บทที่ 9 ขายปลา

เว่ยจื้อโหยวพาน้องชายน้องสาวเดินไปดูหลุมดักปลาที่นางขุดเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน เมื่อเดินมาถึงอวิ๋นซวนที่วิ่งนำหน้าไปก่อนนั้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาเอากิ่งไม้ที่วางทับข้างบนปากหลุมออกในหลุมที่ขุดเอาไว้มีปลาอยู่แน่นไปหมดแถมปลายังมีขนาดใหญ่อีกด้วย

“อู้วว ปละ..ปลา ปลาเต็มไปหมดเลยขอรับพี่สะใภ้ อีกทั้งมีแต่ตัวใหญ่ ๆ พี่สะใภ้เก่งที่สุดเลยขอรับ”

“จริงหรืออาซวน ในนั้นมีปลาจริงหรือเจ้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่”

“ข้าพูดเรื่องจริงพี่รองข้าจะไปโกหกท่านทำไม หรือท่านไม่เชื่อในตัวพี่สะใภ้กันแน่”

“ข้าเปล่าสักหน่อย เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล อย่ามากล่าวหาข้า ข้าหาได้คิดดังเช่นที่เจ้าว่ามา”

“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว อาเฟยไปเอาถังน้ำมา เราจะจับปลาไปขังเอาไว้ในโอ่งก่อนพรุ่งนี้เราค่อยนำไปขายในเมือง จะได้ซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่มด้วย”

“เจ้าค่ะพี่สะใภ้”

“อาซวนหากเราต้องการเข้าไปในตัวเมืองเราจะต้องทำเช่นไร เดินไปหรือแล้วตัวเมืองอยู่ไกลหรือไม่”

“นั่งเกวียนรับจ้างไปขอรับ หากเดินเท้าก็ร่วม 2 ชั่วยาม หากเรานำปลาเข้าไปขายข้าเกรงว่าเดินไปคงไม่สะดวก”

“เอาเช่นนี้ อาซวนเจ้าวิ่งไปบ้านเดิมข้าสักประเดี๋ยว บอกกับท่านลุงใหญ่และท่านพ่อของข้าว่าข้าต้องการความช่วยเหลือและมีเรื่องปรึกษา เจ้าพาทั้งสองคนมาที่นี่ เรื่องหลุมดักปลาเราต้องเก็บเป็นความลับเข้าใจหรือไม่ นี่คือหนทางทำมาหากินของบ้านเรา”

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะขอรับ”

“ระวังตัวด้วย หากเจ้าเจอป้าสะใภ้ของเจ้า อย่าได้หยุดหากนางเรียกให้เจ้าหยุด เจ้ารีบวิ่งไปให้ไกลจากนางเข้าใจหรือไม่”

“ข้าเข้าใจขอรับ”

เพราะนางได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของป้าสะใภ้ของสามีจึงทำให้นางไม่วางใจ ไม่รู้ว่าคนบ้านใหญ่คิดจะทำอะไรอีก แต่คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่

อีกอย่างนางไม่รู้ว่าป้าสะใภ้วางแผนชั่วร้ายอะไรเอาไว้บ้าง ยิ่งตอนนี้อวิ๋นเซียวไม่อยู่ นางคงต้องหาทางรับมือเอาไว้ก่อนถึงแม้ว่าจะทำรั้วล้อมรอบที่ดินทั้ง 3 หมู่เอาไว้แล้วแต่ก็เป็นเพียงรั้วที่ทำจากไม้ไผ่นับว่าไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก

อวิ๋นซวนที่วิ่งไปที่บ้านเหลียนเพื่อส่งข่าวตามที่พี่สะใภ้สั่งความมา ตอนนี้เป็นเวลาที่ชาวบ้านต่างพักผ่อนอยู่ในบ้านแทบทั้งนั้นส่วนหนึ่งสาเหตุมาจากยังมีความเสียใจที่สมาชิกในบ้านต้องไปร่วมรบในสงครามระหว่างแคว้น

“ท่านลุงอี้ปิง ท่านลุงเจี้ยนป๋อ อยู่บ้านหรือไม่ขอรับ”

“ใครมาล่ะนั่น อ้าวอาซวนมีอันใดรึเหตุใดถึงวิ่งมาถึงที่นี่หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้ารึ” อี้ปิง

“พี่สะใภ้ให้ข้ามาขอรับ นางบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาหารือท่านลุงทั้งสองขอรับ”

“เช่นนั้นรึ เจ้ารอสักครู่ข้าจะไปตามน้องเขยแล้วเราค่อยไปพร้อมกัน”

“ขอรับ รับรองว่าเป็นเรื่องน่ายินดีแน่นอนขอรับไม่มีเรื่องเลวร้ายขอรับ”

ใช้เวลาไม่นานทั้งสามคนก็เดินมาจนถึงบ้านเชิงเขาของอวิ๋นเซียว อวิ๋นซวนเดินนำทั้งสองคนไปที่ลำธารที่มีอวิ๋นเฟยและเว่ยจื้อโหยวรออยู่ก่อนแล้ว

“อาโหยวมีเรื่องอันใดรึถึงได้ให้อาซวนไปตามพ่อกับลุงเจ้ามา”

“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะท่านพ่อ เพียงแต่ข้าลองทำกับดักจับปลาแล้วทำสำเร็จข้าอยากจะให้ท่านพ่อกับท่านลุง ช่วยกันจับปลาแล้วนำไปขายเจ้าค่ะ ส่วนเงินที่ได้จากการขายปลานั้นเราจะแบ่งเงินกันออกเป็น 3ส่วน ท่านพ่อ 1ส่วน ท่านลุง 1ส่วน และข้าอีกหนึ่งส่วนเจ้าค่ะ”

“มันจะดีหรือลูกกับดักของเจ้าก็เป็นเจ้าที่คิดค้นขึ้นมาได้ หากแบ่งกันเช่นนี้ไม่เท่ากับพ่อเอาเปรียบเจ้ารึ”

“ดีแล้วเจ้าค่ะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันถึงแม้ว่าข้าจะแต่งงานออกเรือนแล้วแต่ยังไงข้าก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวของท่านพ่อนะเจ้าคะ ท่านพ่อก็เห็นตอนนี้สามีข้าไม่อยู่ การที่ข้าจะนำปลาไปขายนั้นลำบากยิ่งนักเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าตั้งใจจะปลูกพืชผักในที่ดินที่ว่างอยู่ จึงไม่สะดวกเข้าเมืองเจ้าค่ะ”

“แล้วกับดักปลาของหลานอยู่ที่ใดหรืออาโหยว”

“ท่านพ่อ ท่านลุงเชิญทางนี้เจ้าค่ะ อาซวนเอากิ่งไม้ออกได้เลย”

“ขอรับพี่สะใภ้”

“ทางนี้เจ้าค่ะท่านพ่อ”

“นะ.. นี่มัน ทำแบบนี้ก็ได้หรือ ช่างเปิดหูเปิดตาข้ายิ่งนัก ปลามากมายถึงเพียงนี้ แถมเรายังสามารถจับปลาได้แบบเป็น ๆ อีกด้วย ไม่ใช่ปลาที่ตายแล้วแบบนี้จะต้องได้ราคาดีแน่นอนน้องเขย หลานสาวช่างมีความสามารถยิ่งนัก”

“ท่านลุงเพราะเหตุนี้หากข้าจะออกหน้าก็คงไม่ดี ข้าเป็นเพียงสตรีแถมในบ้านยังมีแค่เด็กอีก 2 คนเท่านั้น หากมีคนคิดอิจฉาหรือต้องการบีบครั้นให้ข้าบอกวิธีจับปลาคงจะแย่แน่ ๆ อย่างน้อยถ้าเป็นท่านลุงกับท่านพ่อคงไม่มีใครกล้าเจ้าค่ะ”

“พ่อเข้าใจแล้ว เช่นนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อกับลุงใหญ่เจ้าเถอะ”

