บทที่ 10 ลาที่ไม่ใช่ลา

หลังจากออกมาจากเหลาอาหารแล้วเหลียนอี้ปิงพาน้องเขยไปที่ตลาดค้าสัตว์เพื่อเลือกซื้อเกวียนเทียมลาหรือวัวขึ้นอยู่กับว่าเงินในมือพวกเขาพอหรือไม่ เงิน 10 ตำลึงทองที่เตรียมเอาไว้เพื่อจ่ายให้กับทางการแทนการไปเป็นทหารตั้งแต่แรกนั้น ได้จากการนำสินเดิมของท่านแม่และภรรยาของเขาไปจำนำเอาไว้ที่โรงรับจำนำ

“พี่ใหญ่ขอรับ หลังจากเราซื้อเกวียนแล้วข้าว่าพี่ใหญ่ไปเอาสินเดิมของแม่ยายกับพี่สะใภ้มาคืนพวกนางเถอะขอรับ ข้าคิดว่าต่อไปในภายภาคหน้าพวกเราคงไม่ขัดสนเงินทองเท่าไหร่ เป็นไปได้หากข้ามีเงินในอนาคตข้าก็อยากจะซื้อที่ดินเป็นของครอบครัวตัวเองขอรับ”

“ได้ตกลง เช่นนั้นเราก็แวะโรงรับจำนำก่อนก็แล้วกัน ข้าคิดว่าเงินเรามีพอที่จะซื้อเกวียนวัวหรือเกวียนลาได้”

เมื่อตกลงกันได้แล้วเหลียนอี้ปิงขับเกวียนมุ่งหน้าไปที่โรงรับจำนำและทำการไถ่ถอนสินเดิมของภรรยาและมารดาออกมาทั้งหมด รวมเป็นเงิน 8ตำลึงทอง ทำให้ในตอนนี้เงินในมือเหลืออยู่เพียง 2 ตำลึงทองกับอีก 6 ตำลึงเงินที่ได้จากการขายปลา

หลังจากจัดการธุระที่โรงรับจำนำเสร็จแล้วทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปยังตลาดค้าสัตว์ทันที ด้วยจำนวนเงินที่มีในมือ คงจะซื้อได้เพียงเกวียนเทียมลาเท่านั้น หรือหากโชคดีอาจจะได้วัวราคาถูกก็เป็นได้

“ถึงแล้วเราเอาเกวียนไปฝากในที่รับฝากก่อน เจ้าคิดเอาไว้หรือยังจะซื้อวัวหรือลา” อี้ปิงถามน้องเขย

“ข้าคิดว่าซื้อเกวียนลาก็ดีขอรับ หากเรามีเงินมากขึ้นค่อยซื้อวัวก็ยังไม่สาย ถึงอย่างไรเราก็ต้องเข้าเมืองมาขายปลาอยู่แล้ว เราควรจะเก็บเงินไว้บ้างข้ากลัวว่าหากเราต้องใช้เงินแล้วจะขัดสนขอรับ”

“ได้เอาตามที่เราว่า ข้าเชื่อว่าหลานสาวต้องเห็นด้วยกับพวกเราแน่นอน”

“ขอรับ อาโหยวเองนางอยากได้ลาเพราะว่าลาวิ่งเร็วกว่าวัวขอรับ”

เมื่อนำเกวียนไปฝากพร้อมทั้งจ่ายค่าดูแล 5 อิแปะแล้วทั้งสองคนเดินกลับมาที่ตลาดค้าสัตว์พวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังร้ายขายลาที่อยู่หลังตลาดติดกับร้านขายม้า ส่วนด้านหน้าจะเป็นร้านขายวัว

“นายท่านทั้งสอง ต้องการลาหรือไม่ขอรับ เชิญท่านเข้าไปเลือกซื้อได้เลยขอรับ ชอบตัวไหนสอบถามราคากับข้าได้เลยขอรับ รับรองว่าข้าจะขายให้ท่านในราคาพิเศษเลยขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ที่ทำหน้าที่ขายรีบเอ่ยออกมาเพราะวันนี้เขายังขายลาไม่ได้สักตัว

“พวกข้าขอเดินดูก่อนได้หรือไม่”

“ได้ขอรับได้ เชิญทางนี้ขอรับ”

ทั้งสองคนเดินดูลาในแต่ละคอก ลาแต่ละตัวได้รับการดูแลอย่างดี คอกสะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็น นับว่าดูแลดีมากทั้งสองคนเดินเลยมาจนถึงคอกสุดท้ายก็ยังไม่รู้สึกถูกใจลาตัวไหน

ในระหว่างที่อี้ปิงกำลังยืนดูลาคอกสุดท้ายอยู่นั้น เจี้ยนป๋อก็หันไปเห็นลา 2 ตัวที่ถูกแยกออกมาจากลาตัวอื่น ในคอกที่พวกมันอยู่นั้นมีเพียงพวกมันสองตัวเท่านั้น

“เสี่ยวเอ้อร์ ข้าขอดูลา 2 ตัวที่อยู่ในคอกเล็กนั่นได้หรือไม่ เหตุใดถึงได้แยกมันออกจากตัวอื่น ๆ”

“เจ้าสองตัวนี้ เกิดมาก็มีหน้าตาแปลกกว่าตัวอื่นเขา อีกทั้งตัวอื่น ๆ รังเกียจไม่ยอมอยู่ร่วมคอกกับพวกมันพี่น้อง จนเกิดการทำร้ายกันขึ้น ข้าเองก็ไม่เข้าใจขอรับ หากท่านสนใจลา 2 ตัวนี้ ข้าขายให้ท่านราคาพิเศษตัวละ 20 ตำลึงเงินขอรับ”

“เช่นนั้นข้าเอา 2 ตัวนี้ แล้วร้านของเจ้ามีเกวียนขายหรือไม่”

“มีขอรับ ขนาดเล็ก 15 ตำลึงเงิน ขนาดกลาง 18 ตำลึงเงิน ส่วนขนาดใหญ่ 22 ตำลึงเงินขอรับ”

“เช่นนั้นก็เอาขนาดใหญ่ไปเลยก็ดีนะน้องเขย คนบ้านเราเยอะเวลาเดินทางจะได้ไม่ต้องนั่งเบียดกันมาก”

“ตกลงขอรับพี่เขย เช่นนั้นเสี่ยวเอ้อร์รบกวนเจ้านำเจ้าสองตัวนี้ไปเทียมเกวียนให้ข้าด้วย ส่วนนี่เงิน ค่าเกวียนกับลา” เจี้ยนป๋อยื่นเงิน 1 ตำลึงทองให้เสี่ยวเอ้อร์

“รอสักครู่ขอรับเชิญตามข้ามารับเงินทอนที่ห้องบัญชีทางด้านนี้เลยขอรับ”

หลังจากที่ตามเสี่ยวเอ้อร์ไปรับเงินทอนอีก 38 ตำลึงเงินคืนแล้ว ทั้งสองคนนั่งรอให้เสี่ยวเอ้อร์นำลาทั้งสองตัวเทียมเข้ากับเกวียน ทั้งสองคนนั่งรออยู่หน้าห้องบัญชีอย่างใจเย็นไม่นานเสี่ยวเอ้อร์ก็นำลาเทียมเข้ากับเกวียนเสร็จแล้วมาส่งให้พวกเขาทั้งสองคน

หลังจากออกจากร้านค้าสัตว์ เหลียนอี้ปิงเดินไปที่ลานฝากเกวียนและขับเกวียนมุ่งหน้ากลับบ้านทันที ระหว่างทางเขาได้ถามน้องเขยอย่างเว่ยเจี้ยนป๋อว่าเหตุใดถึงเลือกเจ้าลาสองตัวนี้ มันทั้งตัวเล็กและเตี้ยไปสักหน่อย

“น้องเขยข้าถามได้หรือไม่ เหตุใดเจ้าถึงเลือกลาสองตัวนี้ ข้าว่ามันออกจะตัวเล็กไปสักหน่อยและเตี้ยไปสักนิด หรือมันจะยังไม่โต”

“พี่ใหญ่มันไม่ใช่ลาขอรับ”

“อ้าวหากมันไม่ใช่ลา แล้วคืออะไรก็เห็น ๆ อยู่ว่ามันเป็นลา”

“มันคือล่อขอรับ ล่อคือลูกที่เกิดจากลาและม้าผสมพันธุ์กัน เจ้านี่ยังเล็กยังไม่โตแต่แข็งแรงมาก ที่สำคัญมันแข็งแรงและอดทนได้ดีกว่าลาแถมมันยังวิ่งเร็วด้วยนะขอรับ”

“มิน่าเล่าลาตัวอื่นถึงได้รังเกียจมันสองตัว เพราะเป็นลูกผสมข้ามสายพันธุ์นี่เอง เช่นนั้นเท่ากับว่าพวกเราได้กำไรแล้วน่ะสิ”

“ใช่ขอรับเราได้กำไรมากจริง ๆ เช่นนั้นเรารีบกลับบ้านกันเถอะขอรับจะได้เอาเกวียนไปคืนที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องเช่าเกวียนผู้อื่นแล้วจะไปไหนมาไหนก็สะดวก”

“นั่นสิ พรุ่งนี้เรานำปลาไปส่งแต่เช้าหน่อยกลับมาแล้วข้าจะลองเข้าป่าไปสักรอบเผื่อเราจะได้อะไรพอที่จะนำไปขายทำเงินเข้าบ้านได้”

“ข้าเห็นด้วยขอรับตอนนี้เงินในมือพี่ใหญ่เหลือเพียงแค่ 2 ตำลึงทอง ถึงแม้ว่ามันจะถือเป็นเงินจำนวนมากหากรู้จักใช้ก็จะสามารถอยู่ได้อีกเป็นปี แต่เกิดสงครามแบบนี้ข้าเองก็ไม่วางใจขอรับ ส่วนข้าอย่างที่ท่านเห็นเหลือเท่านี้แล้วขอรับ”

“ข้าเข้าใจ โชคยังดีที่ท่านแม่มีสินเดิมนับว่าพอมีราคาอยู่บ้าง พี่สะใภ้เจ้าเองก็ยังพอมีของมีราคาติดตัวมาบ้าง ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหตุใดถึงได้เก็บเงินแทนการไปเป็นทหารกับชาวบ้านที่แทบจะไม่มีกินเช่นพวกเรา ถึง 10 ตำลึงทอง”

“ก็คงเป็นการบีบให้ไปรบนั่นล่ะขอรับ หากเราไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ก็ต้องไปรบ แต่ตอนนี้แม้มีเงินก็ไม่สามารถช่วยให้ไม่ต้องไปรบได้เสียแล้ว ข้าเกรงว่าสถานการณ์น่าจะเลวร้ายขึ้นมาก พวกเราคงได้แต่ภาวนาให้หลานชายกับลูกเขยกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น”

“ข้าเองก็ได้แต่หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เราคาดเดาอะไรไม่ได้กับสงครามหรอกนะ”

ใช้เวลาไม่นานเกวียนทั้งสองเล่มก็วิ่งตามกันเข้ามาในหมู่บ้านท่ามกลางสายตาชาวบ้านที่มองมายังเกวียนลาใหม่เอี่ยมของคนบ้านเหลียน

เหลียนอี้ปิงนำเกวียนวัวไปคืนที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านพร้อมค่าเช่าเกวียน 50 อิแปะ เมื่อจ่ายเงินค่าเช่าเกวียนเรียบร้อยแล้วเขารีบเดินกลับบ้านทันทีด้วยไม่อยากพูดคุยกับชาวบ้านเท่าใดนัก ตลอดทางที่เดินมามีชาวบ้านถามถึงเกวียนลาที่ซื้อมาใหม่เขาได้แต่บอกว่าเป็นน้องเขยของเขาที่ซื้อมาเพียงเท่านั้น

“เจ้าใหญ่กลับมาแล้วหรือ รีบไปล้างไม้ล้างมือจะได้มากินข้าว น้องเขยรอกินข้าวพร้อมเจ้าอยู่” แม่เฒ่าเหลียนที่เห็นลูกชายเดินเข้าบ้านมานางจึงรีบบอกให้ลูกชายรีบไปกินข้าวเพราะเขาออกจากบ้านตั้งแต่ยามอิ๋นด้วยนิสัยของลูกชายคงไม่หาอะไรกินจากในตัวเมืองเป็นแน่

“ขอรับท่านแม่”

เพราะพี่ใหญ่อย่างเหลียนอี้หลุนไม่อยู่แล้วหน้าที่หาน้ำและหญ้ามาให้ลาทั้งสองตัวนั้นจึงตกเป็นของสองพี่น้องหย่งคังกับหย่งหมิง ทั้งสองคนชอบลาทั้งสองตัวนี้มาก แต่ท่านพ่อบอกพวกเขาว่ามันคือล่อไม่ใช่ลา

พ่อเฒ่าเหลียนเองก็ดูจะชอบอกชอบใจกับล่อสองตัวนี้มาก ถึงแม้ว่ามันยังไม่โตเต็มวัยแต่ทั้งสองตัวแข็งแรงดีอีกทั้งซื้อมาได้ในราคาถูกมากนับว่าสายตาของลูกเขยนั้นแหลมคมมาก

