บทที่สอง

ดึกมากแล้วกว่าที่ฉันจะมาหยุดอยู่หน้าคลับชื่อดังที่เป็นที่รู้จักกันดีในแพ็ค ฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามท้องถนนนานนับชั่วโมงหลังจากที่โจเอลปฏิเสธฉันอย่างเลือดเย็น

เงินสดก้อนสุดท้ายที่ฉันมีติดตัวถูกใช้จ่ายเป็นค่าแท็กซี่ที่พาฉันไปบ้านของโจเอล ดังนั้นหลังจากถูกไล่ออกมา ฉันจึงไม่มีที่ไปจริงๆ

ฉันไม่รู้ว่ามีปีศาจตนไหนมาดลใจ แต่ในวินาทีต่อมา ฉันก็พบว่าตัวเองกำลังเดินเข้าไปในคลับ ข้างในอัดแน่นไปด้วยผู้คนที่กำลังเต้นรำและสังสรรค์กันอย่างสุดเหวี่ยงใต้แสงไฟดิสโก้สว่างจ้าที่แขวนอยู่เหนือศีรษะ

ขณะที่ฉันเบียดเสียดฝูงชนเข้าไป ฉันได้กลิ่นเหงื่อไคล กลิ่นน้ำหอมหลากหลายระดับตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงกลิ่นฉุนกึกและราคาแพง และกลิ่นของผู้คนที่มั่วสุมเสพสุขกัน

พอไปถึงห้องน้ำ ฉันก็เริ่มรู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอมแล้ว ฉันรีบวางกระเป๋าถือลงตรงหน้า และเมื่อได้เห็นภาพสะท้อนของตัวเอง ฉันก็นึกถึงคำพูดของโจเอล ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสเนื้อที่ตอบลงรอบแก้มและแววตาที่โบ๋ลึกของตัวเอง ฉันน้ำหนักลดลงไปมากจริงๆ ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ผมสีบลอนด์ส่วนใหญ่ของฉันเริ่มร่วงเพราะความเครียด ฉันจึงมักจะเกล้ามันเป็นมวยไว้ ประกายแห่งความสุขและความร่าเริงในดวงตาของฉันได้มอดดับไปหลายปีแล้ว และตอนนี้ผู้หญิงที่จ้องมองกลับมาก็มีเพียงสีหน้าที่ว่างเปล่า

ทันใดนั้น ผู้หญิงสองสามคนก็เดินออกมาจากห้องน้ำและตรงมาที่กระจก ฉันสังเกตเห็นการแต่งตัวของพวกเธอ มันเปิดเผยเนื้อหนังมังสาจนแทบไม่ต้องจินตนาการอะไรต่อ พวกเธอแต่งหน้าจัดอยู่แล้ว แต่ก็ยังเติมรองพื้นและลิปสติก โบ๊ะหน้าพร้อมกับทำปากเจ่อ

ฉันรู้สึกอึดอัดที่ต้องยืนอยู่ตรงนั้นในขณะที่พวกเธอส่วนใหญ่กำลังแต่งสวยกันอยู่ ฉันจึงคว้ากระเป๋าและตั้งใจจะออกไป

“นี่เธอไม่คิดจะทำอะไรเพื่อดึงดูดความสนใจจากท่านอัลฟ่าเดเมียนหน่อยเหรอ” ผู้หญิงข้างๆ ฉันถามขึ้น เธอติดขนตาปลอมยาวเฟื้อยและริมฝีปากก็แดงฉานราวกับเลือด

“อัลฟ่าเดเมียน?” ฉันเลิกคิ้วอย่างสับสน งุนงงกับชื่อนั้น มันฟังดูคุ้นๆ แต่พอได้ยินจากปากคนอื่นเป็นครั้งแรก ฉันก็นึกไม่ออกเลยว่าเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหน “เขาคือใครเหรอคะ”

ผู้หญิงส่วนใหญ่มองฉันแปลกๆ ราวกับว่าฉันพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป

“นี่เธอล้อเล่นใช่ไหม”

ฉันอับอายมาก ฉันรู้จักอัลฟ่าจอร์จ แต่ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา เพราะน้องสาวของฉันป่วย ฉันเลยไม่รู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงลำดับชั้นการปกครองในช่วงหลายเดือนนี้เลย

“อัลฟ่าเดเมียนเป็นลูกชายของอัลฟ่าจอร์จ เขารับตำแหน่งต่อเมื่อสี่เดือนที่แล้ว และมักจะมาที่คลับนี้ทุกคืนวันศุกร์เพื่อหาผู้หญิงสักคนกลับบ้านไปด้วย”

ฉันรู้สึกผิดหวัง นี่คือผลของการปล่อยให้คนที่ยังเด็กและไร้วุฒิภาวะมารับผิดชอบเรื่องของแพ็ค ฉันไม่สนใจสิ่งที่พวกเธอจะพูดต่อไปอีกแล้ว จึงเตรียมตัวจะจากไป

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะทำอะไรได้บ้างถ้ามีเงิน 500,000 ดอลลาร์ นั่นมันเงินจำนวนมหาศาลบ้าคลั่งชัดๆ แค่สำหรับไปค้างคืนกับเขาเนี่ยนะ” คำพูดของผู้หญิงคนแรกที่คุยกับฉันทำให้ฉันหยุดชะงัก

“เขาเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน แถมยังได้ส่วนแบ่งรายได้ในฐานะอัลฟ่าของแพ็คที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอีก เงิน 500,000 ดอลลาร์น่ะจิ๊บจ๊อยมาก”

ฉันไม่อยากถามอะไรต่อแล้วเมื่อเห็นว่าพวกผู้หญิงเริ่มมองฉันด้วยหางตา มันเหมือนกับการแข่งขันเงียบๆ ระหว่างพวกเธอว่าใครจะถูกอัลฟ่าเลือก ฉันเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกอีกครั้ง และแม้แต่ตัวฉันเองก็ยังผิดหวังกับสิ่งที่เห็น แล้วอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ที่เคยเห็นผู้หญิงสวยกว่านี้มามากมายจะรู้สึกอย่างไร

และพรหมจรรย์ของฉันก็ตกอยู่ในความเสี่ยง มันคือเกียรติของฉัน เป็นสิ่งล้ำค่าเพียงอย่างเดียวที่ฉันมีติดตัวอย่างแท้จริง ฉันจะต้องสละความบริสุทธิ์ของตัวเองเพื่อแลกกับเงินเหมือนโสเภณี แต่น้องสาวของฉันคือคนเดียวที่ฉันมีอยู่บนโลกใบนี้ในตอนนี้ ฉันจะเสียเธอไปไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

ตรงนั้น ต่อหน้าพวกผู้หญิงเหล่านั้น ฉันปลดผมที่เกล้าไว้ออก แล้วใช้มือสางอย่างบรรจง ปล่อยให้ผมลอนสยายพลิ้วไหวอยู่กลางหลัง ฉันฉีกชายกระโปรงด้านข้างจนมันสั้นร่นขึ้นมาถึงต้นขาแล้วโยนเศษผ้าทิ้งไป

คนส่วนใหญ่กำลังมองมาที่ฉัน แต่ฉันไม่คิดจะสบตาพวกเขากลับด้วยซ้ำ ฉันโยนความอับอายทิ้งไปแล้วและไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ฉันเอื้อมมือไปหยิบลิปสติกที่วางทิ้งไว้อยู่แท่งหนึ่งบนโต๊ะ โน้มตัวไปหน้ากระจกแล้วทามันก่อนจะเดินออกไป

"ขอเหล้าที่แรงที่สุดช็อตหนึ่งค่ะ" เมื่อถึงบาร์ ฉันก็สั่งบาร์เทนเดอร์ซึ่งนำออเดอร์ของฉันมาเสิร์ฟในไม่กี่นาทีต่อมา ฉันกระดกเอาๆ หมดแก้วแล้วแก้วเล่าจนเมามายราวกับห้องทั้งห้องกำลังหมุนคว้าง

“รู้อะไรไหม ฉันไม่ควรจะมานั่งรอให้เจ้าชายขี่ม้าขาวมาอุ้มฉันขึ้นเตียง ฉันควรจะออกไปสนุกให้สุดเหวี่ยงบนฟลอร์เต้นรำสิ” เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉันจึงคว้าเตกีล่าช็อตสุดท้ายดื่มรวดเดียวแล้วมุ่งหน้าไปยังฟลอร์เต้นรำ

ฉันปลดปล่อยตัวเอง ให้จังหวะดนตรีดังกระหึ่มจากลำโพงสอดประสานไปกับการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างบ้าคลั่งของฉัน ฉันสะบัดศีรษะ บิดเร้าเรือนร่าง และเต้นจนสุดใจ

หลังจากเต้นจนหมดแรงไปหลายชั่วโมง ในที่สุดฉันก็กลับมานั่งลงและสั่งเครื่องดื่มอีกแก้ว ฉันเลิกหวังที่จะรอแล้ว เพราะไม่ได้ข่าวคราวว่าอัลฟ่าเดเมียนจะมาถึงเลยสักนิด

ทันใดนั้นก็มีคนมานั่งข้างๆ และเมื่อฉันหันไป ก็ถึงกับตะลึงกับดวงตาสีเขียวของเขา มันเปี่ยมมนตร์สะกดและตรึงสายตาฉันไว้ครู่หนึ่ง รอยยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเมื่อสังเกตเห็นว่าฉันจ้องมองอยู่นาน

“ผมเห็นคุณเต้นอยู่สักพักแล้ว ผมอยากจะเข้าไปขอเต้นรำด้วย แต่คุณดูเหมือนกำลังสนุกกับตัวเองมาก”

ฉันหน้าแดง แต่ก็ยังพยายามมองไปรอบๆ อย่างร้อนรน

“คุณกำลังมองหาใครอยู่เหรอครับ” ฉันพลาดแววตาพราวระยับของเขาไปตอนที่หันกลับไปมอง

“ฉันกำลังรออัลฟ่าเดเมียนอยู่ค่ะ”

“อ้อ เขาไปแล้วล่ะครับ ไปเร็วพอๆ กับตอนที่มาเลย คุณคงคลาดกับเขาล่ะสิ”

ขณะที่เขาลุกขึ้นยืน ฉันไม่อาจซ่อนความผิดหวังในแววตาไว้ได้ จะไม่มีหวังเลยจริงๆ หรือ ทุกอย่างที่ฉันทำลงไปต้องสูญเปล่าอย่างนั้นเหรอ

“อยากจะใช้เวลาคืนนี้กับผมไหมครับ”

ฉันอยากจะปฏิเสธเขา อยากจะจากไปแล้วไม่หวนกลับมาอีก อยากจะปล่อยโฮร้องไห้ให้สุดเสียง แต่ทันใดนั้นฉันกลับวางมือลงในมือของเขาและตอบกลับไปโดยไม่ลังเล

“ค่ะ พาฉันออกไปจากที่นี่ทีเถอะ”


ในห้องพักของโรงแรม เราต่างปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็บรรเลงบทรักให้ฉัน ฉันเคยไปไกลที่สุดกับโจเอลแค่จูบ แต่การได้ทำอะไรที่ดิบเถื่อนและลึกซึ้งถึงเพียงนี้กับชายอื่น โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว มันช่างเร่าร้อนราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน สัมผัสของเขาบนเรือนร่างฉัน แก่นกายของเขาที่กระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วงและไร้ความปรานีอยู่ภายในตัวฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างส่งความซ่านสยิวแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย

ค่ำคืนนั้นยาวนานขณะที่เราต่อกันอีกหลายรอบ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผลอหลับไปตอนไหน

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาก็พบว่าชายคนนั้นยืนอยู่หน้าเตียงแล้ว เขาแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมที่จะจากไป

ฉันนั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับภาพความทรงจำเลือนรางเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนและความเจ็บปวดแสบร้อนระหว่างเรียวขา ฉันดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างพลางจ้องมองเขา

แผ่นหลังของเขากว้าง เสื้อผ้าแนบสนิทกับเรือนร่างกำยำ นาฬิกาบนข้อมือของเขาดูราคาแพง และเมื่อเขาหันมา ดวงตาสีเขียวคู่นั้นก็จับจ้องฉันไว้ไม่ให้หลุดพ้น แต่บัดนี้มันกลับเย็นชาและเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

“เธอยอมให้ฉันพาขึ้นเตียงทั้งที่รู้ตัวดีว่าตัวเองยังบริสุทธิ์งั้นเหรอ” น้ำเสียงของเขาห้วนกระด้างจนฉันสะดุ้ง

ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี

“พวกผู้หญิงอย่างเธอหาแต่วิธีน่ารังเกียจเพื่อจะขึ้นเตียงกับฉันให้ได้ก็เพื่อเงินสินะ ดี ถ้าอยากได้นักก็เอาไป…” เขาฉีกเช็คจากสมุดเช็คที่ถืออยู่ แล้วโยนมันลงมาบนตัวฉัน

ฉันรับมันไว้อย่างไม่รู้สึกละอาย คำพูดของเขาทำร้ายจิตใจฉัน แต่ฉันก็ไม่สนใจ

“ไปหายามากินซะ แล้วจัดการเรื่องวุ่นวายนี้ให้เรียบร้อย เธอเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ก็ฉลาดพอที่จะมุดขึ้นเตียงฉันได้ เรื่องแค่นี้เธอก็น่าจะจัดการเองได้เหมือนกัน”

เขาหันหลังแล้วเดินจากไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ และฉันก็แทบไม่ได้รับรู้การจากไปของเขาด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะฉันกำลังจ้องมองตัวเลขมหาศาลถึง 1,000,000 ดอลลาร์

และชื่อของชายผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก อัลฟ่าเดเมียน ฮิวโก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป