บทที่ 5 พนักงาน
“เป็นไง เรียบร้อยมั้ย”
เพียงแค่ประตูถูกเปิดออกมา ลูกน้องของรณกรก็กรูกันเข้ามาถามถึงสถานการณ์ด้านใน ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงรสิตา แต่เพราะเป็นห่วงชีวิตของตัวเองมากกว่า
“เรียบร้อยดีค่ะ”
“เฮ้อ” ลูกน้องทั้งสี่พร้อมใจกันถอนหายใจออกมายาวๆ
“ไปแล้วนะคะ”
“ขอบใจมากไอ้น้อง” สมภพตะโกนตามหลัง
“ค่า” รสิตารีบวิ่งลงไป เธอไม่อยากพูดอะไรให้มากมาย เพราะกลัวจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นอีก
หลังจากนอนคิดอะไรเพลิน ๆ รณกรจึงลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินไปหยิบสื้อโค้ชมาใส่
“ไอ้ภพ!!”
“คะ...ครับนาย” สมภพรีบขานรับทั้ง ๆ ที่เขายังยืนอยู่ด้านนอก ตอนนี้หัวใจของเขาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว
“มีใครบาดเจ็บอีกมั้ย” เพียงแค่สมภพโผล่เข้ามารณกรก็เอ่ยปากถาม
“มีสองคนครับ ตอนนี้ส่งตัวไปรักาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว” สมภพรู้สึกโล่งใจ เพราะเขาคิดว่ารณกรจะเรียกเขามาลงโทษซะอีก “นายจะให้ทำยังไงกับเชลยครับ”
“เค้นความจริงให้ได้ แล้วฆ่าทิ้งซะ” รณกรตอบแบบไม่ใส่ใจ
“ครับนาย”
“พวกนายไม่บาดเจ็บใช่มั้ย”
คำถามของรณกรทำให้สมภพเผลอยิ้มออกมา รณกรมักจะเป็นแบบนี้ ในสายตาของคนภายนอกอาจจะมองรณกรเป็นมาเฟียที่เหี้ยมโหดไร้เมตตา แต่เปล่าเลยกับลูกน้องคนสนิทรณกรมักมีความเมตตาให้เสมอ
“ไม่ครับ”
“ดีแล้ว” รณกรเอนหลังไปบนโซฟาก่อนจะหลับตาลง “ไปพักผ่อนเถอะ”
หลังสมภพออกไปแล้วรณกรก็ลืมตาขึ้น เขารินเหล้าที่อยู่บนโต๊ะแล้วดื่มลงไปหลายแก้ว หลายครั้งที่เขาขยับตัวแล้วทำให้รู้สึกแสบตรงบาดแผล ภาพของใครคนหนึ่งก็มักจะโผล่ขึ้นมา หญิงสาวที่ยกแขนขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง สัญชาติญานของเธอคนนี้ก็ไวอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ยังไวกว่าเธอมากนักเธอเลยถูกจับยกมานั่งอยู่บนตักของเขาโดยง่ายดาย
ท่าทางหวงตัวของเธอยังติดตาเขา นานแล้วที่เขาไม่เจอผู้หญิงเล่นตัวกับเขาแบบนี้ ปกติมีแต่สาวสวยหุ่นแซ่บเข้าแถวรอเขาทั้งนั้น แต่เธอคนนี้แม้แต่หน้าของเขาเธอยังไม่มอง พอนึกถึงตรงนี้รณกรยิ่งหงุดหงิด เขารินเหล้าแล้วดื่มติดต่อกันหลายแก้ว
ปั่ก!!!
เสียงแก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรง ก่อนเขาจะลุกขึ้นไปนั่งดูเอกสารต่อบนโต๊ะทำงาน...
วันต่อมาในห้องทำงานของรณกร เขานั่งไขว่ห้างพิงโซฟาหลังใหญ่ ในมือถือแก้วเหล้า ส่วนคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างกับคนที่กำลังใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เมื่อคืนเขายังไม่ได้หลับ เพราะมีเรื่องที่จะต้องให้คิดและรีบจัดการอีกหลายเรื่อง
“มีอะไรครับนาย” บดินทร์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเดินเข้ามาหารณกรเมื่อถูกเรียกพบ
“ไปตามพนักงานคนนั้นมาพบฉันเดี๋ยวนี้” รณกรออกคำสั่ง
“คนไหนครับ” บดินทร์ถามด้วยความสงสัย
“คนเมื่อคืนไง”
“ผมไม่รู้จักหรอกครับ แล้วก็จำไม่ได้ด้วยว่าคนไหน” เพราะบดินทร์ไม่ใช่คนที่พารสิตามาตั้งแต่แรก เขาเลยไม่รู้จักเธอ
เพล้ง!!
เขาเขวี้ยงแก้วเหล้าในมือลงไปบนพื้นจนมันแตกกระจัดกระจาย ทำให้บดินทร์กระโดดหลบแทบไม่ทัน
“มีอะไรครับ” ราเชนทร์ที่อยู่ด้านนอกอีกคนวิ่งเข้ามาถามเมื่อได้ยินเสียงแก้วแตก
“ไม่ได้เรื่องสักตัว ออกไป!!” รณกรตวาดจนไม่มีใครกล้าถามอะไรอีก
ทั้งสองพากันวิ่งออกมาด้านนอกด้วยอาการตกใจ นานแล้วที่พวกเขาไม่เห็นอาการหงุดหงิดแบบนี้ของมาเฟียหนุ่ม
“นายเป็นอะไรวะ”
“กูก็ไม่รู้ อยู่ ๆ ก็บอกให้กูไปตามน้องคนเมื่อคืน” บดินทร์บอก “หรือจะตามมาให้ล้างแผลให้”
“เอ้า มึงก็ไปตามให้นายสิ”
“กูไม่รู้จัก กูจำหน้าไม่ได้ มึงจำได้เหรอ” บดินทร์หันไปบอก “พี่ภพ...ต้องถามพี่ภพเมื่อคืนพี่ภพเป็นคนพาน้องเขามา”
“พี่ภพก็ไม่รู้จักหรอก เพราะแกก็บังเอิญเจอน้องเขาเหมือนกัน” ราเชนทร์ให้เหตุผล
“นั่นสินะ” บดินทร์เห็นด้วย
“ลองมองลงไปสิ เผื่อว่าวันนี้มาทำงานแล้ว” ราเชนทร์ออกความเห็น
“ออกดึกแบบนั้น กูว่าคงไม่เข้ากะเช้าหรอก” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่สายตาก็กวาดมองอย่างมีความหวัง แม้ว่ามันจะริบหรี่ก็เถอะ
ไม่ใช่เพียงแค่ลูกน้องทั้งสองที่กวาดสายตามองไปด้านล่าง ตอนนี้ชายหนุ่มที่กำลังอารมณ์เสียก็ยืนมองลงไปผ่านกระจกในห้องเหมือนกัน เขาได้ยินที่ลูกน้องพูดทั้งหมด
“เข้ากะบ่ายสินะ”
ในขณะที่เขากำลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เท้าก็เหยียบอะไรบางอย่าง เขาจึงก้มลงไปเก็บสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำอาการหงุดหงิดที่มีหายไป
“ไอ้บิ๊ก” รณกรตะโกนเรียกลูกน้องทันที
“ครับนาย” บดินทร์ก็ไม่รอช้ารีบขานรับก่อนที่ตัวจะโผล่เข้าไป
“ตามคุณโจมาพบฉันหน่อย” เขาออกคำสั่ง
“ครับนาย” แม้จะดูเหมือนว่าเจ้านายจะใจเย็นลง แต่ด้วยความกลัวบดินทร์ก็แทบจะกระโดดลงไปโดยไม่ใช้บันได เพราะเขาไม่ใช่ซุปเปอร์แมนจึงทำให้ล้มลุกคลุกคลาน แต่เขาก็ไม่สนใจรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาจักรพงศ์อย่างรวดเร็ว
หลังได้รับทราบคำสั่งจากบดินทร์เพียงไม่นานจักรพงศ์ก็มาพบรณกรที่ห้องทำงาน
“มีอะไรให้ช่วยครับ”
“เชิญนั่งก่อน”
“ครับ” จักรพงศ์เลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง
“พนักงานคนนี้” เขาวางป้ายพนักงานลงไปบนโต๊ะตรงหน้าขอจักรพงศ์ “ใช่พนักงานในบ่อนของเรามั้ย”
“ใช่ครับ” จักรพงศ์ยืนยัน
“เรียกเธอมาพบผมหน่อย”
