บทที่ 4 น้ำแกงสลายการตั้งครรภ์

อู๋ซีหลุนท้วงเสียงดัง และเหลียงฮั่นแยกเขี้ยว จากนั้นทั้งคู่จึงไล่ต่อยไล่เตะกันราวกับเป็นเด็กๆ ร่างสองหนุ่มห่างออกไปจนลับสายตาหญิงสาว ฝ่ายลู่ซินเหว่ยเตรียมสืบเท้าเข้าไปหาที่นั่งพัก และหาดื่มน้ำ แต่เป็นยามนั้นที่มีร่างสตรีใบหน้าขาวจัด และทาชาดสีแดงแผดเสียงแหลมๆ ขึ้น

“อร๊าย... นี่คือนังโสเภณี จากเมืองไป๋จู้ หน้าตาจืดสนิทเยี่ยงนี้ ท่าทางก็ไม่ต่างจากสตรีปัญญาทึบ ข้าได้ยินว่า ในหัวเจ้าไม่มีสมองหลงเหลืออยู่แล้วใช่หรือไม่”

คนที่ส่งเสียงเอ็ดตะโรคือรั่วเฟิง โฉมงามแห่งเกาะเผิงหนาน ตัวนางปรารถนาจะเป็นฮูหยินซานเกอตลอดมา ผิดแต่พยายามจะปีนขึ้นเตียงเขาครั้งใด มักถูกอู๋ซีหลุน กับเหลียงฮั่น หาทางผลักไสตลอด

ลู่ซินเหว่ยเกลียดคนที่มาชี้หน้า และว่าร้ายตนที่สุด ซึ่งสตรีคนนี้หยาบคายมาก

“เจ้าอยู่ที่เรือนหลังนี้ไม่ได้ ไป... ท้ายเกาะนู้น อยู่กับพวกคนงานเถื่อน เหมาะสมที่สุด”

รั่วเฟิงว่า และเตรียมสั่งให้คนที่ติดตามลากลู่ซินเหว่ยไป ทว่าหญิงสาวทั้งถ่มน้ำลาย และยื่นมือไปคว้าท่อนไม้ หวังใช้ป้องกันตัว

แต่นางคนเดียวไฉนจะสู่ผู้อื่นได้ อีกทั้งยามนี้ กำลังแสร้งเล่นละครเป็นคนปัญญาอ่อน แม้ไม้ในมือจะกำมันแน่น แต่ก็ยั้งใจเอาไว้ ไม่ฟาดใส่ผู้ใด ดังนั้นจึงสบโอกาสให้คนของรั่วเฟิง ประกบเข้าด้านหลังลู่ซินเหว่ย แล้วจับร่างนางไว้แน่น

“ฮิๆ ๆ อยากรู้นัก เด็กสามขวบ จะกล้าฟ้องเจ้าเกาะ หรือไม่ว่าตัวข้าได้สั่งสอนเจ้าให้รู้จักธรรมเนียมการต้อนรับของชาวเผิงหนาน” กล่าวจบรั่วเฟิงก็รับไข่เน่า และผักที่มีหนอนไต่ยั้วเยี้ยมา จากนั้นก็ราดใส่ศีรษะลู่ซินเหว่ย!


ลู่ซินเหว่ยไม่ได้อยากแสดงความอ่อนแอออกมาสักนิด แต่นางอดทนไม่ไหวแล้ว ยามนั้นน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด และนางก็ร้องไห้เสียงดังราวกับเด็กๆ

หญิงสาวพยายามกลั้นก้อนสะอื้นแล้ว แต่ไม่อาจกระทำได้ง่ายๆ และยามนั้น ไม้ในมือฟาดออกไป มันถูกคนที่รังแกนาง ถึงอย่างนั้นท่าทางนางก็ไม่ต่างจากหมาบ้า ที่ไม่อาจเอาชนะผู้อื่นได้ในยามนี้

ฝ่ายรั่วเฟิงตกใจในตอนแรก ก่อนจะหัวเราะตัวงอหงาย นางสมเพชสตรีที่เป็นของกำนัลจากเมืองไป๋จู้ คนพวกนั้นกล้าดีอย่างไร ส่งสตรีเช่นนี้มารับใช้ซานเกอ

“ฮิๆ ๆ มันปัญญาอ่อนจริงๆ ด้วย เช่นนี้ ใครจะเอาไปทำเมีย เห็นที นายท่านคงสมเพช เลยให้มาอยู่เรือนเก่าของอดีตฮูหยินน้อย!”

สิ่งที่รั่วเฟิงกล่าวทำให้ ลู่ซินเหว่ยตั้งใจฟังอีกฝ่าย และไม่รู้เหตุใด หญิงสาวรู้สึกหึงหวงขึ้นมาซึ่งไม่ใช่กับรั่วเฟิง หากเป็นฮูหยินน้อย... เช่นนี้หมายความว่า ซานเกอเคยมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนมาแล้ว มิหนำซ้ำเขายัง ให้คนส่งนางมาอยู่ที่นี่

คนชั่ว ใจคอเขาช่างโหดร้าย

“เอาล่ะ เห็นว่าโง่เขลา และเป็นสตรีตัวคนเดียว ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่สักพัก นอนกับผี ก็คงดีแหละ และรู้ไว้ด้วยฮูหยินน้อยนั่น นางตายโหงที่เรือนหลังนี้ !”

เอ่ยจบรั่วเฟิงกับคนของตนก็จากไป ปล่อยให้ลู่ซินเฟิงที่เนื้อตัวสกปรก และมีกลิ่นเหม็นยืนเหม่อลอยอยู่เช่นนั้น

หญิงสาวเช็ดน้ำตาบนหน้าตนเอง และรู้สึกว่าฟ้าช่างโหดร้ายนัก ให้นางมาอยู่ในเงื้อมือของซานเกอไม่พอ ยังกักขังนางไว้บนเกาะ ทั้งปล่อยให้ผู้อื่นมาทำร้ายด้วย นางคือองค์หญิงเก้า ลู่ซินเหว่ยเชียวนะ และยังเป็นผู้ถือตราเคลื่อนทัพอันสำคัญอีกด้วย!

ลู่ซินเหว่ยนึกท้อต่อโชคชะตาตนอยู่นานพักใหญ่ๆ ก่อนรวบรวมแรงกายอย่างยากลำบาก แล้วก้าวไปในเรือนหลังเล็ก นางกวาดตามองหาที่ชำระคราบสกปรกกับกลิ่นเหม็น

ในยามนั้น นางพบว่า มีใครคนหนึ่งกำลังเทน้ำร้อนใส่อ่างไม้ พร้อมผสมบางอย่างลงไป กลิ่นแปลกๆ ทั้งยังชวนให้มึนศีรษะ

“เจ้าเป็นเมีย ของนายท่าน”

คนที่ถามลู่ซินเหว่ย ท่าทางเป็นมิตร นางมีดอกไม้ประดับบนผม และแก้มก็ทาสีชมพูน่ารัก ผิวออกขาวเหลือง ทั้งเจ้าเนื้ออยู่ด้วย

“จะ เจ้าเป็น ฮะ ฮู หยิน นะ น้อย”

อันที่จริงลู่ซินเหว่ยสมควรเลิกเล่นละครเป็นสตรีเบาปัญญาได้แล้ว ด้วยอีกฝ่ายอายุคงเฉียดสามสิบปี จะเป็นฮูหยินน้อยได้เยี่ยงไร แต่ก็นั่นแหละ นางอยากให้ตนปลอดภัย พร้อมปกปิดฐานะที่แท้จริงเอาไว้

“โอ๊ย...ไม่ใช่ ใครอยากเป็นผีกันเล่า ข้าคือ อาฉุน เรียกพี่ฉุนก็ได้ ต่อไปจะอยู่ที่เรือนหลังนี้ เป็นเพื่อนเจ้า”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป