บทที่ 7 ไม่สมควรไว้ใจเขา

ดวงตากลมโตมองเขา และยามนั้นมือใหญ่ๆ จับส่วนเว้าส่วนโค้งของนาง เขาออกแรงบีบก็จริง แต่มิได้กระทำเพื่อให้เกิดความซ่านสยิว มันเป็นการนวด เพื่อให้ลู่ซินเหว่ยผ่อนคลาย อีกทั้งน้ำหอมดอกหญ้าที่เขาผสมลงในน้ำอุ่นชวนให้สมองโล่ง จนนางอยากนอนอยู่ในอ่างน้ำอุ่นนี้ไปนานๆ

“ถิงถิงกินจุ”

“อย่าได้ห่วง... ข้าไม่ใช่คนตระหนี่ อีกอย่าง... ได้สั่งคนเตรียมของไว้ให้เจ้าพร้อมแล้ว”

ไม่รู้เหตุใด คำพูดปลายประโยคของเขา ทำให้ลู่ซินเหว่ยขนลุกซู่ ชายคนนี้ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย อย่างไรนางไม่สมควรไว้ใจเขา

จากนั้น หญิงสาวก็เอ่ยกับซานเกอ ด้วยท่าทางของคนสติเลือนหาย

“ถิงถิง... กะ กลัว น้ำแกง มะ ไม่กิน ยาลูกกลอนก็ไม่เอา มันจะทำให้ตาย”

และปลายประโยคนั้น งอแงอยู่สักหน่อย เพราะนางหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ นั่นเอง ซึ่งในวังหลวงมีน้ำแกงสลายคันที่ส่งผลร้ายต่อนางกำนัล บางคนไม่อาจมีบุตรได้ชั่วชีวิต โชคร้ายยิ่งกว่านั้น คืออาจพรากลมหายใจไปจากหญิงสาวได้เลย

ชายหนุ่มเข้าใจสิ่งที่นางอยากสื่อความหมายทันที

“ฮ่าๆ ๆ เสี่ยวถิงถิง... อย่าบอกนะว่า เจ้าอยากอุ้มท้องลูกให้ข้า เรื่องนี้ ไม่คิดว่าตน ฝันหวานเกินไปสักหน่อยหรือ”

ดวงตากลมโตถลึงใส่เขา พร้อมแยกเขี้ยวขู่

“เพราะเห็นว่าเจ้า ไม่เหมือนสตรีนางอื่น ข้าจึงไม่มอบน้ำแกง หรือสิ่งใดที่อาจส่งผลร้ายต่อเจ้า กระนั้น เมื่ออาบน้ำเรียบร้อย เด็กน้อยต้องแปะยันต์ที่สะดือเอาไว้รู้หรือไม่!”

“ยันต์! อะ อันใด” ลู่ซินเหว่ยร้องเสียงหลง

“ก็เพราะ เมื่อคืนก่อน รอบที่สามที่เราร่วมรักกัน ข้าเผลอหลั่งในตัวเจ้าติดกันตั้งสองหน และข้า ก็ไม่อยากให้ผู้อื่น อุ้มท้องสายเลือดข้า”

สิ่งที่เขากล่าว ประหนึ่งสายฟ้าฟาดใส่ร่างลู่ซินเหว่ย แรกเริ่มก็ดีใจว่า เขาห่วงกลัวนางได้รับอันตรายจากน้ำแกง และสารพิษจากยาแปลกปลอม ทั้งปรอท สารหนู หากความจริงคือ เขาเห็นนางเป็นเพียงของกำนัลที่มาจากเจ้าเมืองไป๋จู้ ไม่คู่ควรให้กำเนิดบุตรแก่เขา

“โอ้ คนเขลา... มิใช่ว่าที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น และเพ้อหนักเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าฝันเฟื่อง ว่าตนจะได้รับเกียรติให้อุ้มท้องลูกของซานเกอ ผู้นี้หรอกนะ”

หัวใจของลู่ซินเหว่ยหดเกร็ง ยามนี้ร่างกายนางอ่อนแรงลงกว่าเดิม และมันแทบจะไร้ความรู้สึก

ฝ่ายคนตัวโตก็เหมือนสาแก่ใจที่ได้ทำร้ายความรู้สึกลู่ซินเหว่ย เขาถูหลังให้นาง แล้วตามด้วยการนวดผมยาวสลวยเบาๆ

“อยู่กับข้า อย่าได้กังวลสิ่งใด หากเป็นเด็กดี ย่อมได้รับการดูแลตามสมควร”

“ถิงถิง... อยากให้ นะ นายท่านรัก”

ลู่ซินเหว่ยก้าวตรงกันข้ามความรู้สึกตัวเอง แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นทางเดียวในยามนี้ ที่จะทำให้นางอยู่บนเกาะเผิงหนานอย่างปลอดภัย

“เอ ถิงเอ๋อร์ บอกว่าเราแค่จะอาบน้ำด้วยกันไม่ใช่หรือ...”

ดวงตากลมโตมองเขา และริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้น ไม่รู้ว่าสิ่งใดเข้าสิงร่างของหญิงสาว อาจเป็นเพราะพิษไข้อ่อนๆ รวมถึงไฟราคะที่พลุ่งขึ้นท่วมร่าง และการอยากเอาชนะอีกฝ่าย ด้วยการครอบครองใจคนชั่วช้า นางจึงเอ่ยไปว่า

“ถิงถิง... อยากอาบน้ำจาก ตรงนี้ด้วย”

นางว่า แล้วก็เอื้อมมือไปสัมผัสขาที่สามของชายหนุ่มที่ยามนี้ หัวหยักบานใหญ่มันโผล่ออกมาจากฝักแล้ว


ห้าคืนที่ผ่านมา ลู่ซินเหว่ยนอนที่เรือนหลังนี้ อาการไข้ของนางดีขึ้นมากแล้วแต่เป็นเพราะลักลอบออกจากเรือนในยามวิกาล บางวันช่วงเช้าจึงอ่อนเพลีย จนเสิ่นฉุนเป็นห่วง

แม้เกาะเผิงหนาน อาจอันตรายรอบด้าน แต่นางเชื่ออย่างลึกๆ ว่า สิ่งที่รับรู้มาจากการซื้อข่าวสารจากสมาคมลับ ย่อมมีความจริงอยู่บ้าง คนของโฮ่วหรงเข่อปะปนอยู่บนเกาะเผิงหนาน และเขากำลังว่าจ้างต่อเรืออยู่ เช่นนี้การหาตัวเขาคงไม่อยากเกินความสามารถนาง นอกจากนี้ของใช้หลายอย่างที่นางลักลอบขนขึ้นเรือถูกส่งมาถึงมือแล้ว ฝ่ายสายลับพวกนั้น คราแรกหายหัวกันไปหมด ก็ค่อยๆ โผล่มาทีละคน ซึ่งมีทั้งขันทีเฮา (เฮาตั๋ว) นางกำนัลจาง รวมถึงองครักษ์เงาผู้หนึ่ง ที่ไม่เปิดเผยนาม

คืนนี้หญิงสาวแต่งชุดรัดกุม ไม่ได้ปกปิดใบหน้า หากทาผิวให้เข้ม และปลอมเป็นบุรุษ ด้วยความห่วงอี้อ๋อง นางจึงบอกตัวให้เองเอาชนะทุกอุปสรรค อีกทั้งยามนี้ นับว่านางสบายใจได้เปลาะหนึ่ง เมืองหลวงยังไม่มีข่าวแต่งตั้งรัชทายาทขึ้นครองราชย์แทนอี้อ๋อง และเปลี่ยนรัชศกใหม่

ร่างบอบบางเดินไปยังตรอกเล็กๆ ทางทิศตะวัน และสวรรค์เข้าข้างแล้ว ลู่ซินเหว่ยพบเบาะแสบางอย่าง เนื่องจากขันทีเฮาโบกไม้โบกมือให้นาง ฝ่ายนั้นรับบทหนักทีเดียว ด้วยปลอมตัวเป็นนายโลม ทว่ายังไม่ทันเดินไปถึงตัวอีกฝ่าย เสียงหนึ่งก็รั้งลู่ซินเหว่ยไว้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป