บทที่ 2 ที่ขบขัน
ตำหนักนอกวัง ณ เรือนหานชิน
“ฮ่า ๆ ข้าอยากเห็นหน้าของหวังลู่ฉงยิ่งนัก ฮึ! แม่ทัพไร้พ่าย ไยมาตกม้าตายตอนถูกจับแต่งงานกับข้าเล่า นี่ถึงขนาดหนีไปซบอกยอดคณิกาเลยรึ จะให้ข้าทำเยี่ยงไรบุกไปแหกอกเขา หรือไปหัวเราะกับความคิดเสมือนดีเล่า”
หานชินหัวเราะร่า นางไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจหรือยินดีกับการแต่งงานในครั้งนี้ เหตุผลทางการเมืองล้วน ๆ ที่ทำให้นางต้องออกเรือนกับหวังลู่ฉงผู้หยิ่งผยอง
“องค์หญิงมิสำรวมเลยนะเพคะ”
พระนมข้างกายเอ่ยตักเตือนองค์หญิงของตน นางเองเพียรพยายามให้องค์หญิงทรงเป็นกุลสตรีทุกระเบียดนิ้ว แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้ามเสมอ
“อย่าได้กลัวว่าข้าจะทำเสื่อมเกียรติยามอยู่ต่อหน้าผู้คนเลยแม่นม สำหรับองค์หญิงกำพร้าเช่นข้า ไม่มีผู้ใดสนใจเท่าเรื่องราวเสื่อมเสียที่กล่าวหาข้าหรอกนะ อย่าได้เหนื่อยกับคำผู้อื่น จงเหนื่อยกับภารหน้าที่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ท่านดูแลข้ามาเป็นอย่างดีข้าย่อมมองเห็น”
หญิงสาวยกจอกสุราขึ้นดื่ม ในสายตาผู้คนนั้นนางคือหญิงมากตัณหา ที่มักสะสมบุรุษเอาไว้ข้างกายมากมาย ส่วนเรื่องจริงนั้นไม่จำเป็นที่นางต้องบอกกล่าวให้ผู้อื่นรับรู้ เพราะมิว่าพูดอย่างไรมันก็คือคำแก้ตัวอยู่ดีในความคิดของผู้คน
“เตรียมทุกอย่างให้พร้อม มิใช่สำหรับงานแต่ง แต่เป็นการเดินทางติดตามสามีข้าสู่ชายแดน”
หานชินออกคำสั่งที่ดูเรียบง่าย แต่ย่อมมีความนัยแอบแฝงที่รู้กันแค่เพียงคนสนิทเท่านั้น
“เพคะ องค์หญิงโปรดวางพระทัย ทุกอย่างจะมิขาดตกบกพร่อง แล้วเรื่องชุดแต่งงานเล่าเพคะ”
“จะทำแบบไหนก็ตามใจ ข้ายังไงก็ได้”
หญิงสาวส่งสัญญาณมือเล็กน้อย เป็นการบอกว่านางไม่อยากรับรู้เรื่องการแต่งงานอีก แม่นมชุ่ยอิงจำต้องปล่อยให้ผู้เป็นนายดื่มสุราเงียบ ๆ โดยมีขันทีคนสนิทคอยดื่มเป็นเพื่อน
ในตำหนักนอกวังแห่งนี้ ทั้งสุราและดนตรีต้องเป็นเลิศ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ผู้ติดตามต้องดื่มเก่งมิให้แพ้ผู้เป็นนาย การที่แม่นมเช่นนางไม่คิดห้ามปราม เพราะรู้ดีถึงเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ ยามทำหน้าที่องค์หญิงของนางหาได้ยิ่งหย่อนกว่าผู้ใด และสิ่งที่ทรงแบกรับไว้หนักเกินกว่าสตรีทั่วไป จะสามารถแบกรับเพียงลำพังเช่นองค์หญิงของนางได้
จวนเสนาบดีหลิวจง
“กรี๊ด!!!”
เสียงกรีดร้องของคุณหนูรองสกุลหลิว ดังก้องทั่วเรือนหลังงาม ข่าวเรื่องการแต่งงานของชายที่หมายปอง กับองค์หญิงมีราคีผู้นั้น มันไม่ควรเกิดขึ้น นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกับเรื่องนี้
ทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดบ้างไม่รู้ ว่านางนั้นคือคนที่ถูกวางให้เป็นภรรยาเอกจวนแม่ทัพหวังลู่ฉง แม้ฝ่ายชายจะยังไม่เอ่ยปากทาบทามสู่ขอ แต่การที่เขามิได้ปฏิเสธถึงการไปมาหาสู่ นั่นย่อมเป็นการบอกได้ว่านางคือสตรีอันดับหนึ่งที่เขาจะเลือกอย่างแน่นอน
“หยุดบ้าได้แล้ว อี้ชิว”
เสียงดุดันที่ปนไปด้วยโทสะของเสนาบดีหลิว ทำให้ใบหน้างามจำต้องเม้มปากแน่น โผเข้ากอดมารดา ที่ก้าวติดตามผู้เป็นบิดาเข้ามาในเรือน
“แต่ลูกรักท่านแม่ทัพนี่เจ้าค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยเถียงบิดาด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น หญิงสาวกระตุกเสื้อมารดาเบา ๆ เพื่อให้ผู้เป็นแม่ช่วย
“รักอย่างนั้นรึ ฮึ! หากมิใช่เพราะข้าต้องการใช้งานเขา คนเยี่ยงหลิวลู่ฉงย่อมไม่มีวันได้ยลโฉมเจ้าแน่อี้ชิว”
เสนาบดีหลิวพูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ อยู่ ๆความตั้งใจของเขาก็พังลงอย่าไม่เป็นท่า มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าหวังลู่ฉง มิได้รักใคร่อันใดบุตรสาวของเขาเลย
แต่ที่แม่ทัพหนุ่มไม่แก้ข่าวลือ นั่นเพราะชายหนุ่มคงวางบุตรสาวของเขาเอาไว้เป็นตัวเลือกแรก เพื่อที่จะแต่งเข้าจวนเมื่อถึงวัยออกเรือน แต่ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้ จะช่วงชิงตำแหน่งเมียเอกให้กับองค์หญิงหานชินไปเสียก่อน
“ท่านพ่อ ไยกล่าวเช่นนั้นเจ้าคะ”
หลิวอี้ชิวรู้ดีแก่ใจ ว่าครั้งแรกที่นางพยายามโดดเด่นในสายตาแม่ทัพหนุ่ม ก็เพื่อเหตุผลทางการเมืองของผู้เป็นบิดา หากถามใจของนางว่ารักเขาไหม นางตอบได้ไม่เต็มปากนัก แต่นางมิอยากเสียหน้าต่อคุณหนูบ้านอื่น ซึ่งทุกคนรู้ดีว่านางกับแม่ทัพหนุ่มคือคนที่เหมาะสมกัน
“ฝ่าบาททรงตั้งใจที่จะตัดเส้นทางของข้า จึงได้ให้องค์หญิงหานชินแต่งกับหวังลู่ฉง พี่สาวเจ้าที่อยู่ในวังตอนนี้ก็มิได้รับความโปรดปราณเช่นเดิม เห็นทีข้าต้องลงมือทำบางอย่างเสียแล้ว”
หลิวอี้ชิวได้แต่นิ่งเงียบ นางเคยวาดหวังที่จะเข้าวัง แต่ผู้เป็นพ่อกลับให้นางพยายามมัดใจหวังลู่ฉง และเมื่อเขาไม่ได้ปฏิเสธนางเช่นครั้งแรกที่รู้จัก อีกทั้งยังเริ่มให้ความสนใจนางบ้างแล้ว ทว่าวันนี้เจ้าสาวของเขากลับมิใช่นาง มันช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก
“คนเช่นข้ามิชื่นชอบความพ่ายแพ้ เป็นเมียเอกไม่ได้ข้าก็จะเป็นเมียรองที่มัดใจเขาไว้แต่ผู้เดียวให้ได้”
“อี้ชิว!!!!”
เสนาบดีหลิวกับภรรยาถึงกับดวงตาเบิกกว้าง ด้วยไม่คิดว่าบุตรสาวคนรองจะกล้าเอ่ยออกมาเช่นนั้น เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการลดลดศักดิ์ศรีของตนเอง เพียงเพื่อร้องขอตำแหน่งภรรยาจากหวังลู่ฉง ย่อมต้องเป็นที่ขบขันของผู้คนทั่วแผ่นดินอย่างแน่นอน
ใบหน้างามเชิดขึ้นสูง ความหมาดมั่นในสายตาของหลิวอี้ชิว บอกได้เป็นอย่างดีว่านางจะทำเรื่องนี้จริง ๆ ต่อให้ผู้คนจะหัวเราะเยาะนางก็มิคิดใส่ใจ เพราะมันจะเป็นตำแหน่งเมียรอง เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อใดที่สิ้นองค์หญิงหานชิน ตำแหน่งฮูหยินเอกก็มิพ้นมือนาง




