“เช่นนั้นก็รีบจับปลากันเถอะเจ้าค่ะท่านพ่อ”

หลังจากช่วยกันจับปลาของวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว นางนำปลาที่จับมาได้ทั้งหมดไปขังเอาไว้ในโอ่งน้ำหลังบ้านก่อน พรุ่งนี้ท่านพ่อกับท่านลุงจะเช่าเกวียนของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อนำปลาไปขายในเมือง

เมื่อท่านพ่อเห็นว่าวิธีจับปลาแบบนี้ได้ผลดี ท่านพ่อและท่านลุงก็ไปชุดหลุมดักปลาเอาไว้อีกหลายแห่ง รวมถึงลำธารในป่าด้วย เว่ยจื้อโหยวเองนางคิดที่จะเข้าป่าไปวางกับดักหรือล่าสัตว์เอาไปขายเพื่อหาเงินเข้าบ้าน ด้วยความสามารถที่นางมีและความรู้ที่ติดตัวมาจากชาติที่แล้วนางเชื่อว่านางสามารถทำได้แน่นอน

ลำพังจะอาศัยพืชผักที่ปลูกในที่ดินอันน้อยนิดนี่ก็เห็นจะไม่ได้ กว่าผักที่ปลูกจะโตจนสามารถนำมาทำอาหารได้คงต้องใช้เวลานาน นางจึงจำเป็นต้องหาลู่ทางเพื่อหาเงินเพื่อความอยู่รอด

เช้าวันต่อมาเว่ยเจี้ยนป๋อพร้อมด้วยพี่ชายของภรรยาบังคับเกวียนวัวมาที่บ้านเชิงเขาเพื่อนำปลาไปขายในเมือง ทั้งสองคนมารับปลาก็เป็นเวลาปลายยามอิ๋นแล้ว

“ท่านพ่อเจ้าคะ เกวียนวัวแพงหรือไม่เจ้าคะ”

“วัว 1 ตัว ก็หลายสิบตำลึงเงินอยู่ ทำไมหรืออาโหยว”

“หาเรามีเงินพอซื้อข้าอยากให้ท่านพ่อซื้อเกวียนเป็นของบ้านเราเจ้าค่ะ จะเช่าเกวียนผู้อื่นเข้าเมืองไปขายของทุกวันเห็นจะไม่ดีกระมังเจ้าคะ”

“มันก็จริงอย่างที่หลานสาวว่ามานะน้องเขย ข้าพอมีเงินอยู่ เดิมทีเงินนี้จะนำไปจ่ายเพื่อทดแทนการไม่ต้องไปเป็นทหาร แต่ว่าตอนนี้เงินนั่นไม่ได้ใช้แล้ว เอามาซื้อเกวียนวัวหรือเกวียนลาสักเล่มย่อมจะดี ข้าคิดว่าหลานสาวคงทำการค้าระยะยาวใช่หรือไม่”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านลุง เช่นนั้นเรามีเกวียนของเราจะสะดวกกว่า”

“เอาตามที่ลูกสาวว่าก็แล้วกัน พี่ใหญ่เรารีบไปกันเถอะเวลาไม่เช้าแล้ว ข้าไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นปลาพวกนี้”

“ได้ อาโหยวเจ้าก็เข้าบ้านไปนอนต่อเถอะ อย่าลืมลงกลอนประตูด้วยล่ะ”

“เจ้าค่ะท่านลุง”

หลังจากเกวียนเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปเว่ยจื้อโหยวปิดประตูลงกลอน จากนั้นนางเตรียมของเข้าป่าเพื่อไปวางกับดักทันที ส่วนหน้าที่การทำมื้อเช้าตกเป็นของอวิ๋นเฟยส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็นนางจะเป็นคนทำเอง

เว่ยจื้อโหยววางกับดักเรียบร้อยแล้ว นางเดินออกจากป่าเพื่อกลับมากินมื้อเช้าที่บ้านและจะกลับเข้าป่าไปตรวจดูกับดักก็เป็นเวลายามโหย่ว

นางกลับมาถึงบ้านอวิ๋นเฟยทำอาหารเสร็จแล้วส่วนอวิ๋นซวนรดน้ำผักที่นางปลูกเอาไว้เมื่อวาน หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จแล้ว เว่ยจื้อโหยวก็ปลูกพักเพิ่มอีก 4 แปลง ตอนนี้เล้าไก่ของนางยังไม่มีไก่สักตัวหากนางดักได้ไก่ป่าก็คงจะดีไม่น้อย

ทางด้านเจี้ยนป๋อกับอี้ปิงที่เดินทางเข้าเมืองเพื่อนำปลามาขายที่เหลาอาหารในเมืองพวกเขามาถึงก็เป็นเวลาที่ประตูเมืองเปิดพอดี หลังจากตรวจป้ายประจำตัวและเสียเงินค่าเข้าเมืองคนละ 5 อิแปะเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองรีบบังคับวัวมุ่งหน้าไปยังเหลาอาหารไท่เหยียนทันที

ด้วยเพราะทั้งสองคนออกจากบ้านมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เมื่อมาถึงเหลาอาหารไท่เหยียนเสี่ยวเอ้อร์ที่ทำหน้าที่รับซื้อเพิ่งจะเปิดประตูเท่านั้น

“เสี่ยวเอ้อร์ พวกข้านำปลาสด ๆ มาขาย รับรองว่าปลาของพวกข้าสดใหม่และยังมีชีวิตอยู่ทุกตัว ไม่ทราบว่าทางเหลาอาหารต้องการหรือไม่” อี้ปิง

“ท่านว่าอันใดนะขอรับ ปลาหรือขอรับแถมยังสด ๆ และยังมีชีวิตอยู่ หากเป็นเรื่องจริงอย่างที่ท่านกล่าวมาข้าก็ยินดีรับซื้อทั้งหมดแถมให้ราคาสูงด้วย ข้าขอดูปลาของพวกท่านหน่อยจะได้หรือไม่”

“ได้สิ เช่นนั้นเชิญที่เกวียนเลย”

เมื่อเสี่ยวเอ้อร์เห็นถังใส่ปลาที่วางเรียงรายอยู่บนเกวียนอีกทั้งปลาสด ๆ ยังมีชีวิตอยู่แถมมีขนาดใหญ่ เขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ปลานี่เขาไม่สามารถตัดสินใจได้คงต้องให้หลงจู๊มาประเมินราคาด้วยเพราะไม่เคยมีชาวบ้านนำปลาที่มีชีวิตอยู่มาขาย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนนำปลาที่ทั้งมีขนาดใหญ่และมีชีวิตอยู่

“ท่านทั้งสองรอสักครู่นะขอรับ ข้าไม่สามารถประเมินราคาได้ ขอข้าไปตามหลงจู๊ก่อน”

“ตกลง”

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อเสี่ยวเอ้อร์เดินออกมาพร้อมกับหลงจู๊วัยกลางคน เมื่อหลงจู๊เห็นว่าปลาสด ๆ ตัวใหญ่ ๆ แหวกว่ายอยู่ในถังน้ำ เขาก็ตกใจอ้าปากค้างทันที

“หลงจู๊ตกลงจะรับซื้อปลาสดของพวกเราหรือไม่ขอรับ” เจี้ยนป๋อ

“รับ รับสิ ข้าให้ชั่งละ 30 อิแปะพวกท่านพอใจหรือไม่”

“พอใจขอรับ เช่นนั้นหลงจู๊นำปลาไปชั่งเถอะขอรับ” อี้ปิง

หลงจู๊ให้เสี่ยวเอ้อร์นำปลาไปชั่งทั้งหมด 200 ชั่ง คิดเป็นเงิน 6 ตำลึงเงิน หลังจากรับเงินค่าปลามาแล้วทั้งสองบอกลาหลงจู๊ทันทีและพรุ่งนี้จะนำปลามาส่งเช่นเคย

“เช่นนั้นเราไปดูวัวเทียมเกวียนกันเถอะ น้องเขย”

“ขอรับพี่ใหญ่”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป