บทที่ 4 ตอนที่ 1 ชีคเอาแต่ใจ (3)
“หม่อมฉันไม่ได้ชื่อคุณหมอซุ่มซ่าม และเรื่องผ่ากระสุนที่ไหนหม่อมฉันก็ทำได้เพคะ แต่ที่นี่เราไม่มีเครื่องมืออะไรเลยสักอย่าง”
คุณหมอสาวแย้งพลางทำสีหน้าเป็นห่วง เมื่อเลือดที่ซึมออกมาเริ่มจะเยอะ อีกทั้งสีพระพักตร์ของชีคหนุ่มก็เริ่มจะซีดลงทุกทีไม่รู้โดนยิงตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จะเมื่อไหร่ก็ตามเถอะพระองค์ก็ไม่น่าจะมาหมกตัวอยู่ในห้อง ถ้าเกิดเธอกับอิสลัมมาช้ามิได้เป็นผีเฝ้าห้องนอนหรอกเหรอ
“ก็เอาเท่าที่มีสิครับคุณหมอ แค่ผ่าเอากระสุนออกแค่นี้จะต้องใช้อะไรมากมาย ถ้าอย่างนั้นเวลาออกรบหรือโดนยิงในป่าในเขา เขาจะเอาอะไรผ่ากระสุนกันออกล่ะครับคุณหมอ ตอนนี้ก็ถือซะว่าหลงป่ามีอะไรก็เอามาผ่าๆ เถอะ”
ชีคหนุ่มตรัสเหมือนกับบาดแผลที่ไหล่นั้นเป็นแค่แผลมีดบาดติดพาสเตอร์ก็เรียบร้อย แต่เมื่อดื้อดึงอย่างนี้ก็คงต้องตามใจล่ะ
“ตกลงเพคะ ในเมื่อท่านชีคอยากให้ผ่าหม่อมฉันก็จะผ่า งั้นขอมีดสะอาดๆ กับอะไรก็ได้ที่สามารถที่จะคีบดึงลูกกระสุนที่ฝังในนี้ออกได้หรือไม่ก็แหนบสะอาดๆ สักอัน แล้วก็ยาและอุปการณ์จำพวกใช้ทำความสะอาดแผลเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ด้วยแล้วกันนะเพคะ”
“แล้วก็ไล่พวกที่อยู่บริเวณนี้ออกไปให้หมดด้วยอิสลัม บอกว่าข้าต้องการความเป็นส่วนตัวมากไม่อยากได้ยินแม้กระทั่งเสียงคนเดิน”
“ครับท่านชีค”
รับคำสั่งจากทั้งคุณหมอสาวและท่านชีคเสร็จร่างสูงใหญ่ของอิสลัมก็ผละออกไป และระหว่างที่รอนั่นอุรัสยาก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เธอขอเข้าไปทำความสะอาดมือก่อนที่จะทำการผ่าตัดในห้องน้ำที่เห็นแล้วเธอต้องบอกเลยว่าบนเครื่องบินส่วนตัวว่าหรูแล้วที่นี่ดูหรูหรายิ่งกว่าหลายเท่า
และเมื่อเสร็จจากการทำความสะอาด หญิงสาวจึงเข้าไปดูบาดแผลบริเวณพระพาหุซ้ายของชีคหนุ่มเป็นขั้นตอนต่อไป
“ท่านพอจะมีกรรไกรไหมเพคะ เพื่อความสะดวกในการผ่าตัดหม่อมฉันจำเป็นต้องตัดแขนเสื้อของท่าน”
สิ้นเสียงคุณหมอสาว ชีคซาลซาเอลก็ใช้พระหัตถ์อีกข้างที่ยังใช้งานได้ปกติมากระชากฉีกแขนเสื้อชุดกาลาไบยาสีน้ำตาลของพระองค์เองจนขาดวิ่น
“พอไหม”
ถามยิ้มๆ เมื่อเห็นหญิงสาวยืนดูการกระทำของพระองค์แบบอึ้งๆ
“โอเคเพคะ มันดีมากไม่เกะกะเลย ตอนนี้เอาเป็นว่าท่านต้องทำใจเรื่องความเจ็บปวดระหว่างผ่าเอากระสุนออกด้วยว่ามันจะเจ็บมาก เพราะเราไม่มียาชาเลย”
คุณหมอสาวบอกอย่างเป็นห่วง ขณะที่มือและสายตาสาละวนอยู่กับบาดแผลมากกว่า ซึ่งความเป็นห่วงนั้นก็ทำให้ชีคหนุ่มถึงกับพระสรวลออกมาเบาๆ
“อย่าว่าแต่ยาชาเลย แม้แต่ยาต้องห้ามผมก็มีในครอบครอง”
“โทษทีเพคะ หม่อมฉันลืมไปว่าท่านเป็นท่านชีค”
อุรัสยาเงยหน้าขึ้นมาพูดประชดพระองค์เล็กน้อย ก่อนจะหันไปใช้ผ้ากดปิดปากแผลเอาไว้ เพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมามากกว่านี้ ไม่นานอิสลัมก็โผล่มาพร้อมเครื่องมือและยาที่สั่งอีกมากมาย และพออุรัสยาดูยาแต่ละตัวแล้วเรียกได้ว่ามีทุกตัวยาที่จำเป็นจะต้องใช้ในการผ่าตัดและรักษาบาดแผลจริงๆ
ในเมื่อได้ทุกอย่างได้มาครบ คุณหมอสาวก็ไม่รอช้ารีบฆ่าเชื่ออุปรณ์ แล้วลงมือทำการผ่าเอาลูกกระสุนจากออกของชีคหนุ่มตามขั้นตอนทันที โดยมีอิสลัมไปยืนเฝ้าประตูที่ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา
เวลาผ่านไปนานร่วมชั่วโมง การผ่าตัดก็สิ้นสุดลงท่ามกลางความโล่งใจทั้งผู้ผ่าและผู้โดนผ่ารวมไปถึงคนยืนให้กำลังอยู่ห่างอย่างอิสลัมเองก็ตามที
“เรียบร้อยแล้วเพคะ”
บอกหลังจากใช้เทปติดทับลงบนผ้าปิดแผลสีขาวสะอาด จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปยิ้มละไมให้กับชีคหนุ่มอย่างที่ชอบทำทุกครั้งที่รักษาคนไข้ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้หัวใจชีคหนุ่มถึงกับกระตุก จากนั้นคุณหมอสาวก็หันไปจัดยาสำหรับรับประทานในแต่ล่ะมื้อ พร้อมทั้งบอกวิธีและเวลาในการรับประทานให้ทั้งคนเจ็บและคนสนิทอย่างอิสลัมฟัง สุดท้ายก็หันมากำชับคนที่นอนมองเธอตาปริบๆ
“ท่านห้ามลืมทานยานะเพคะ แล้วก็ควรพักผ่อนให้มากๆ แผลจะได้หายไวๆ แต่ถ้าจะให้ดีหม่อมฉันว่าหลังจากนี้ท่านควรแวะไปที่โรงพยาบาลตรวจดูแผลอีกสักหน่อย”
“ไม่! ถ้าผมไปก็จะไปทำอย่างอื่นไม่ใช่ไปในฐานะคนไข้ เข้าใจไหมครับคุณหมอซุ่มซ่าม แล้วนี้ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บและปวดที่แผลจังเลย ยาชาหมดฤทธิ์แล้วเหรอหรือว่าคุณลืมอะไรไว้ในแผลผมหรือเปล่าคุณหมอซุ่มซ่าม”
หน้าตาของคนที่บอกว่าเจ็บแผลยิ้มระรื่นพร้อมทักยักพระขนงล้อเลียนคุณหมอสาว ที่หันขวับมามองพระองค์ตาเชียวปั๊ด
“หม่อมฉันว่านอกจากเย็บแผลที่ต้นแขนแล้ว หม่อมฉันว่าหม่อมฉันควรจะเย็บปากของท่านด้วยจริงไหมเพคะท่านชีค”
คุณหมอสาวต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว ซึ่งก็ทำเอาคนสนิทที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ อมยิ้มขำ ในขณะที่คนจะโดนเย็บปากขยับตัวลุกขึ้น โดยมีอุรัสยาอีกนั่นแหละคอยประคอง
“ผมล้อเล่นน่า แล้วนี่คุณขนของไปไว้ที่พักยัง”
