บทที่ 4 EP.4 ราคาหกหลัก
EP.4 ราคาหกหลัก
รถตู้สีดำเงาแล่นลัดเลาะตามทางเปลี่ยวจนมาจอดสนิทที่บริเวณท่าเรือร้าง ท้องฟ้ามืดครึ้มสีเทา ลมทะเลพัดแรงจนใบไม้สะบัดเหมือนจะเตือนอะไรบางอย่าง
เสียงเปิดประตูดัง แกรก! พร้อมกับร่างบางในเบาะหลังที่ยังถูกเทปปิดปาก มัดมือมัดเท้าแน่นหนา เพราะไม่ยอมอยู่นิ่งระหว่างทาง ไลลายังดิ้นอยู่ตลอด ทั้งถีบทั้งเบี่ยงตัวเพื่อให้ใครสักคนสนใจว่าเธอไม่ได้ยอมแพ้
เทลวินลงจากรถ ชุดสูทเข้ารูปสีดำสนิทของเขากลมกลืนไปกับบรรยากาศจนแทบแยกไม่ออก ท่าทางนิ่งขรึมแต่แฝงไปด้วยอำนาจ ทำให้ลูกน้องยี่สิบกว่าคนในบริเวณนั้นต่างหลบสายตาโดยอัตโนมัติ
"ฮิม" เขาหันไปเรียกลูกน้องมือซ้าย "พาคนเข้าไปตรวจของให้ครบก่อน อย่าให้มีอะไรผิดพลาด"
"ครับ" ฮิมพยักหน้ารับ แล้วเดินนำลูกน้องกลุ่มหนึ่งเข้าไปยังโกดังริมท่าเรือ ทิ้งไว้เพียงอดีน คนสนิทมือขวาที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
"แก้มัดให้เธอ" อดีนไม่ถามซ้ำ เขาเปิดประตูรถแล้วจัดการปลดเชือกและดึงเทปกาวออกอย่างระวัง ก่อนจะถอยห่างเพื่อให้ร่างบางได้จัดการตัวเอง
"เมื่อยชะมัด" ไลลาขยับตัวรวดเร็วเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกปล่อยจากกรง เธอสะบัดข้อมือแดงช้ำ รีบกวาดสายตามองไปยังนอกรถด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ริมฝั่งท่าเรือเงียบสงบ แต่ทุกจุดมีผู้ชายสวมชุดสีดำยืนอยู่เงียบ ๆ และที่สำคัญไปกว่านั้น พวกเขาถือปืน! แต่ก่อนที่สมองจะสงสัยไปมากกว่านี้เสียงทุ้มราบเรียบดังขึ้นข้างตัว
"อยู่เงียบ ๆ ถ้าไม่อยากตาย"
หญิงสาวกัดฟันแน่น ก่อนจะโต้กลับตามนิสัย "ไม่ ฉันจะกลับบ้าน"
ประโยคปฏิเสธทำเอาเทลวินหยุดเท้า ใบหน้าหล่อนิ่งหันกลับมามองเธอ รอยยิ้มเยาะเย้ยบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
"งั้นก็ไปสิ" เขาชี้ไปยังแนวเรือด้านหน้า "ถ้าอยากไปมากนักก็ไป"
ดวงตากลมโตของไลลาสั่นระริก ขาแข็งทื่อเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอเหลือบมองไปยังรอบ ๆ อีกครั้ง
ท่าเรือที่เธอเคยเห็นในซีรีส์ ไม่ได้มีพระเอกมาช่วย ไม่มีใครหล่อ ๆ วิ่งฝ่ากลุ่มผู้ร้ายเข้ามาประคองเธอหนีเหมือนที่จินตนาการ จะมีก็แต่พวกผู้ชายหน้าโหด กับสายตาเย็นชาที่พร้อมจะยิงทิ้งได้ทุกเมื่อ
"ไม่ไปแล้วเหรอ?" เทลวินถามเรียบ ๆ
"พูดมาก น่ารำคาญ" เธอตอบเสียงเบาเชิงเหน็บแนมเขากลับ แต่ก็ยังไม่กล้าสบตาเขาให้เสียฟอร์ม ใบหน้าสดใสไร้เครื่องสำอางค์หันขวับไปอีกฝั่งอย่างมีชั้นเชิง
"ไม่ต้องเฝ้า กลัวตายขนาดนี้ไม่หนีไปไหนหรอก" เทลวินพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าอดีนเข้าไปในโกดัง
รถยนต์สีดำสนิทจอดนิ่งอยู่ใกล้ท่าเรือ บอดี้การ์ดที่เคยยืนอยู่รอบตัวกระจายหายไปหมด เหลือเพียงความเงียบ กับเงาสะท้อนของท้องฟ้าที่ใกล้ค่ำ
เสียงคลื่นทะเลซัดเบา ๆ ดังเป็นจังหวะ แต่ในหัวของไลลาไม่มีความสงบใด ๆ เหลืออยู่อีกแล้ว
ร่างบางนั่งนิ่งอยู่บนเบาะหลังของรถที่ไม่รู้จัก ไม่ใช่รถตัวเอง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นเจ้าของ แม้เสียงเครื่องยนต์จะดับลงนานแล้ว แต่จิตใจของเธอกลับยังเหมือนกำลังวิ่งอยู่บนทางด่วน
"นี่มันท่าเรือเหรอ?" เธอก้มมองตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ อีกครั้ง
โกดังเก่า ๆ เรียงกันเป็นแถว มีคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ถูกวางซ้อน ๆ ราวกับฉากในหนังบู๊ ชายชุดดำหลายคนยืนถือปืนเงียบ ๆ อย่างกับหลุดมาจากฉากปล้นในหนังฮอลลีวูด
ไลลากลืนน้ำลายลงคอ สายตาจ้องเขม็งไปที่ชายร่างสูงคนหนึ่งที่ยืนหน้าดุราวกับจะฆ่าใครได้ด้วยสายตาเปล่า ๆ
"นี่มันอะไรกันแน่?" เสียงของเธอเบาราวกระซิบ แม้จะอยู่ในรถแต่ความกลัวที่เริ่มก่อเกิดในใจกลับทำให้ไลลาไม่กล้าแม้จะหายใจแรง
"หรือว่า...ฉันอยู่ในกองถ่าย? หรือเขาเป็นดารา?" ไลลาเริ่มประมวลภาพในหัวอย่างรวดเร็ว
"คนที่พามา...หน้าก็หล่อเกินมนุษย์ หน้าตาแบบนั้นน่ะ เป็นพระเอกหนังมาเฟียชัด ๆ...แล้วทำไมเขาต้องเอาฉันมาด้วยวะ?" เธอขมวดคิ้วแน่น เริ่มสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น สองมือเริ่มสั่นเบา ๆ ริมฝีปากแห้งผากมาพร้อมกับหัวใจเต้นระส่ำ
"ฉันกำลังอยู่ในโลกอะไร?" ไลลานั่งอยู่เบาะหลัง ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างคนที่อดกลั้นความหงุดหงิดแทบไม่ไหว เธออดทนนั่งอยู่ในรถได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ความเงียบมันก็เริ่มกัดกินความอดทนของเธอทีละนิด
ในระหว่างนั้น จู่ ๆ กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ยืนคุมอยู่ด้านนอกก็กรูกันเข้าไปในโกดัง เหลือเพียงความว่างเปล่าในใจของเธอเท่านั้น
ร่างเล็กเริ่มขยับตัว หันซ้ายมองขวา พยายามหาทางออกไปจากที่นี่ทันที กระเป๋าใบเล็กของเธอถูกโยนทิ้งไว้ข้างเบาะหน้า พอควานหาก็พบเพียงเครื่องสำอางกับบัตรนักศึกษาสิ่งที่ไม่มีวันใช้ต่อกรกับผู้ชายถือปืนได้แน่
"มือถือ..." เธอกระซิบกับตัวเอง แต่แล้วภาพมือถือที่ถูกปัดทิ้งจนแตกกระจายเหมือนชีวิตรักที่เพิ่งพังหมาด ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว
และจู่ ๆ ก็เหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัวใจของคุณหนูผู้สูงศักดิ์
"เห้ย!!" เธอก้มมองปลายเท้าของตัวเอง ก่อนจะเห็นว่ารองเท้าส้นสูงแบรนด์หรูที่เธอใส่วันนี้ หายไปข้างหนึ่ง!
"ไม่จริง!! รองเท้าชั้น...อีกข้างมันหายไปไหน?!"
สุดท้ายก็เปิดประตูรถออกมาแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ในใจอยากกระแทกประตูให้สาสมกับความหงุดหงิดในใจ
เธอเดินกระย่องกระแย่งอย่างคนใส่รองเท้าข้างเดียว สายลมแรงตีผมยาวสลวยจนยุ่งฟู ส่วนใบหน้าเธอก็ไร้เมคอัพเพราะดันตื่นสาย
ไลลาถือรองเท้าข้างที่เหลือในมือเอาไว้แน่น เธอเดินเท้าเปล่าผ่านกองลังสินค้าสูงเกือบเมตร กลิ่นทะเลผสมกับกลิ่นโลหะคละคลุ้งอยู่ในอากาศ
ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นโกดังเก็บของหลังใหญ่ ไม่มีใครเฝ้าหน้าประตู ไม่มีเสียงใด ๆ มีเพียงความรู้สึกเท่านั้นที่บอกว่า...ว่าที่นั่นน่าจะมีคนอยู่
"ดีล่ะ…" เธอกระซิบกับตัวเองแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ
"ถ้าฉันเจอหมอนั่น เขาต้องโอนเงินค่ารองเท้ากับค่ามือถือให้เดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นไม่จบแน่"
เธอกัดฟันแน่น พลางยกส้นสูงในมือขึ้นราวกับจะใช้มันเป็นอาวุธ ร่างบางของเธอค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปในเงามืดของโกดัง
ตอนนี้จิตใจของไลลาไม่ได้คิดถึงอันตรายหรือความลับของใครทั้งนั้น มีเพียงคำเดียวที่วนเวียนในหัว…
"หกหลัก...รองเท้าฉันราคาหกหลัก"
