บทที่ 1 ลายศิลา
“แกจะไปจริง ๆ หรือขิง” เสียงต้องถามเพื่อนรุ่นน้องอย่างขิงเมื่อเธอได้ยินในสิ่งที่ขิงตัดสินใจจะทำ
“ใช่ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปเที่ยวกับเขาตามคำชวน” ขิงตอบกลับไป เธอนึกถึงผู้ชายหน้าตาดีหล่อเข้มขนคิ้วดกดำคนนั้นชื่อเล่นว่า หิน หรือชื่อจริง ลายศิลา แต่ออกจะดูแต่งตัวเชยไปสักหน่อยในสายตาของเธอ เขาเป็นคู่ควงเก่าของพราวพิศ สาวสวยดาวเด่นในที่ทำงานที่ผู้ชายต่างจ้องขายขนมจีบ
“แกจะบ้าไปแล้วหรือแค่เพื่อจะประชดฮัทนี่นะ” เสียงต้องพูดแย้งออกมาไม่เห็นด้วย กับความคิดของเธอ
“เออสิ ฉันเกลียดทั้งฮัทไอ้คนทุเรศ ๆ นั้นแล้วก็ยังยายผู้หญิงอกโตด้วยดันทรง วัน ๆ ได้แต่แต่งโป๊โฉบโต๊ะนั้นที โต๊ะนี้ที” ขิงพูดไปด้วยอารมณ์เธอยิ้มหยันที่มุมปาก
“เธอโกรธที่ยายพราวฟาดฮัทของเธอไปใช่ไหม” ต้องถามคำถามที่จี้ใจดำขิงเป็นที่สุด ฮัทคนรักที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเป็นคนทันสมัยแต่งตัวเนี้ยบ รูปร่างดีหน้าตาหล่อเลือกได้ เธอไว้ใจเขาทุกอย่างและรักเขามาก มีสิ่งเดียวที่เธอยังไม่เคยตกลงใจจะให้กับเขาคือนอนด้วยเท่านั้น
เพียงมาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงสี่เดือนเจอลูกออดอ้อนของยายพราวพิศไป ถึงกับบอกเลิกเธอ และหันไปคบกันแบบออกหน้าออกตา ยังไม่พอเขายังย้ายไปอยู่คอนโดด้วยกันอีกด้วย ขิงเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง ทำให้เธอแทบเสียสติ แต่ยังดีมีเพื่อนร่วมงานที่แสนดีอย่างต้องคอยอยู่เคียงข้างเสมอ
เธอยังคงต้องทนทำงานที่นี่ ทนมองเห็นหน้าสองคนนั้นทุกวัน แต่จะทำยังไงได้ เงินเดือนมากขนาดนี้จะหาได้ที่ไหนอีกแล้ว เธอก็ทำงานที่นี่มาตั้งสามปีแล้ว โบนัสก้อนโตที่กำลังจะได้รับเมื่อทำงานครบสี่ปี
“หกเดือนเชียวนะไม่มีทางซะหรอก”
ขิงเธอเข้าใจผิดคิดว่า หินก็คงอกหักเหมือนเธอและเธอก็เข้าใจความรู้สึกของหินที่โดนทิ้งเหมือนเธอ เขาคงรู้สึกไม่ต่างกับเธอเท่าไหร่ เมื่อเธอโดนทิ้งคำปลอบใจของต้องเพื่อนรักใช้ได้ดีทีเดียว ทำให้เธอต้องปรับเปลี่ยนตัวเองและเริ่มทำใจได้บ้าง สิ่งเดียวที่ขิง คิดว่าจะทำให้เธอดีมากขึ้น คือ การหาใครสักคนมาควงแก้หน้า หรือหาแฟนใหม่ในทันที และเป้าหมายในที่ทำงานแห่งนี้ ก็ไม่มีใครที่เข้าตาเอาเสียเลย คนหน้าตาดีก็มีคู่หรือแต่งงานไปหมดแล้ว เหลือแต่คนแก่ที่ชอบทำนิสัยหมาหยอกไก่กับเธอไปวัน ๆ ก็เท่านั้น
“เขาชวนไปเที่ยวที่บ้านเขานะ แหมคนก็ต้องเยอะแหละแก ฉันอยากจะไปให้พ้น ๆ จากตรงนี้สักพัก ดีนะที่พี่ปั๋งเซ็นอนุมัติให้ฉันลาพักร้อนได้ ฉันสัญญานะว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เธอบอกแล้วหันไปจับมือต้องไว้แน่นเหมือนเป็นสัญญา
ต้องชี้ไปที่ท้องของเธอที่กำลังป่องได้หกเดือน แล้วพูดออกมาอย่างเซ็ง ๆ ว่า “แกเห็น นี่ไหม นี่ไงผลงานของความไว้ใจ เป็นไงฉันต้องมานั่งท้องโย้อยู่เนี่ย”
“อะไรกันจ๊ะ ใครบ่นถึงพี่เนี่ย จามไม่หยุดเลย ฮัดชิ้ว” เสียงพี่ปั๋ง เขาเป็นผู้จัดการของออฟฟิศนี้ เดินเข้ามาหาสองสาว เขาคือผู้ที่ทำให้ต้องท้องโต พี่ปั๋งเดินเข้ามาสมทบ สองสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“ตายยากจริง ๆ ต้องอุทานออกมา ก่อนจะหันไปยิ้มให้เขา ขิงจึงขอตัวหิ้วกระเป๋าขึ้น สะพายบนไหล่ ยกมือไหว้ปั๋ง เอ่ยคำลา
“กลับก่อนนะคะอีกสิบสองวันค่อยเจอกันนะต้อง ต้องยกมือโบกลาขิง แล้วเธอก็หันไป ปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน ก่อนที่จะหิ้วกระเป๋าคล้องแขนสามีเดินตามขิงออกมาเพื่อกลับบ้านเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ขิงกลับมาถึงห้องพักก็เก็บของใส่กระเป๋าเดินทาง เพื่อที่จะไป พักผ่อน ขิงพับเสื้อผ้าไปให้พอกับที่ลาพักร้อนสิบสองวัน ระหว่างนั้นโทรศัพท์ที่อยู่ ในกระเป๋าสะพายไหล่ก็ดังขึ้น
กริ้ง
“คุณขิงครับรถผมจอดอยู่ด้านล่างแล้วนะครับ” หินส่งเสียงเมื่อขิงรับสาย
“ค่ะรอแป๊บนะคะ ไม่เกินสิบนาที เดี๋ยวขิงลงไปค่ะ” เมื่อวางสาย เธอก็รีบยกกระเป๋า ออกมาตั้งข้างนอก ก่อนจะเดินไปปลดคัตเอาต์ลง
ไปตั้งสิบกว่าวันปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เธอบอกตัวเองก่อนจะหันมากดล็อกกุญแจ ยกกระเป๋าเดินลงลิฟต์มาทันที
เมื่อขิงเดินออกมาจากคอนโด ก็เห็นหินยืนพิงประตูรถเก๋งคันใหม่ป้ายแดงรุ่นล่าสุดของเลกซัส เธอทำหน้างงระคนแปลกใจ วันนี้เขาแต่งตัวดูง่าย ๆ มาในเสื้อยืดสีขาวคอวีและกางเกงชิโนสีเรียบ ๆ เสื้อผ้าเขาดูดีมีราคา
เฮ้ยดูแปลกตาดีนะวันนี้ แล้วเอารถใครมาขับน่ะ เห็นทุกทีมาในเสื้อเชิ้ตเก่า ๆ ดู เชย ๆ แถมยังขับรถกระป๋องมาทำงานอีก เธอนึกถึงรถมิตซูบิชิแชมป์สีเทาที่ตัวถังผุ ๆ คันนั้นไม่ได้ จะเดินเฉียดเข้าไปใกล้ก็ยังไม่กล้ากลัวตัวถังหรือสีจะตกใส่
เขายกไม้ยกมือโบกให้เธอ ก่อนที่จะเดินเข้ามารับเอากระเป๋าในมือเธอไปถือ
“ผมยกกระเป๋าให้ครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยน ก่อนจะเดินนำเธอมาที่รถ เปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่ง ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดกระโปรงหลังยกกระเป๋าขึ้นรถให้
