บทที่ 10 ถึงกับไข้ขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เมื่อหินได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขารีบวิ่งไปเปิดประตูเพื่อรับของ
“ขอบคุณมากครับลุง” เขากล่าวขอบคุณ ปิดประตูลงกลอน เดินพลางรื้อซองยาต่าง ๆ ออกมาอ่าน เห็นเภสัชกรเขียนโน้ตตอบกลับเขามาด้วยว่า
“ป.ล. งดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าฝ่ายหญิงจะหายดี” เขายิ้มกว้างมองโน้ตนั้นอย่างขำ ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปเรียกเธอให้ลุกขึ้นมาทานยาเพิ่ม
“ยาอะไรคะ” เธอถามเพราะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร
“ยารักษาน้องสาวของที่รักไงครับ เภสัชกรเขาจัดมาให้” เธอได้ยินคำตอบยื่นมือไป รับยาและน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะส่งขวดน้ำคืนไปให้เขา เมื่อเขาคว้าขวดน้ำไป เธอจิกเล็บ หยิกไปที่แขนของเขาทันที
“โอ๊ย โอ๊ย พี่หินเจ็บนะครับ” เขาร้องเสียงดัง ขยับตัวลุกขึ้นเพราะเธอทำท่าจะ กระโจนใส่เขาทั้งตัว
“อย่ามาเข้าใกล้ขิงอีกนะ ไม่งั้นจะหาว่าขิงไม่เตือน” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอัน ดัง เพราะได้ยาแก้ไข้ทำให้รู้สึกดีขึ้น เขายืนลูบแขนตัวเองอยู่ข้างเตียง
“โห... เลือดออกเลยอะ”
“ไม่ต้องพูดเลย แค่นี้ยังน้อยไปนะ” เธอชี้หน้าเขาแล้วเอ่ยปรามเขาเอาไว้ก่อน หินหาสนใจไม่เขากระโจนใส่เธอทันทีรวบร่างบางด้วยอ้อมแขนใหญ่
“ก็บอกแล้วไงว่า พี่หินขอโทษ เราไม่โกรธกันนะ นะ” เขาคร่อมร่างเธอพูดจาออด อ้อน ก่อนจะจูบไปที่แก้มสลับไปมาทั้งซ้ายทั้งขวา
“ที่รักของผมน่ารักไปทั้งตัวใครจะอดใจไหว” เธอได้แต่อมยิ้มส่ายหน้าแต่ปากก็พูด “คนนิสัยไม่ดี”
“หิวหรือยังกินอะไรสักหน่อยนะจะได้มีแรง ถ้ามีแรงพี่หินให้ที่รักหยิกทั้งตัวเลย” เขา พูดด้วยความเป็นห่วงและเหมือนจะยอมทุกอย่าง
“กินน้ำหวานตรงนี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยกินข้าว” หินฉกริมฝีปากเข้าหาปากร้อน ๆ แบบหยอกล้อ
“อือ” เธอครางประท้วงคงห้ามเขาไม่ได้แน่ ๆ “หวาน ๆ” เขาพูดเมื่อถอนริมฝีปากออก
“ไป๊... ไปกินข้าว” เขาลุกขึ้นช้อนร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขนทันที ยิ้มอย่างมีความสุขสุด ๆ ขิงได้แต่ถอนหายใจ
“ต้องทำตามเขาไปแบบนี้นะเหรอ เสียเปรียบชะมัดเลย”
ขิงนอนซมไปสองวันเต็ม ๆ หินดูแลเธอเป็นอย่างดี คอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง คอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนยา จนเธออาการดีขึ้น
เวลานอนเขาทั้งกอดทั้งหอมทั้งจูบคลอเคลียจนน่ารำคาญ “มันจะมากไปไหมเนี่ย” ขิงบ่นอยู่ในใจ
เธอลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเขานอนตะแคงซุกหน้าลงไปใต้รักแร้ของเธอ ผมแข็ง ๆ ของ เขาทิ่มแทงเนื้ออ่อนใต้รักแร้จนเจ็บ
“เฮ้อ” ก่อนเธอจะถอนหายใจก้มมองเขาแบบอ่อนใจ
‘คนบ้า!’ เธอว่าเขาในใจ ก่อนจะยกแขนของเขาที่ก่ายกอดเธอเอาไว้ให้ออกไป
‘หนักก็หนัก คนบ้าอะไร นอนคนเดียวไม่ได้หรือไง ที่นอนก็ออกจะกว้างมานอน เบียดอยู่ได้’ เธอได้แต่บ่น ๆ ขิงค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปแบบเงียบ ๆ เธอดูตัวเองในกระจก
‘ไม่ใช่ฝันไปใช่ไหมเนี่ย เฮ้อ... ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรของฉันนะ’ เธอรีบอาบน้ำหญิง สาวอาบไปก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับหินวนเวียนขึ้นมาซ้ำ ๆ นึกไปถึง “ฮัท” คนรักเก่า
‘ถึงเขาจะเลวจะร้ายยังไง เขาก็ให้เกียรติ เขาไม่เคยล่วงเกินเราแม้แต่ปลายก้อย ฮัท ขิงผิดใช่ไหมที่ไม่ยอมมีอะไรกับฮัท จนเกิดเรื่องราวทุกอย่างขึ้น’ หญิงสาวรู้สึกเสียใจ
เธอเช็ดตัวและดึงเสื้อคลุมที่พับไว้บนชั้นมาใส่ พลางมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง น้ำตาเริ่มไหล หัวใจดวงนี้ยังรู้สึกชอกช้ำกับความรักครั้งแรกที่ช่วยกันปลูกรักกันมายาวนานมากว่าเจ็ดปี รู้สึกเสียดายวันเวลาดี ๆ ที่เคยทำร่วมกันมา แล้วเสียใจที่ตัวเองก็สร้างเรื่องยุ่ง ๆ ขึ้นมาอีก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเรียก
“ขิง ขิงจ๋า ที่รักทำอะไรอยู่ครับ นานจัง ผมอยากเข้าห้องน้ำ” ได้ยินเสียงเรียกของเขา ทำให้เธอตื่นจากภวังค์ รีบเปิดน้ำกวักน้ำเย็นขึ้นสาดบนในหน้าเพื่อล้างคราบน้ำตาที่ไหลรินลงอาบแก้ม
‘ไอ้บ้าหินคนเลวร้ายทำไมนะ... บ้าจริง ๆ แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดีล่ะที่นี้ ก็คนไม่ได้รักได้ชอบมาก่อน แล้วตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่านอนกอดกันอยู่นี้คือฐานะอะไร’ เธอถามตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงเขา ก่อนจะพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“เสร็จแล้วค่ะ” เดินมาคว้าผ้าเช็ดหน้าที่แขวนไว้ขึ้นมาซับใบหน้า เปิดประตูเดินออกไป เขาจับตัวเธอไว้จ้องมาที่ใบหน้าใช้มือเชยคางเธอขึ้น
“รอพี่หินแป๊บเดียวนะ ที่รักดีขึ้นแล้วใช่ไหม วันนี้ผมจะพาคุณทัวร์หัวหิน ไปกินติ่มซํากับไข่กระทะกันนะ ที่รักจะได้ไม่อุดอู้” ก่อนที่จะบีบคางเธอเบา ๆ เดินเข้าห้องน้ำไป ได้ยินเสียงเขาฮัมเพลงอย่างมีความสุขอยู่ในห้องน้ำ
ขิงตอบตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้หรือเปล่า แต่เธอก็มีอะไรเลยเถิดกับ เขาไปแล้ว อีกอย่างก็ไม่รู้เขาจะคิดอะไรจริงจังกับเธอหรือเปล่า
‘ก็คงไม่เขาคงไม่คิดอะไรจริงจังกับฉัน และฉันก็ไม่ได้รักเขา’ ขิงพูดกับตัวเอง เธอ เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่หินเอามาแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า เลือกชุดที่ใส่สบาย ๆ ออกมาใส่ เป็นชุดกระโปรงผ้าฝ่ายสายเดี่ยวสีขาวทิ้งตัวยาวถึงข้อเท้าและไม่ลืมหยิบเสื้อคลุมออกมาใส่ด้วย เพราะเธอยังรู้สึกมีไข้ตัวรุม ๆ อยู่ ก่อนจะเดินไปหยิบยาพาราเซตามอลที่หินวางไว้ให้ใกล้กับขวดน้ำกินเข้าไป
“กินสักเม็ด” เธอบอกตัวเอง
จึงเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงส่องเข้ามา ก่อนจะพาร่างกายที่ได้พักมาสองวันเต็ม รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงเดินออกไปด้านนอกห้อง ทำท่าออกกำลังกายและสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด
