บทที่ 6 ข้าหนาว
แม้อยากกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ หากสุดท้ายลู่ซินเหว่ยก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีก
ศีรษะนางหนักอึ้ง และขอบตาปวดจนแสบและพร่าไปหมด ในขณะที่พิษไข้เล่นงานจนไม่อาจประคองตนไว้ได้ มือหนึ่งก็สัมผัสร่างกายของลู่ซินเหว่ย
ฝ่ายนางตกใจ สะดุ้งเฮือกสุดแรง แต่สัมผัสดังกล่าวอ่อนโยน ทั้งส่งความห่วงใยมาถึงนาง
“ท่านพ่อหรอกหรือ...” นางเรียกอี้อ๋องเช่นนั้น ยามอยู่เพียงลำพัง
อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง ไม่ได้ตอบ
“ข้าหนาว และคนที่นี่รังแกข้า ทะ ท่านต้องให้คนมาจับตัวไปโบย ไม่ก็เนรเทศไปใช้แรงงาน ที่เหมืองได้หรือไม่”
คนตัวโตอมยิ้มในสีหน้า และไม่อยากเอ่ยคำใดขัดคนที่กำลังละเมอ ด้วยไข้ขึ้นสูง
“หิวด้วย ขอข้าวกินเยอะๆ ต้องมีทั้งอาหารทะเล เนื้อหมู เนื้อไก่ ของหวาน และสุราดอกท้อ”
พอได้ยินคำว่าสุรา คนที่กอดลู่ซินเหว่ยไว้รวมๆ เลยพ่นลมหายใจออกมา อย่างไม่สมอารมณ์
“เจ้าอายุเท่าใดกัน ไฉนจะดื่มสุราได้”
“ฮึ ห้าขวบข้าก็ขี่ม้าได้ สิบขวบก็ศึกษาแผนที่ ทั่วทั้งแคว้นอี้ มีที่ใดบ้างที่ลูกสาวท่านไม่รู้จัก”
“มีสิ... เกาะเผิงหนานอย่างไรเล่า ข้ามั่นใจว่า ถิงเอ๋อร์ ไม่เคยเห็นแผนที่มาก่อนแน่นอน”
“ใคร... ใครคือถิงถิง!?”
หลุดถามเสียงดังออกไปแล้ว ยามนั้นสติของลู่ซินเหว่ยก็เหมือนจะกลับคืน หัวใจนางพลันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่กอดนางไว้หลวมๆ ซึ่งไม่ต้องคาดการณ์อันใด นางก็รู้ว่า คนผู้นี้คือพญายมซานเกอ !!
ให้ตายเถิด หากถูกเขาจับได้ว่าปลอมตัวเป็นผู้อื่น ทั้งยังนำตราเคลื่อนทัพติดตัวมาได้ โจรสลัดผู้นี้ จะทำสิ่งใดกับนางบ้าง เพียงแค่คิด ลู่ซินเหว่ยก็อยากเอาศีรษะโหม่งพื้นให้ตายเสีย เพื่อจะไม่ต้องทรมานยามที่อยู่ในเงื้อมือคนเผด็จการ แสนอำมหิต
และอึดใจต่อมา ลู่ซินเหว่ยก็ส่งเสียงสั่นๆ พร้อมท่าทางแง่งอนราวกับเด็กๆ
“ขะ ข้า... หนาว... และก็ หิว!”
เมื่อร้องจบ ก็หลับตา พร้อมทำคอพับคออ่อน
“อ่อ... คงเพราะพิษไข้ คนเขลาของข้า ถึงได้พูดจาเลื่อนเปื้อนสินะ”
ลู่ซินเหว่ยไฉนจะกล้าเอ่ยสิ่งใดอีก และอีกฝ่ายพอเห็นนางเงียบมือใหญ่ ก็ค่อยๆ แกะเสื้อผ้าที่คลุมร่างนางออก ทีละชิ้น
“ปล่อยให้ตัวเปียกและเหม็นไม่ได้ เช่นนี้สามีข้าจะอาบน้ำให้ภรรยาย่อมเป็นการดีที่สุด”
ได้ยินอย่างนั้น ลู่ซินเหว่ยอยากร้องประท้วง ทว่านางกลับวางแผนตื้นเขิน ด้วยการสลบไปเสียนี่
“เอาล่ะ เด็กน้อยของข้า อย่าได้กลัวว่าสามีจะเอาเปรียบ เราทั้งคู่ย่อมนุ่งลมห่มฟ้าด้วยกัน เช่นนี้ ย่อมไม่ต้องมีการเขินอาย!”
ลู่ซินเหว่ยเกลียดตัวเองที่ทำสิ่งใดก็ไม่ได้ดั่งใจ อีกทั้งซานเกอยังถือแต้มนำนางตลอด นางเลยเหมือนสตรี สติเฟื่องมากกว่าคนที่สูญเสียความทรงจำ
“เอ... เจ้าสลบเช่นนี้ ข้าจะแอบกินเต้าหู และชิมของหวานสักเล็กน้อย ให้หายคิดถึง แล้วคนเขลาจะอนุญาตหรือไม่”
ยามนั้น นางอดทนไม่ไหว จึงลืมตาโพลง และใช้มือหนึ่งทุบหัวไหล่คนหื่นไปเต็มแรง
“ถิงถิง... มะ ไม่สบาย อย่าระ รังแก กัน”
“โถ ข้าจะช่วยอาบน้ำต่างหากเล่า และขอให้เจ้ามีน้ำใจตอบแทนด้วยการ ป้อนน้ำเต้าหู้ และของหวานจากกลีบดอกไม้ สักเล็กน้อยมิได้หรืออย่างไร”
ลู่ซินเหว่ยแยกเขี้ยว และเอ่ยอย่างโกรธกรุ่นว่า
“ไม่ได้... ข้าหิว ข้าเหนื่อย และกำลังโมโห ทั้งหมดล้วนเป็นซานเกอ ที่ทำให้ข้าอยู่ในสภาพเช่นนี้”
ชายหนุ่มพยักหน้าตาม และกล่าวเสียงทุ้มๆ
“พึ่งรู้ว่า เสี่ยวถิงถิง ยามเกรี้ยวกราด ไม่ใช่แค่ได้สติกลับคืนมา หากยังแปลงร่างเป็นนางมารน้อยเสียด้วย”
ดวงตาคมกริบหรี่มองคนงามตรงหน้าเขา ฝ่ายลู่ซินเหว่ยไม่สนใจสิ่งใด กระนั้นนางก็อ่อนเพลียเหลือเกิน จึงบอกเขา
“แค่อาบน้ำ... ห้ามมีสิ่งใดเกินเลย ซานเกอทำให้ถิงถิงได้หรือไม่”
“ได้ แต่ข้ากลัวจะเป็นเจ้า มากกว่าที่ร้องขอให้ บุรุษผู้นี้ ใช้มือ ใช้ลิ้น และขาที่สามเย้าหยอกเจ้ายามที่เรา เปลือยเปล่าในอ่างไม้ด้วยกัน”
เขากล่าวจบจึงอุ้มร่างนางขึ้น และเมื่อเข้าไปใกล้อ่างไม้ ลู่ซินเหว่ยรู้ว่า ไม่มีหญ้าฝรั่งผสมในน้ำอุ่น และไร้ผงขี้เถาอย่างที่นางนึกหวั่นใจ
“ตัวเหม็นเช่นนี้ ใครรังแกเจ้าหรือไม่”
ซานเกอถาม และอยากให้นางเป็นคนบอก ทั้งที่เขาทราบเรื่องจากเสิ่นฉุน
“มะ ไม่ ขะ ข้าหิว เลยค้นหาของกิน”
“ชอบกินของสกปรกเช่นนั้นหรือ”
ลู่ซินเหว่ยส่ายหน้า ปากเกือบบอกทุกสิ่งอย่างให้เขาฟัง แต่นางก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอนักหรอก
“ถิงถิง เพียงแต่ ยะ ยังไม่รู้ความ”
นางตอบเสียงเบา
“เยี่ยงนั้น อาบน้ำด้วยกันเรียบร้อย ข้าจะป้อนอาหารให้อิ่มดีหรือไม่”
