บทที่ 9 เด็กดื้อ

“หุบปากเจ้าไปเลยนะ อย่ามาทำเป็นดูหมิ่นข้า เจ้านึกว่าไม่รู้รึยังไง ว่าตัวเจ้าก็เป็นหนึ่งในบุรุษบำเรอของนางเช่นกัน”

ผลัวะ! ตุบ! สิ้นคำพูด บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านก็แน่นิ่งอยู่บนพื้นดิน ต้านหลี่ไม่คิดจะแยแสร่างที่สิ้นสติด้วยหมัดของเขา ใบหน้าหล่อเหลาแสดงอาการโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนเป็นนูน

จะดูถูกเขาเช่นไรก็ย่อมได้ แต่ผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์หมิ่นเกียรตินายของเขา เจ้าเด็กเพิ่งพลัดขน ไยหาญกล้าแตะต้องนายหญิงของเขา ด้วยวาจาจาบจวงมิดูเงาหัวเช่นนี้

“ไยมิรู้จักอดกลั้นสักหน่อยเล่า”

เสียงดังมาจากในของประตู ทำให้ชุ่ยอิงและต้านหลี่ขยับยืนอย่างสำรวม

“ข้าน้อยมิชอบให้ผู้ใด ล่วงเกินนายหญิงเช่นนี้ขอรับ”

“หึ ๆ ข้ารู้”

ประตูห้องเปิดกว้างก่อนที่คนด้านใน จะก้าวออกมาด้วยสีหน้าเกียจคร้าน หญิงสาวบิดกายไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้า โดยไม่สนสายตาดุ ๆ ของแม่นมที่ยืนอยู่ด้านหน้าเรือน

ทางด้านต้านหลี่ทำเพียงขบขันกับอาการของแม่นม เขาชินตากับภาพของทั้งคู่เป็นอย่างดี นายหญิงชื่นชอบความสบาย ๆ ไม่มากพิธีอันใด ใช้ชีวิตเยี่ยงบุรุษมากกว่าสำรวมเช่นสตรี

ถึงกระนั้นผู้เป็นนายกลับดูแลร่างกายของตนเอง ได้ดีกว่าคุณหนูหลายบ้านเสียอีก เพียงแค่ชื่อเสียงอันเสื่อมเกียรติ ที่นางจงใจให้ผู้คนรับรู้มันคือหนทางเดียวที่ทำให้องค์หญิงหานชิน สามารถทำตัวไร้กรอบของชนชั้นได้ก็เท่านั้นเอง

“ไปกันเถอะ ข้าหิวแล้ว”

หานชินก้าวลงมาหยุดยืนตรงหน้าของทั้งคู่ ก่อนจะเดินผ่านเลยร่างแน่นิ่งบนพื้นดินไปโดยมิคิดที่จะใส่ใจ เสมือนบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเป็นเพียงฝุ่นผงในสายตาของนาง

“มิใจร้ายไปสักหน่อยหรือเจ้าคะ เกรงว่าหากบิดาของเขามาพบเข้าจะพาลหาเรื่องเราเอาได้นะเจ้าคะ”

“หึ ๆ ที่นี่มันนอกเขตเมืองหลวง ไม่ต้องมานั่งเกรงกลัวว่าขุนนางคนไหนจะทูลฟ้องฝ่าบาท หากเขาคิดจะกล่าวโทษเรา เขาต้องมั่นใจว่าจะชนะหวังลู่ฉงได้เท่านั้น คนเป็นพ่อย่อมรู้ถึงตัวตนของบุตรชายเขาดี ส่วนข้าภรรยาหมาด ๆ ย่อมไม่รู้เห็นความคิดของสามี พวกเจ้าว่าจริงไหม”

เอ่ยจบร่างงามได้เดินหัวเราะร่าจากไป คำพูดในตอนท้ายช่างบาดลึกนัก หากคนฟังคือหัวหน้าหมู่บ้าน คงแทบอยากที่จะฉีกทึ่งร่างของผู้เป็นนายให้แยกออกเป็นชิ้น ๆ เลยกระมัง

ชุ่ยอิงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ดูเหมือนนางจะยังไม่ชินกับชีวิตนอกรั้ววังเท่าใดนัก แต่องค์หญิงของนางสิดูจะปรับตัวได้ไวเหลือเกิน

“ข้ายังต้องเรียนรู้อีกมากสินะ” ชุ่ยอิงเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“ปล่อยตัวให้เป็นธรรมชาติท่านป้า แล้วทุกอย่างจะดีเอง เพราะนับตั้งแต่เราก้าวพ้นเมืองหลวง ย่อมไร้กฎเกณฑ์ เช่นเดียวกับกระบี่ไร้ดวงตานั่นล่ะขอรับ”

ต้านหลี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่จริงจังนัก แต่แฝงไปด้วยความหมายมากมาย ที่ต้องการเปิดโลกของนางให้กว้างขึ้น ก่อนจะก้าวตามผู้เป็นนายไปอย่างใจเย็น เมื่อลับร่างของคนทั้งสามแล้ว ชายหนุ่มสองคนที่ซุ่มอยู่ไม่ไกล ได้รีบวิ่งเข้ามาช่วยกันพยุงร่างไร้สติที่นอนอยู่บนพื้นหายไปยังอีกด้านของตัวเรือน

“จับตาดูคนในหมู่บ้านเอาไว้ให้ดี ข้ารู้สึกมีบางอย่างไม่ปกติ”

หวังลู่ฉงสั่งการกับคนสนิท เขาเฝ้ามองทุกอย่างมาโดยตลอด นับตั้งแต่บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เข้าไปพูดคุยกับแม่นมของภรรยา จนหานชินก้าวจากไปเมื่อครู่นี้ เขาคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ย้อนกลับมาซุ่มดูทุกอย่างตรงนี้ ไม่เช่นนั้นคงมิได้เห็นอีกมุมของภรรยาตัวดี

“แล้วคนของฮูหยินเล่าขอรับ”

“ไม่จำเป็น”

ชายหนุ่มรับคำผู้เป็นนาย ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไปจากจุดที่แอบซุ่มอยู่ หวังลู่ฉงอยากรู้เหลือเกิน ว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มที่อยู่รอบกายภรรยาของเขานั้น มีความสำคัญอย่างไร ไยนางต้องยินยอมให้ผู้คนทั้งแผ่นดินเข้าใจผิดเรื่องที่นางลุ่มหลงบุรุษรูปงามทั้งหลาย

ร่างสูงก้าวตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้ยังใต้ต้นท้อ สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขารู้สึกแปลกใจอีกครั้ง องค์หญิงหานชินที่ผู้คนกล่าวขานว่าเหย่อหยิ่ง ไยที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้มันมิเป็นเช่นนั้น

นางดูเป็นกันเองกับทุกคน ไม่ถือยศศักดิ์กับชาวบ้าน นางกลับสำราญใจในการกินอาหารตรงหน้า ที่มิได้เลิศรสเท่าใดนัก เสียงหัวเราะที่ไร้จริต ทำให้เขาไม่รู้จะเอ่ยคำว่าแปลกใจอีกสักกี่หนดี

“ท่านแม่ทัพมาแล้วหรือ มาเร็วกินข้าวกัน”

หานชินกวักมือเรียกสามี โดยมืออีกข้างยังคงถือไก่เอาไว้ชิ้นโต แววตาสดใสของนาง ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย เพราะเมื่อคืนเขาและนางเพิ่งร่วมเตียงกันมาแท้ ๆ

‘มิรู้จักเขินอายข้างบ้างเลยรึอย่างไรกัน’

ชายหนุ่มเดินหน้าตึงไปนั่งลงข้างภรรยา ก่อนจะมองดูถ้วยข้าวของตนเอง ที่นางเพิ่งคีบไก่มาวางให้เมื่อครู่ แม่ทัพหนุ่มชำเลืองมองภรรยา ที่เอาแต่คุยจ้อกับชาวบ้าน

อะ...แฮ่ม! แม่ทัพหนุ่มกระแอมเสียงค่อนข้างดัง เพื่อดึงความสนใจของภรรยา

“ข้าวติดคอหรือ อ่ะนี่น้ำ”

หานชินยื่นถ้วยชาให้แก่สามี ดวงตากลมโตที่มองมาทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว ผิดกับวงหน้างามที่ประดับด้วยร้อยยิ้มกว้าง

“น้องหญิง เจ้าควรเรียกสามีว่าอย่างไร หรือต้องให้พี่แสดงให้ดูอีกสักหน ว่าเด็กดื้อต้องรับโทษเช่นไร”

แม่ทัพหนุ่มโน้มใบหน้ากระซิบข้างหูภรรยา ก่อนจะรำลึกความหลังของค่ำคืนที่ผ่านมาให้นางได้คิดสักหน่อย ก่อนจะรับถ้วยชามาถือไว้ในมือ คราวนี้เป็นเขาที่กำชัยบ้างแล้ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป