บทที่ 5 ถ้าเธอยังเก็บเด็กสองคนนี้ไว้! เธออยู่ยากแล้วสิรัน

“ขอโทษค่ะหัวหน้า หนูแค่ทนฟังคนที่ตัดสินคนอื่นจากความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ คุณเห็นว่าหลานสาวของตัวเองเปียกไปด้วยน้ำกาแฟ แล้วคุณก็โกรธและตัดสินว่าพวกหนูผิด ประทานโทษนะคะคุณมองเห็นไหม? ว่าเพื่อนของหนูก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำแดงตั้งแต่หัวจดเท้าเหมือนกัน” พิมาลาลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้ให้อีกฝ่ายมองเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตึงๆ

“นี่เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร มีตำแหน่งอะไรในโรงแรมนี้” จันจิรากัดฟันแน่น ตั้งแต่ทำงานมาไม่มีใครที่พูดจากับตนแบบนี้มาก่อน

“ไม่ทราบค่ะ หนูไม่ได้อยู่ฝ่ายบุคคล” พิมาลายิ้มก่อนจะยักไหล่สองข้างขึ้นพร้อมๆ กันอย่างไม่แคร์

“พิ!” มะลิฉัตรหน้าชาวาบเมื่อได้ยินประโยคกวนๆ ของเพื่อนที่เอ่ยออกไป

“กลัวอะไรเล่ามะลิ ผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด เอาแต่พวกพ้องของตัวเองแบบนี้ มันน่านับถือหรือว่าน่าเกรงใจตรงไหนกัน”

“ไล่สองคนนี้ออกเดี๋ยวนี้!” จันจิราที่โดนถอนหงอกจนแทบจะหมดหัว ตะเบ็งเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ใจเย็นๆ ค่ะป้าจิ” กุ๊กไก่รีบเข้าไปหาญาติผู้ใหญ่ที่กำลังโกรธจนหน้าแดงก่ำอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“ถ้าเธอยังเก็บเด็กสองคนนี้ไว้! เธออยู่ยากแล้วสิรัน ไปยัยกุ๊ก กลับบ้าน!” จันจิราหันไปจ้องสิรันอย่างคาดโทษ ก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้าตึงๆ

“ขอตัวก่อนนะคะหัวหน้า ไปสิไหมนั่งอยู่ทำไม!” กุ๊กไก่ยิ้มเยาะ  สองสาวอย่างผู้ชนะ ‘หึ! บอกแล้วว่าอย่าลองดีกับคนอย่างกุ๊กไก่!’

“เอ่อ! ขอตัวค่ะ” สายไหมยกมือไหว้สิรันก่อนจะรีบเดินตาม  เพื่อนรักออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

สิรันมองตามหลังจันจิราและสองสาวผ่านกระจกใสนิ่ง พยายามคิดหาวิธีต่างๆ ที่จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้น ‘เฮ้อ... เป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ แต่กลับก้าวก่ายหน้าที่การทำงานของแผนกอื่น! แถมยังให้ท้ายสองคนนั่น  จนมองไม่เห็นหัวเราอีก แล้วแบบนี้จะมีกฎระเบียบเอาไว้ทำไมกัน’

“หัวหน้าไม่ต้องเครียดหรอกค่ะ ต่อให้เราสองคนทำงานต่อ เดี๋ยวก็โดนพวกนั้นแกล้งอีก ยังไงก็คงต้องออกจากงานอยู่ดี” พิมาลาบอกอย่างเข้าใจ

“ใช่ค่ะ! ขอบคุณหัวหน้ามากๆ นะคะ ที่สอนงานให้พวกหนู ขอบคุณค่ะ”

มะลิฉัตรบอกพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้หัวหน้าแผนก ที่เอ็นดูเธอทั้งสองคนมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาฝึกงาน จนกระทั่งเรียนจบแล้วได้เข้าทำงานที่นี่

“พวกหนูสองคนรักหัวหน้านะคะ” พิมาลาน้ำตาคลอ ขณะที่นึกไปถึงสิ่งดีๆ ที่สิรันได้เคยหยิบยื่นให้น้องๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นประจำแทบทุกเดือน ทั้งเสื้อผ้า ขนม และของใช้ต่างๆ

สองสาวยกมือไหว้สิรัน ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไปที่แผนกบุคคล เพื่อเขียนใบลาออก

สิรันจ้องมองเด็กสาวสองคนที่ฝึกงานมากับมือร่วมหลายเดือน เดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่ตื้ออย่างบอกไม่ถูก ‘นี่เราจะปล่อยให้เด็กสองคนนี้ต้องออกจากงานจริงๆ เหรอ เราทำได้แค่มองดูแบบนี้น่ะเหรอ’

ครึ่งชั่วโมงต่อมา... ห้องผู้บริหาร

ก๊อกๆๆ

ธีรติ อัครเหมษ์ ผู้จัดการใหญ่โรคาซานเดอร์ แกรนด์ เงยหน้าขึ้นมองประตูห้อง ที่เลขานุการสาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีกำลังเปิดเข้ามาอย่างสนใจ

“มีเรื่องอะไรหรือครับ?”

ฉัตรนารียิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะบอกเรื่องสำคัญให้ผู้จัดการทราบ

“เอ่อ... คือว่า... คุณสิรันยื่นใบลาออกค่ะ”

“อะไรนะ?” ธีรติถามอย่างไม่เชื่อหู

“ที่ฝ่ายบุคคลไม่ยอมเซ็นอนุมัติให้ เลยต้องส่งต่อมาขอลายเซ็นจากผู้จัดการค่ะ” ฉัตรนารีเอ่ยพลางส่งเอกสารให้ผู้จัดการหนุ่มดู

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าตึงเครียด

ฉัตรนารีถอนใจ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายใน แต่ทว่ากลับดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งที่ทำงาน ให้ผู้จัดการหนุ่มฟังคร่าวๆ

ฝ่ายบุคคล... ธาริณี หัวหน้าแผนกทำความสะอาด นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะห่างจากฝ่ายบุคคลไปห้าเมตร เดินเข้ามาถามเด็กสาวที่นั่งทำหน้าเศร้าๆ อยู่อย่างสนใจ หลังจากได้ยินข่าวแว่วๆ ที่แผนกต้อนรับดังมาเข้าหูเมื่อห้านาทีก่อน

“ชื่ออะไรเหรอหนู”

“เอ่อ... สวัสดีค่ะ หนูชื่อมะลิค่ะ” คนที่กำลังคิดว่าจะไปสมัครงาน  ที่ไหนในวันรุ่งขึ้น หันมาตอบยิ้มๆ

“มาทำอะไรที่แผนกบุคคลเหรอจ๊ะ?” ธาริณีถามพลางสำรวจ  อีกฝ่ายที่มีสภาพมอมแมมอย่างรู้สึกสงสาร

“หนูมากรอกใบลาออกค่ะ” มะลิฉัตรบอกเสียงเบา

“งานมีปัญหาเหรอ?” ธาริณีถามต่อ

“งานโอเคค่ะ ทั้งเงินเดือน ที่พัก อาหาร ไม่รู้ว่าออกจากที่นี่ไปแล้ว หนูจะหางานใหม่ที่ดีแบบนี้ ได้อีกหรือเปล่า” มะลิฉัตรบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำที่หางตาทิ้งลวกๆ

“งั้นออกทำไมล่ะ”

“เอ่อ...”

“เพื่อนร่วมงานสินะ” ธาริณีสรุปให้

“ค่ะ” เธอเอ่ยรับเสียงเบา

“มาทำงานกับฉันไหม งานแม่บ้านอาจจะหนักหน่อย แต่เงินดีนะจะบอกให้”

“จะ... จริงเหรอคะ!” มะลิฉัตรหันไปถามอย่างสนใจ

“จริงสิ! ปกติอยู่หน้าเคาน์เตอร์ได้เดือนหนึ่งเท่าไหร่”

“เงินเดือนหมื่นเจ็ดค่ะ”

“เงินเดือนเมดหมื่นห้า แต่ได้ทิปเดือนหนึ่งเกือบหมื่น บางเดือนก็หมื่นกว่าแน่ะ” ธาริณีเปิดเผยตัวเลขให้หญิงสาวฟัง

“โห... ” มะลิฉัตรอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“สนใจไหมล่ะ! คนขาดพอดีเลย”

“สนใจมากๆ เลยค่ะ”

“เยี่ยม! แต่หนูจะโอเคไหม ที่เคยทำงานต้อนรับแล้วมาเป็นเมด  ทำความสะอาดน่ะ”

“โอเคค่ะ! หนูไม่เกี่ยงงาน” เธอบอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

“งั้นก็รับนี่ไปจ้ะ” ธาริณีบอกพร้อมกับยื่นใบสมัครที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังให้กับหญิงสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรยกมือไหว้อย่างซาบซึ้งใจ เพราะตราบใด  ที่เธอและเพื่อนยังทำงานที่โรคาซานเดอร์ แกรนด์ เธอก็ยังมีสิทธิ์ที่จะพัก ที่หอตามเดิม ซึ่งนั่นจะทำให้เธอและเพื่อนเซฟเรื่องค่าใช้จ่ายไปได้มาก

“สวัสดีค่ะ” พิมาลาที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา ยกมือไหว้หัวหน้าของเมดในโรงแรมด้วยสีหน้ายิ้มๆ เธอเคยเจออีกฝ่ายอยู่สองสามครั้งตอนไปซื้อกาแฟที่ร้านประจำ

“สวัสดีจ้ะหนู” ธาริณีหันมารับไหว้เด็กสาว ก่อนจะมองเลขานุการใหญ่ที่เดินตรงมาทางด้านหลังอย่างรู้สึกแปลกใจนิดๆ

“สวัสดีค่ะคุณณี” ฉัตรนารีเอ่ยทักทายอย่างคุ้นเคย

“สวัสดีค่ะคุณฉัตรมีอะไรกับณีหรือเปล่าคะ” ธาริณีเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“คือฉัตรมาตาม คุณพิมาลากับคุณมะลิฉัตร ไปหาผู้จัดการน่ะค่ะ”

ฉัตรนารีบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พลางจ้องมองสองสาวนิ่งอย่างตกตะลึงในความสวย ‘เด็กสองคนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ หน้าตาสวยกว่าดาราเสียอีกแน่ะ’

“นี่ข่าวไปถึงหูคุณธีรติแล้วเหรอ?” ธาริณีถามต่อ

“แหม! เดี๋ยวพักเบรกเจอกันที่ร้านเดิมนะคะ” ฉัตรนารียิ้มก่อนจะทำท่าเหมือนไม่สะดวกจะเมาท์มอยในตอนนี้

“ได้!” ธาริณีหัวเราะในลำคออย่างเข้าใจ

“เชิญค่ะ” ฉัตรนารีพยักหน้าให้สองสาวออกเดินตาม

“เอ่อ... เดี๋ยวหนูกลับมานะคะ” มะลิฉัตรรีบหันไปบอกอีกฝ่าย

“จ้ะ! ฉันจะเก็บใบสมัครเอาไว้ให้นะ” ธาริณีบอกยิ้มๆ

“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรยกมือไหว้อีกครั้งก่อนจะเดินตามเพื่อนและเลขานุการใหญ่ไปด้วยสีหน้าตื่นๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป