บทที่ 4

เฮเลน

ตอนที่ฉันเดินเข้าไปในเต็นท์ก็เห็นว่าเต็มไปด้วยผู้คน เห็นได้ชัดว่าฉันมาสาย แต่ฉันว่าพวกเขาต่างหากที่มาก่อนเวลา ฉันคุยกับบรรดาคุณป้าคุณลุงอยู่สองสามคน และแน่นอนว่าต้องมีคำถามพวกนั้นตามมา “เมื่อไหร่จะแต่งงาน” “รู้ไหมว่าเราไม่ได้เด็กๆ แล้วนะ” “เดี๋ยวก็ต้องรีบมีลูกแล้ว” “เดี๋ยวพี่สาวก็คงท้องในไม่ช้า ลูกๆ ของเขาจะได้มีเพื่อนเล่น” ฉันได้ยินแบบนี้ตลอดเวลาและไม่มีทางหนีพ้นพวกเขาไปได้เลย อย่างน้อยพ่อก็ยังสงสารฉันและดึงตัวฉันออกมา “ขอโทษนะ พอดีมีเรื่องต้องคุยกับเฮเลนแป๊บนึง” พอเราเดินออกมา ฉันก็เอนตัวไปหาพ่อ “ขอบคุณค่ะ” “พ่อเห็นลูกโดนพวกลุงๆ ป้าๆ รุมอยู่ ท่าทางจะโดนคำถามชุดใหญ่เลยสิ” “ค่ะ โดนเต็มๆ เลย แถมมากกว่านั้นอีก” “ไปที่โต๊ะกันเถอะ เดี๋ยวเขาจะเรียกทุกคนแล้ว” พ่อกับฉันไปนั่งที่โต๊ะ ฉันเห็นพี่สาวมองมาที่เราทั้งคู่ แต่ฉันมากับพ่อนี่นา ถ้าเธอจะโกรธฉัน ก็ต้องไปโกรธพ่อด้วย พิธีกรประกาศให้ทุกคนนั่งประจำที่โต๊ะ แม่ขยับมานั่งข้างพ่อ แต่ที่นั่งข้างฉันยังคงว่างอยู่ เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งด้วยกันที่หัวโต๊ะ

ฉันเอนตัวไปถามพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ “ทำไมที่นั่งตรงนี้ว่างล่ะ” “เป็นของเพื่อนเจ้าบ่าวคนหนึ่ง เราไม่แน่ใจว่าคืนนี้เขาจะมาทันไหม แต่พรุ่งนี้มาแน่นอน” “แหม ก็คงกลัวว่าเขามีชีวิตเป็นของตัวเองจนพลาดวันสำคัญของเธอล่ะมั้ง” “เลิกพูดเล่นน่า แล้วของนำโชคสีฟ้าของฉันล่ะ ได้มารึยัง” “ได้แล้วสิ ฉันจะไปรับตอน 11 โมงเช้า” “มันไม่กระชั้นชิดไปหน่อยเหรอ” “ไม่หรอกน่า แอนทัวเน็ตต์” “จำไว้ด้วยว่าพรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำผมแต่งหน้ากับช่างมืออาชีพนะ เห็นชัดเลยว่าคืนนี้เธอทำเอง” ฉันอยากจะต่อปากต่อคำกับเธออยู่หรอกแต่ก็ไม่ได้ทำ ฉันแค่เหลือบมองเธอแล้วไม่พูดอะไร เพื่อนเจ้าสาวอีกคนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพี่สาวฉันตั้งแต่สมัยอนุบาลเป็นคนกล่าวอวยพร ก็ดีเหมือนกัน เพราะวันนี้ฉันไม่มีอะไรดีๆ จะพูดถึงพี่สาวตัวเองเลย ในที่สุดทุกคนก็นั่งประจำที่และอาหารเรียกน้ำย่อยก็ถูกนำมาเสิร์ฟ พิธีกรประกาศว่าหลังอาหารเรียกน้ำย่อยจะเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ บริกรเดินมาพร้อมกับล็อบสเตอร์แธร์มิดอร์ย่าง ฉันมั่นใจว่างานแต่งนี้คงทำให้พ่อฉันหมดเงินไปเยอะโขแน่ๆ ถ้าแค่งานเลี้ยงซ้อมเรายังได้กินล็อบสเตอร์ แล้วเมนูวันพรุ่งนี้จะเป็นอะไรกันนะ ฉันคิดในใจ

ล็อบสเตอร์อร่อยมาก ถึงขนาดที่ได้รสชาติของหอมแดงและไวน์เลยทีเดียว ถ้ามันทำให้พ่อฉันต้องจ่ายแพงระยับ อย่างน้อยมันก็คุ้มค่า บนโต๊ะมีเสียงพูดคุยหยอกล้อกันไปมา มีแค่พ่อกับฉันสองคนเท่านั้นที่ไม่ได้คุยอะไร เราแค่นั่งมองผู้คน เป็นสิ่งที่ฉันเรียนรู้มาจากพ่อ...การสังเกตผู้คน เราจิบไวน์และมองดูทุกคน คุณจะเห็นพวกเสแสร้งที่มาที่นี่ก็เพื่อวิจารณ์อาหารกับชุดในวันพรุ่งนี้ มีเพื่อนเจ้าสาวสองสามคนที่มองไปรอบๆ อย่างชัดเจนว่าหาคนไปนอนด้วย แล้วก็มีพวกผู้ชายที่แต่งงานแล้วซึ่งก็กำลังมองหาคู่นอนชั่วคราวเหมือนกัน และแน่นอนว่าพวกเขามองไปที่เหล่าเพื่อนเจ้าสาว เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่าฉันเป็นของต้องห้ามเพราะไม่มีใครมองมาที่ฉันเลย ถ้าฉันเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองก็คงเก็บมาคิดมากไปแล้ว แต่ฉันไม่เป็นอย่างนั้น ฉันรู้ว่าพวกเขารู้ว่าฉันเป็นน้องสาวของแอนทัวเน็ตต์ และพ่อคงฆ่าผู้ชายมีเมียแล้วคนไหนก็ตามที่คิดจะมาฟันฉัน พูดถึงคนที่อยากจะฟันฉันแล้ว... ‘แล้วฉันจะทำยังไงกับเจ้านายของฉันดีวะเนี่ย’ ฉันหลุดจากภวังค์เมื่อเพื่อนเจ้าสาวคนนั้นลุกขึ้นเพื่อกล่าวอวยพร ฉันว่าเธอคงแต่งงานมาแล้วสองครั้งทั้งที่อายุแค่ 27 แต่ฉันอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ เธอพูดว่าพี่สาวของฉันวิเศษแค่ไหน พวกเขาทั้งคู่เป็นคู่ที่ยอดเยี่ยมเพียงใด เจควิเศษขนาดไหน ฉันว่าฉันคงใจลอยไปแล้วเพราะเธอพล่ามไปเรื่อยๆๆๆ และเห็นได้ชัดว่าเธอพูดจาเหลวไหลสิ้นดี ไม่รู้ทำไม แต่ฉันมั่นใจว่าเจคกำลังฟันยัยนั่นอยู่ แต่ฉันจะไม่บอกพี่สาวหรอก มันไม่ใช่กงการอะไรของฉันและมันก็เป็นแค่ลางสังหรณ์ ในที่สุดเธอก็พูดว่า “แด่แอนทัวเน็ตต์และเจค” แล้วเราก็ยกแก้วขึ้นจิบแชมเปญราคาแพงลิบลิ่ว ของที่ดีที่สุดเท่านั้นสำหรับพี่สาวของฉัน เจคลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ขอโทษครับท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ การอวยพรครั้งต่อไปควรจะเป็นของเพื่อนเจ้าบ่าวคนสนิทของผม แต่คืนนี้เขามาไม่ได้ ผมจึงขอรับหน้าที่นี้แทน แน่นอนว่าผมจะไม่ยืนตรงนี้แล้วพูดถึงตัวเอง แต่สิ่งที่ผมจะพูดถึงคือภรรยาที่แสนวิเศษของผมและครอบครัวที่น่ารักของเธอที่ยอมรับผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว” เขามองไปที่แม่ของฉันตอนที่พูดประโยคนั้น เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าพ่อไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่ “และสำหรับเพื่อนเจ้าสาวคนสนิทของภรรยาในอนาคตของผม ขอบคุณที่ช่วยแอนทัวเน็ตต์ตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ในช่วงที่น้องสาวของเธอไม่อยู่ คุณช่วยได้มากจริงๆ” ฉันแค่เหลือบมองเขาในขณะที่นั่งอยู่ข้างพี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง เขายกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า “แด่ว่าที่พ่อตาแม่ยายและเหล่าเพื่อนเจ้าสาวทุกคน โดยเฉพาะเพื่อนเจ้าสาวคนสนิท” ใช่เลย เขากำลังฟันหล่อนอยู่แน่ๆ

หลังอาหารค่ำซึ่งเป็นสเต๊กที่ย่างมาอย่างสมบูรณ์แบบพร้อมผักตามฤดูกาลและมันฝรั่งทอดกรอบ ซึ่งพี่สาวของฉันไม่ได้แตะเลย ก็ถึงเวลาที่พ่อต้องพูดอะไรเล็กน้อย ท่านลุกขึ้นแล้วใช้ช้อนเคาะแก้วให้เกิดเสียง “ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ขอความกรุณาสักครู่นะครับ” ทุกคนเงียบลง “พ่ออยากจะดื่มอวยพรให้กับลูกสาวทั้งสองของพ่อ พวกหนูคือแสงสว่างในชีวิตของพ่อ แอนทัวเน็ตต์ พรุ่งนี้พ่อจะยกหนูให้เขาไป แต่จำไว้ว่าที่นี่คือบ้านของลูกเสมอ และลูกกลับมาได้ทุกเมื่อ” เจ็บจี๊ดเลยแฮะ ฉันคิดในใจ “สำหรับแก เจค ที่ฉันจะพูดก็คือ ถ้าแกทำลูกสาวฉันเจ็บ ฉันฆ่าแกแน่” ฉันแทบจะพ่นไวน์ออกมา แน่นอนว่าฉันคงเผลอส่งเสียงออกมา เพราะทุกสายตาหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว ฉันจึงยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า “แด่แอนทัวเน็ตต์และเจค”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป