่นให้เร็วกว่านี้วะ?” อีวานต่อว่าอย่างหัวเสีย

“ฉันก็เพิ่งตื่นตอนที่พ่อนายโทรมานี่แหละ”

“ให้ตายสิ! เพราะแกคนเดียวเลย ทำฉันเสียการเสียงานหมด อ๊ะ! แล้วพี่กรล่ะ พี่กรอยู่ไหน?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป