บทที่ 1
เฮเลน
ฉันกำลังเตรียมตัวไปงานแต่งงานของน้องสาว ไม่ได้เจอน้องมาพักใหญ่แล้ว ถึงแม้ว่าครอบครัวของฉันจะอาศัยอยู่ในชิคาโกเหมือนกัน แต่อยู่กันคนละชานเมือง แน่นอนว่าเราไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก พ่อมีธุรกิจการเงินที่ประสบความสำเร็จ แม่เป็นภรรยาประดับบารมีมาโดยตลอด ส่วนน้องสาวก็กำลังเจริญรอยตามแม่ เห็นได้ชัดว่าในที่สุดน้องก็เจอคนที่ไม่ต้องการภรรยาที่มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงาน ส่วนฉันกลับตรงกันข้าม ฉันชอบโลกธุรกิจมากกว่า ฉันเรียนบริหารที่มหาวิทยาลัยชิคาโกและอยากจะรับช่วงต่อธุรกิจของพ่อมาตลอด ปัญหาเดียวก็คือถึงฉันจะเป็นลูกคนโต แต่พ่อก็ยังหัวโบราณ เขาอยากได้ลูกชายมาสืบทอดธุรกิจ ซึ่งหมายความว่าตอนนี้ฉันทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของซีอีโอบริษัทคู่แข่งของพ่อ ซึ่งก็ทำธุรกิจด้านการเงินเหมือนกัน จะว่าพ่อไม่พอใจก็คงจะน้อยไป แต่นี่คือวิธีขบถของฉันถ้าจะเรียกแบบนั้นได้นะ
ปัญหาเดียวก็คือเจ้านายของฉันชอบฉันมาก มากจริงๆ เขาพยายามล่วงเกินฉันในเชิงชู้สาวอยู่สองสามครั้ง แต่ฉันก็แค่หัวเราะกลบเกลื่อนไป วันนี้เขาถึงกับถามว่าขอไปงานแต่งงานน้องสาวฉันด้วยได้ไหม เขาคิดอะไรของเขากันนะ คือเราไม่ได้คบกันเสียหน่อย แล้วจู่ๆ เขาก็อยากจะไปเจอครอบครัวฉัน หรือว่าเขาอยากจะไปเจอพ่อฉันกันแน่ เหตุผลที่ฉันไม่เคยแจ้งความเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศกับเขาก็เพราะฉันไม่อยากให้พ่อสมใจด้วยการพูดว่า ‘พ่อบอกแล้วไม่เชื่อ’ ฉันจะไม่ยอมให้พ่อมาบอกว่าฉันควรจะไปทำงานที่บริษัทของเขา ก็แล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะที่จะทำงานให้เขาถ้าฉันจะไม่ได้สืบทอดกิจการต่อในสักวันหนึ่ง มันมีแต่จะทำให้ฉันเกลียดเขามากขึ้นไปอีก
งานแต่งงานของน้องสาวฉันจัดยาวตลอดสุดสัปดาห์ และแน่นอนว่าฉันเป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว ฉันเลยต้องรีบไปจริงๆ เลียม เจ้านายของฉันถามย้ำอีกครั้ง “แน่ใจนะว่าให้ผมไปด้วยไม่ได้” “ขอโทษค่ะคุณวิลเลียมส์ แต่นี่เป็นงานสำหรับครอบครัวเท่านั้น” มันเป็นคำโกหกเล็กๆ และถ้าเขาได้อ่านข่าวสังคม เขาก็จะเห็นว่ามันเป็นงานใหญ่โต แต่ฉันจะไม่กังวลเรื่องนั้นหรอก “อีกอย่าง ฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาว คงจะยุ่งตลอดงานเลยค่ะ” “ผมจะคุยกับพ่อคุณ” และแล้วเขาก็เผยออกมา นั่นคือเหตุผลที่แท้จริงที่เขาอยากไป อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันยังมั่นใจว่าเขาอยากจะมุดเข้ากางเกงในฉันอยู่ดี แต่เป้าหมายหลักของเขาคือพ่อต่างหาก “ขอโทษด้วยค่ะท่าน” ฉันหันหลังแล้วเดินออกมา ฉันคว้ากระเป๋าถือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วแทบจะวิ่งออกจากออฟฟิศ แค่เพื่อจะได้ไม่ต้องสนทนาเรื่องนั้นอีก อย่างที่คุณได้ยิน ฉันเรียกเขาว่าท่านหรือไม่ก็คุณวิลเลียมส์ ฉันต้องรักษาระยะห่างความสัมพันธ์กับเขาให้เป็นเรื่องงานเท่านั้น ฉันพลาดไม่ได้เด็ดขาดเพราะเขาจะมองว่ามันเป็นโอกาส และฉันจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
เมื่อกลับมาถึงสตูดิโออพาร์ตเมนต์สองห้องนอนใจกลางชิคาโก ฉันก็คว้ากระเป๋าเดินทางที่จัดไว้เรียบร้อยแล้วและเปลี่ยนไปใส่ชุดที่สบายกว่ากระโปรงทรงดินสอ เสื้อเบลาส์ และแน่นอน รองเท้าส้นสูง ฉันเรียกคนขับรถแล้วออกไปยืนรอข้างนอก อากาศในชิคาโกยังคงหนาวเย็น ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าน้องสาวเลือกที่จะแต่งงานในฤดูหนาว แต่ก็นั่นแหละ ชุดแต่งงานชุดนั้นก็ถูกสร้างมาเพื่อเธอและฤดูหนาวโดยเฉพาะ ฉันเลยพอจะเข้าใจได้ เมื่อรถมาถึง คนขับรถลงมาช่วยฉันยกกระเป๋าด้วย ขณะที่เราขับรถไปยังคฤหาสน์ของพ่อแม่ที่วินเนตกา ฉันก็เริ่มนึกถึงบรรดาป้าๆ ลุงๆ ที่จะมาถามว่าทำไมน้องสาวถึงได้แต่งงานก่อนฉัน และแม่ที่จะบ่นไม่หยุดว่าฉันเลือกงานแทนที่จะเลือกสามี ใช่ ฉันเป็นลูกคนโต และใช่ ฉันอาจจะเป็นคนที่ควรจะได้แต่งงานก่อน แต่ฉันยังไม่เคยเจอ ‘คนนั้น’ เลย ฉันเคยมีแฟนมาเยอะแยะ ใช่ แต่ไม่เคยเจอคนที่ใช่จริงๆ
สิบปีที่แล้ว ฉันเดินเข้าไปในห้องของน้องสาวตอนที่เธอกำลังมีเซ็กส์กับคนที่ฉันแอบชอบ คนที่ฉันเคยคิดว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย ถึงแม้ฉันจะไม่เคยคิดว่าเขารู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีตัวตนอยู่ก็ตาม บอกตามตรงนะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากนั้น จอห์นนี่ มัวร์...ให้ตายสิ แม้แต่ชื่อของเขายังฟังดูหล่อเหลาและเซ็กซี่เลย วันนั้นฉันเห็นเขาในสภาพเปลือยล่อนจ้อนและกำลังสอดใส่อยู่ในตัวน้องสาวฉัน หลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย อาจจะเป็นเพราะฉันเข้ามหาวิทยาลัย หรืออาจจะเป็นเพราะเขาอายที่ฉันจับได้ ใครจะไปรู้ ฉันแค่ดีใจที่น้องสาวไม่ได้แต่งงานกับเขา นั่นคงจะทำให้ฉันใจสลายไปเลย แม้กระทั่งตอนนี้ ใช่ ฉันยังคงแอบชอบเขาอยู่ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนก็ตาม
อีกเรื่องหนึ่งก็คือฉันไม่ค่อยรู้จักผู้ชายที่น้องสาวกำลังจะแต่งงานด้วย เราเคยเจอกันสองสามครั้งแต่ไม่เคยได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย ฉันบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเจอกันได้ยังไง ใช่ ฉันกับน้องสาวไม่สนิทกัน เรื่องนี้ชัดเจนมาก เธอยังโมโหฉันด้วยที่ฉันอยากได้ธุรกิจของ ‘แด๊ดดี้’ หรืออย่างที่เธอเรียกพ่อนั่นแหละ “ทำไมพี่ไม่พอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่แล้วล่ะ หมายถึงเรามีกองทุนมรดก เราไม่จำเป็นต้องทำงานก็ได้” นั่นคือคำพูดของเธอ ไม่ใช่ของฉัน ที่จะบอกว่าฉันไม่ค่อยเข้ากับครอบครัวตัวเองก็คงจะน้อยไป แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าน้องสาวฉันจะแต่งงานและเธออยากให้ฉันไป ฉันก็จะไป นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวทำให้กันและกัน ไม่ว่าจะน่าอึดอัดแค่ไหนก็ตาม
โทรศัพท์ในกระเป๋าถือของฉันเริ่มดังขึ้น เมื่อหยิบออกมาก็เห็นว่าเป็นเจ้านายโทรมา ฉันตัดสินใจตัดสายทิ้ง ฉันยื่นใบลาไปแล้ว มีพนักงานชั่วคราวคอยช่วยงานอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งฉันหรอก คงจะเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะขอตามมาด้วยมากกว่า เมื่อเราเข้าใกล้ตัวบ้าน ก็มีคนมากมายเดินขวักไขว่ไปมา ทั้งคนจัดดอกไม้ คนจัดเลี้ยง ฉันแน่ใจว่าเห็นช่างภาพด้วย เหมือนผู้ชายคนนั้นนิดๆ เลยแฮะ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ฉันจ่ายเงินให้คนขับรถแล้วเดินไปที่ประตูหน้า พอเปิดเข้าไป ฉันก็ร้องทัก “สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วค่ะ” คนแรกที่เดินเข้ามาหาฉันคือแม่ “หวัดดีจ้ะลูกรัก ขอโทษทีนะ ตอนนี้แม่ยุ่งมากเลย วางกระเป๋าแล้วมาช่วยกันที่สวนหลังบ้านหน่อย” “ค่ะแม่ โอเคค่ะ” ฉันจะพูดอะไรได้อีกล่ะ และแล้ว...มันก็เริ่มต้นขึ้น ฉันคิดขณะเดินไปยังห้องนอนสมัยเด็กของตัวเอง
