บทที่ 9 ตอนที่9

“ทำอะอื้อออ”ฉันเบิกตาโพรงขึ้นด้วยความตกใจเมื่อริมฝีปากของฉันถูกอีตาบ้านี่บดขยี้อย่างรุนแรงมือทั้งสองข้างของฉันก็ทุบตีลงไปบนแผ่นหลังของเขาหลายตุบยิ่งฉันทุบเขาแรงมากขึ้นเท่าไหร่อีตาบ้านี่ก็ยิ่งบดขยี้ริมฝีปากฉันแรงมากขึ้นเท่านั้น ฉันจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย!

“เห้ยอะไรของเด็กสมัยนี้ว่ะ ไม่รู้จักอายกันบ้างเลย!”เสียงของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ฉันกำลังจะหันหน้าไปขอความช่วยเหลือ

“อื้อออออออ่ยโอออ”

“จ๊วฟฟฟ จ๊วฟฟฟฟ”อีตาบ้านี่มันดูดริมฝีปากฉันแรงขึ้นแถมยังส่งลิ้นสากๆของเขาเข้ามาในโพรงปากฉันด้วยอีกน่ะ ต้นฝนจะบ้าตาย

ตุ๊บๆๆๆ

“รุนแรงจริงๆเว้ยฮ่าๆๆๆ”เสียงหัวเราะชอบใจของคนปริศนาพวกนั้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่ฉันทุบกำปั้นลงไปบนแผ่นหลังของอีตาบ้านี่หนักขึ้น

“ไปเว้ย!เดี๋ยวนายจะด่าเอา!”

“เอ่อใช่ๆๆ!”

“นี่เป็นโอกาสทองเลยน่ะเว้ยที่เราจะได้ตัวนังคุณหนูนั้น!”

ตึกๆๆๆๆ

เสียงพูดคุยหายลงพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งไปทางอื่น

“อ่ออยย!!”คราวนี้ฉันดึงกลุ่มผมนิ่มๆของอีตาบ้านี่อย่างแรงและออกแรงกระชากให้เขาปล่อยริมฝีปากฉัน

พรึบ

“เพลี้ยย!”

“ตบผมทำไมเนี่ย?”เขาหันหน้ากลับมาเอ่ยถามฉันพร้อมกับยื่นมือมาจับแก้มตัวเองที่โดนฉันตบหลังจากที่เขาปล่อยริมฝีปากฉันให้เป็นอิสละ

“จูบแรกของฉันนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!”

“จะแหกปากทำไมเดี๋ยวพวกมันก็มาหรอก!!จูบแรกของคุณคนเดียวซะเมื่อไหร่กัน”เขาพูดดุฉันเสียงดังแต่ประโยคหลังฉันได้ยินไม่ค่อยชัดว่าเขาพูดว่าอะไร

“เห้ย!นั้นมันอยู่นั้น!!”

“นั้นไง ซวยแล้วไหมล่ะ!!”

“ก็ใครใช้ให้นายจูบฉันเล่า!!”

“ผมช่วยคุณน่ะ!”

“ช่วยอะไร!!”

“จับมัน!!”

“หนีเร็ว!!”เขาพูดเสร็จก็คว้ามือฉันออกวิ่งอย่างไว ฉันก็มองแผ่นหลังกว้างที่วิ่งนำฉันอยู่ ทำไมฉันรู้สึกปลอดภัยเวลาหลบอยู่ข้างหลังแผ่นหลังกว้างๆนี่น่ะ น่าจะอบอุ่นน่าดู^_^

ตึกๆๆๆๆๆ

“นายจะพาฉันวิ่งไปถึงไหนเนี่ย!!”ฉันโวยด้วยความเหนื่อยพลางสะบัดข้อมือที่ตาบ้านั้นจับให้หลุดออก

“จนกว่าจะพ้นไอ้คนพวกนั้น”เขาไม่ได้หันหน้ามาแต่เขาตะโกนตอบฉัน

“แล้วทำไมเราไม่หยุดสู้กับพวกมันเลยเล่า จะวิ่งให้เหนื่อยทำไม!!”ฉันก็โวยใส่เขาไปอีกเพราะที่ที่เราสองคนไม่สิ อีตาบ้านี่พาฉันวิ่งมามันห่างไกลจากบ้านของชาวเมืองมามากแล้วน่ะ และสองข้างทางก็เป็นป่ารกล้างด้วย บรรยากาศก็มืดวังเวงพิกลๆ

“พูดยังกับตัวเองต่อสู้เป็นอย่างงั้นแหละ!”

“ฉันโค่นนายล้มภายในห้านาทีได้ล่ะกัน!”

พรึบ ตุ๊บ

“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อใบหน้าของฉันกระเเทกเข้ากับแผ่นหลังของอีตาบ้านี่เข้าอย่างจัง

“คุณพูดจริงเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของฉันสักเท่าไหร่

“ที่นายหยุดวิ่งก็เพราะสนใจเรื่องนี้น่ะเหรอ?”ฉันยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บ อีตาบ้านี่นึกจะหยุดก็หยุด ทั้งที่ฉันตะโกนแหกปากให้เขาหยุดมาตั้งนาน รู้งี้พูดตั้งแต่นายบ้านี่ออกตัววิ่งก็ดี

“ก็ใช่ ผมคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแบบคุณรูปร่างเปราะบางไม่น่าจะล้มผู้ชายอย่างผมได้”

“แล้วไอ้ผู้ชายอย่างคุณเนี่ย มันขั้นเทพขนาดไหนกัน?”ฉันยกแขนขึ้นมากอดอกพลางใช้สายตามองรูปร่างที่สุดแสนจะเพอร์เฟคของเขาอย่างพินิจพิจราณา

“ผมฝึกเรียนต่อสู้มาตั้งแต่ห้าขวบ”

“อ๋อเหรอ น่าจะเก่งและชำนาญน่าดู”ฉันมองเขาไปด้วยสายเฉยๆๆ เขาก็มองหน้าฉันอย่างงุนงง

“แล้วคุณล่ะ?”

“การต่อสู้ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องชอบหรือรักมันอยู่ที่ว่าเราต้องทำมันเพื่อใครต่างหากล่ะ”

“ผมไม่เข้าใจ”

“ก็คุณไม่เคยมีภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงในการรับผิดชอบใคร”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงในการรับผิดชอบ คนในครอบครัวผมพ่อผมแม่ผมน้องผม ผมก็ต้องปกป้องพวกเขาด้วยชีวิตของผม”เขาพูดบอกฉันด้วยสีหน้าจริงจัง

“ใช่นั้นภาระของคุณมันคือความเต็มใจแต่ของฉันมันไม่ใช่เพราะฉะนั้นภาระกำลังมันต่างกัน”

“คุณพูดอะไรเนี่ย ยิ่งพูดยิ่งงง!”

“ไปเถอะ!”เขาบอกฉันเสร็จเขาก็จะทำท่ายื่นมือจะมาจับมือฉัน แต่ฉันไวกว่าถอยหนีเขา

พรึบ

“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อแผ่นหลังของฉันไปกระแทกเข้ากับของแข่งที่อยู่ด้านหลังฉัน

“ใครส่งพวกแกมา?”นายบ้านั้นมองมาที่ฉันและเอ่ยถามฉันด้วยแววตาและนำ้เสียงที่เหี้ยมเกรียมโหดดุดัน อะไรของเขา

“ไม่ใช่เรื่องของแกอย่าเสือก!!”เสียงเหี้ยมออกโหดๆตะโกนอยู่ด้านหลังฉัน และฉันก็แสบแก้วหูมาก!

“เห้ยพูดแบบนี้มึงวอนแหละ!!”นายนั้นพูดเหมือนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นี่อย่าบอกน่ะว่า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป