บทที่ 4 อยากตายหรือไง
“แล้วเธอเข้ามาทำไม” รณกรจับให้เธอเอียงหน้ามามองเขา
รสิตาต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเจอสายตาคมคู่สีนิลนั้น แววตาที่มองมาที่เธอไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด รสิตาจึงรีบเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาของรณกร
“อยากตายหรือไง” เมื่อรสิตาเริ่มดิ้นรณกรเลยพูดขู่ “อยู่นิ่งๆ”
“ฉันเจ็บนะ”
“เมื่อกี้ฉันก็เจ็บ” รณกรย้อน “เธอตั้งใจทำให้ฉันเจ็บใช่มั้ย”
“มะ...ไม่ใช่นะ...ฉะ...ฉันแค่...อื้อ...” ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อรณกรโน้มหน้าเข้ามาแล้วจูบไปบนปากของรสิตา เธอพยายามดิ้นสุดแรง แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งบดเบียดริมฝีปากอย่างหนักจนรสิตารู้สึกเจ็บ
รณกรพยายามบีบคางเพื่อให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักเปิดปากให้เขา แต่ไม่เลยเธอกลับเม้มปากเข้าหากันจนแน่น
“โอ๊ย!!!...ยัยบ้านี่” รณกรร้องสุดเสียง
รสิตาไม่มีทางเลือก เธอเอานิ้วกดไปตรงแผลของรณกร จนเลือดติดมือของเธอมาด้วย ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่รณกรก็ไม่ยอมปล่อยเธอ รสิตายังนั่งอยู่บนตักของเขาและมือของเขาก็ยังบีบคางเธออยู่อย่างนั้น แต่ตอนนี้มือทั้งสองข้างของรสิตาถูกเขารวบไว้ด้านหลังของเธอแล้ว
“นายครับ” สมภพและลูกน้องอีกสามคนรีบกรูกันเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงร้องของรณกร ภาพที่เห็นทำให้ทั้งหมดต่างก็งงและหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
ปากที่แดงระเรื่อของรสิตานั้นทำให้พวกเขาได้คำตอบ และในคราวเดียวกันก็แอบสงสารเธออยู่ไม่น้อย ที่ต้องมาเจอกับเจ้านายของพวกเขา
“เธอเป็นใคร!!” รณกรถามลูกน้องด้วยน้ำเสียงที่ไม่ว่าใครได้ฟังก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
“นายใจเย็น ๆ ครับ” เอกสิทธิ์รีบยกมือห้าม “เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่พวกผมหามาให้นายนะครับ”
พวกเขาคิดว่าที่รณกรหงุดหงิดเพราะพาผู้หญิงที่ไม่ถูกใจมาให้
“ใช่ ๆ ครับ” สมภพช่วยเสริม “เธอเป็นพนักงานในร้านครับเห็นว่าเลิกงานพอดี เลยให้ช่วยมาทำแผล”
“ใครเป็นคนอนุญาตให้ขึ้นมา” รณกรกวาดสายตามองลูกน้องทั้งสี่คน
“ผะ...ผมครับ” สมภพค่อย ๆ ยกมือขึ้น
“เสร็จเรื่องนี้ฉันจะจัดการกับแก ออกไปให้หมด” พูดจบรณกรก็เอ่ยไล่ลูกน้องทันที ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่บุคคลอันตรายสำหรับเขา
“ปล่อยฉันได้ยัง...โอ๊ย!!” รสิตาร้องเพราะเธอโดนผลักล้มลงไปบนพื้น “คุณมัน...”
เธอลุกขึ้นแล้วหันมากำลังจะชี้หน้าเขา แต่เมื่อนึกได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคือมาเฟียและเป็นเจ้านายของเธอ เธอจึงลดมือลง เพราะเธอรู้ดีว่าหากเธอกร่างใส่ผู้ชายคนนี้เธอจะโดนอะไร
“ฉันมันทำไม” เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง
“เปล่าค่ะ” รสิตาเดินไปหยิบของที่เธอวางไว้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะรีบวิ่งออกไปจากห้อง
“จะไปไหน” ไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้าออกไป รณกรก็เรียกไว้
“ออกไปข้างนอก” เธอตอบโดยไม่หันมามองเขา
“ใครอนุญาต”
“ก็คุณไล่ให้ออกไปให้หมด” คราวนี้รสิตาก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับมา
“ไม่ได้หมายถึงเธอ”
“แล้วฉันต้องอยู่ทำไมคะ” เธอเหลือบมองรณกรนิดหนึ่งก่อนจะหลุบตาลงแล้วมองต่ำ
“มาทำแผลให้ฉันไม่ใช่เหรอ” เขาเลิกคิ้วถาม “มาทำต่อให้เสร็จ”
พูดจบรณกรก็นอนลงไปแล้วเอามือก่ายหน้าผากเหมือนเดิม ท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนกำลังใช้ความคิด
รสิตาเองก็จำใจเดินกลับไปทำแผลให้รณกร ซึ่งคราวนี้รณกรนอนนิ่งๆ ปล่อยให้รสิตาจัดการกับแผลของเขา จนรสิตาปิดแผล นั่นแหละเขาถึงหันมามอง
เข้าของดวงตาสีนิลพินิจพิจารณาภาพของหญิงสาวที่ผมถูกรวบไว้ง่ายๆ แถมยังดูกระเซอะกระเซิง ใบหน้ารูปไข่ ปากอิ่มที่แดงระเรื่อ จมูกเล็กได้รูป ทำเขาเผลอมองอยู่พักใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รสิตาลุกขึ้นยืน
“เสร็จแล้วค่ะ” เธอเอาผ้าเช็ดมือของตัวเองให้สะอาด “อย่าลืมทานยาแก้อักเสพ อ้อถ้ามียาแก้ปวดแก้ไข้ก็ทานคู่กันไปเลยนะคะ กันไว้เผื่อแผลร้าวเดี๋ยวจะไม่สบาย อีกอย่างพรุ่งนี้อย่าลืมล้างแผลด้วยนะ หากเป็นไปได้ถ้าคุณมีเวลาคุณก็ไปโรงพยาบาลซะนะ แผลของคุณบางทีอาจจะต้องเย็บ ปล่อยไว้เดี๋ยวจะติดเชื้อ”
รณกรนั่งมองหน้าหญิงสาวที่แนะนำเขาอย่างฉะฉาน แต่แปลกที่เธอไม่สบตาเขาเลย ทั้ง ๆ ที่มีผู้หญิงมากมายอยากนั่งจ้องตากับเขา แต่เธอกลับทำเป็นไม่สนใจเขา
‘มองไม่เห็นความหล่อของฉันหรือไง ยัยบ้านี่’ เขาคิดในใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว” ขณะที่รสิตาก้มลงไปหยิบของรณกรก็เรียกไว้
“คะ” รสิตายืนนิ่ง “มีอะไรหรือเปล่า”
“ไปเถอะ” รณกรเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูด
“ค่ะ” รสิตารีบก้มไปหยิบของที่เธอวางไว้แล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันที
คราวนี้รณกรไม่ได้เรียกไว้เขานั่งมองเธอเดินออกไปจากห้อง ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