“น้องเขย นี่เงินส่วนแบ่งของเจ้ากับของหลานสาว” อี้ปิงยื่นเงินให้เจี้ยนป๋อ 4 ตำลึงเงิน

“ขอบคุณขอรับพี่ใหญ่ พรุ่งนี้ก่อนนำปลาไปขายค่อยเอาให้นาง วันนี้เวลายังมีอีกมาก เราเข้าป่าไปวางกับดักกันดีหรือไม่เผื่อจะโชคดีได้อะไรติดมือมาบ้าง”

“ตกลง เช่นนั้นไปเตรียมของกันเถอะ”

พ่อเฒ่าเหลียนที่เดินเข้ามาในบ้านเห็นลูกชายและลูกเขยกำลังสะพายตะกร้าไม้ไผ่พร้อมกับธนูเดินออกจากบ้านเขาจึงได้ถามทั้งสองคนว่าจะออกไปไหนกันไม่ใช่เพิ่งจะกลับมาจากในเมืองกันหรอกหรือ

“นี่พวกเจ้าสองคนจะไปที่ใดกันอีกไม่ใช่เพิ่งจะกลับมาจากในเมืองกันรึ เหตุใดไม่พักเสียหน่อยล่ะ”

“พวกเราจะไปวางกับดักขอรับท่านพ่อ ท่านพ่อนี่ขอรับข้าฝากท่านพ่อคืนให้ท่านแม่ด้วย ข้าเอาสินเดิมของท่านแม่กลับมาแล้วรวมถึงของภรรยาข้าด้วย เราไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินแล้ว ข้าจึงเอามันกลับมาคืนให้ท่านแม่และภรรยาจะดีกว่า”

“ตกลง พ่อจะเอาไปคืนแม่เจ้าให้ เข้าป่าไปก็ระวังตัวด้วยล่ะ อย่าพากันเข้าไปลึกนักพวกเจ้าไม่ใช่นายพรานไม่ได้ชำนาญในการล่าสัตว์ อย่าได้ริไปล่าสัตว์ในป่าด้านซ้ายหมู่บ้านเชียว ถึงบ้านเราจะขาดเงินแต่หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าพ่อว่ามันจะได้ไม่คุ้มเสียเข้าใจหรือไม่"

“ข้าเข้าใจขอรับท่านพ่อ”

“ข้าเองก็เข้าใจดีขอรับท่านพ่อตา”

เว่ยเจี้ยนป๋อเดินมาหาลูกชายที่ด้านข้างของบ้านพวกเขานำลามาผูกเอาไว้ใต้ต้นไม้ให้มันอยู่ชั่วคราวก่อน หลังจากวางกับดักแล้วเขาและพี่ชายของภรรยาจะช่วยกันตัดไม้ไผ่มาทำคอกให้ทั้งสองตัวอยู่

“หย่งคัง หย่งหมิง หากท่านแม่ของเจ้ากลับมาบอกท่านแม่ของเจ้าว่าพ่อกับท่านลุงจะเข้าป่าไปวางกับดักและตัดไม้มาทำคอกให้เจ้าสองตัวนี้”

“ขอรับท่านพ่อ”

“ขอบใจมาก ลูกช่วยกันดูแลเจ้าสองตัวนี้ให้ดีล่ะ”

“วางใจได้เลยขอรับท่านพ่อ พวกเราจะดูแลมันอย่างดี”

“น้องเขยเจ้ารอสักครู่ข้าจะให้ท่านพ่อไปซื้อหญ้าสานกับชาวบ้านเอาไว้มามุงคอกของเจ้าสองตัวนี้มันจะได้มีที่หลบแดดหลบฝน”

“ขอรับพี่ใหญ่”

ทางด้านเว่ยจื้อโหยวนั้นตอนนี้นางพลิกหน้าดินเรียบร้อยแล้วนางจะตากหน้าดินสัก 3-4 วัน จากนั้นนางค่อยให้ท่านลุงกับท่านพ่อช่วยหามูลสัตว์มาให้นางจะได้นำมาใส่ลงในแปลงผักที่นางทำเอาไว้ แล้วจะได้เริ่มลงมือเพาะปลูกเสียที ในช่วงเวลา 3-4 วันที่ตากหน้าดินนางคิดว่าจะต้องเข้าไปสำรวจป่าเพื่อหาหนทางทำเงินดูสักครั้ง ไม่แน่ว่านางอาจจะได้เสบียงอาหารมาเพิ่มก็ได้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป