บทที่ 4
ดารินแทบจะผลักคนนั้นออกไปตามสัญชาตญาณด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แต่ตอนที่เธอพยายามจะหลบ ส้นสูงของเธอกลับพลิก จนเกือบจะล้มหัวคะมำ
ทันใดนั้นก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาโอบรอบเอวของเธอแล้วดึงเธอกลับไป
ใบหน้าของดารินแนบลงบนแผงอกอุ่นของชายคนนั้นอีกครั้ง จากนั้นเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังมาจากเหนือศีรษะ พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนจากช่องอกของเขา
“ทำอะไรน่ะ ตกใจเหมือนเห็นผีไปได้?”
“แคมป์?” ดารินเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของเธอดูเหมือนเห็นผีจริงๆ
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
คืนนั้น เขาไม่ได้ทะเลาะกับแวนซ์จนแตกหักกันไปแล้วเหรอ?
แต่พอคิดอีกทีก็ใช่ เขาเป็นเพื่อนกับแวนซ์มาตั้งแต่เด็ก จะมาแตกคอกันเพราะเธอได้ยังไง
แล้วดารินอย่างเธอเป็นใครกันเชียว!
แคมป์มองดูเธอ แล้วเหลือบไปมองแวนซ์ที่ยืนหน้าตาบึ้งตึงอยู่ข้างหลังพร้อมกับแฟนใหม่ในอ้อมแขน แววตาของเขาเย็นชาลงเล็กน้อย
“มาหาเขารึ?”
ดารินส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ฉันแค่เดินผ่าน...”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็มีเสียงทุบประตูดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ดาริน ออกมานะ ฉันรู้ว่าเธออยู่ในนั้น”
แคมป์รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนในอ้อมแขนของเขาสะดุ้งตัวสั่น
เขาหรี่ตามองไปที่ประตูบานนั้นแล้วยื่นมือไปจะเปิด
“อย่าค่ะ!” ดารินคว้าข้อมือของเขาไว้โดยไม่รู้ตัว สายตาที่มองเขานั้นเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
แคมป์ปัดมือเธอออก แล้วก็เปิดประตูอยู่ดี
ดารินหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
ประตูแง้มออกเพียงเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าเย็นชาไม่พอใจของแคมป์ที่ถูกรบกวน
อัครพลที่กำลังทุบประตูอยู่ถึงกับชะงักไป ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าตื่นตระหนก “คุณ...คุณ...คุณแคมป์?!”
“มีอะไรรึเปล่า?” น้ำเสียงของแคมป์เย็นเยียบ แฝงไปด้วยการคุกคามอย่างแนบเนียน
เมื่อได้ยินดังนั้น อัครพลก็รีบส่ายหัวเป็นพัลวัน “มะ...ไม่มีอะไรครับ ผะ...ผมมาผิดที่! ขอ...ขอโทษครับคุณแคมป์ ผมไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ไปเดี๋ยวนี้!”
พูดจบ เขาก็หันหลังวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามอง!
ภายในห้อง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งจากไป ดารินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองแคมป์
แต่เขากลับเดินผ่านเธอไปตรงๆ โดยไม่แม้แต่จะชายตามอง
“เธอไปได้แล้ว” น้ำเสียงเย็นชาราวกับว่าทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
สายตาของดารินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ
เธอรู้ดีว่าคนอย่างเธอสำหรับคุณชายจากตระกูลร่ำรวยที่แท้จริงอย่างพวกเขานั้น ก็เป็นได้แค่ของเล่นสนุกๆ เท่านั้น
หรือบางทีอาจจะไม่นับว่าเป็นของเล่นด้วยซ้ำ
หลายวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้ติดต่อหรือตามหาเขา ก็เพราะเดาว่าคำพูดของเขาในวันนั้นเป็นเพียงแค่การล้อเล่นกับเธอ
เธอไม่กล้าที่จะเชื่อเป็นจริงเป็นจัง คิดจะรอให้เขาแสดงความชัดเจนมากกว่านี้อีกหน่อย
น่าเสียดาย ที่สุดท้ายก็พบว่าเป็นเธอเองที่คิดไปไกลเกินไป
คำพูดของผู้ชายบนเตียง เชื่อถือไม่ได้จริงๆ
โดยเฉพาะคนอย่างแคมป์ที่ไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกาย ผู้หญิงที่สวยกว่าและหุ่นดีกว่าเธอก็มีอยู่ถมไป เธอมีดีอะไรถึงจะทำให้คุณแคมป์ต้องมาใส่ใจ
ดารินแค่นยิ้มเยาะตัวเองแล้วหันหลังเดินจากไป
ข้างนอกไร้เงาของอัครพลแล้วจริงๆ ดารินเดินไปที่ริมหน้าต่าง ตั้งใจจะรับลมเย็นๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
นอกหน้าต่างมีชานเล็กๆ ยื่นออกไป ดารินเดินขึ้นไปบนนั้น แล้วหยุดยืนที่ขอบของชาน
แค่ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเดียว เธอก็จะร่วงลงไป
ที่นี่คือชั้นสอง ถึงตกลงไปก็คงไม่ถึงตาย
แต่ดารินไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ลองยกเท้าขึ้นมา ทำท่าเหมือนกับว่าจะกระโดดลงไป
ทันใดนั้นข้อมือของเธอก็ถูกคว้าไว้ แรงมหาศาลกระชากเธอกลับมาแล้วเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพงด้านข้าง
ไหล่ด้านหลังกระแทกเข้ากับกำแพงแข็งๆ จนดารินต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
“อะไรกัน พอเห็นว่าเขามีคนใหม่ก็ไม่อยากอยู่แล้วงั้นเหรอ? น่าเสียดายนะ ถึงกระโดดลงไปจากตรงนี้ เธอก็ไม่ตายหรอก”
กลิ่นบุหรี่ผสมกับกลิ่นมินต์เย็นๆ ลอยมาปะทะจมูก ดารินเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง สบเข้ากับดวงตาที่เย็นชาถึงขีดสุดของแคมป์
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง “ทำไมเป็นคุณ?”
เขาไปสังสรรค์กับพวกแวนซ์ไม่ใช่เหรอ? แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
“อะไรล่ะ พอเห็นว่าเป็นฉันแล้วผิดหวังมากรึไง?”
ดารินส่ายหน้า กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงของอัครพลก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก
“คุณดาริน? อย่าหลบเลย ผมเห็นคุณออกไปที่ชานเล็กๆ นั่นแล้วนะ ถ้าคุณไม่ยอมออกมา ลุงคนนี้จะขึ้นไปหาเองแล้วนะ!”
น้ำเสียงที่หยาบโลนและน่ารังเกียจทำให้ดารินหน้าซีดเผือด เธอซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของแคมป์โดยไม่รู้ตัว
เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากที่โดนแคมป์ขู่ไปแล้ว เขาจะยังไม่หนีไปไหนไกล ยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้
พอเห็นเธอออกมา ก็รีบตามมาทันที
เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนเห็นผีจะผลักไสเขาอยู่เลย ตอนนี้กลับเสนอตัวเข้าหาเองแล้วงั้นเหรอ?
แคมป์มองดารินที่ตัวสั่นราวกับลูกกระต่ายตื่นตูมแล้วเลิกคิ้วขึ้น
เรื่องที่ดารินถูกขายให้ตระกูลสมิทธิ์เพื่อเป็นเครื่องมือในการแต่งงาน และตระกูลสมิทธิ์ก็พยายามสุดชีวิตที่จะใช้ใบหน้าของเธอเพื่อปีนป่ายขึ้นไปเกาะเกี่ยวตระกูลร่ำรวย ถูกนำไปเล่าเป็นเรื่องตลกในแวดวงของพวกเขา
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเจอกับตัวเอง
แต่การรับรู้เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการช่วยเหลือก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ดารินเห็นท่าทีเหมือนกำลังรอดูละครสนุกๆ ของเขาแล้วหัวใจก็เย็นเฉียบ เธอรู้ดีว่าถ้าเธอไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เขาก็คงไม่ยื่นมือเข้ามาแน่
หรือบางที ต่อให้เธอเอ่ยปาก เขาก็อาจจะไม่ช่วย
แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แคมป์คือทางรอดเดียวของเธอ
ดารินกัดริมฝีปากล่าง อ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ได้โปรดเถอะค่ะ ช่วยไล่คนข้างนอกนั่นไปให้ฉันได้ไหม?”
น้ำเสียงนั้นแทบจะเรียกได้ว่าต่ำต้อย ความรู้สึกอัปยศอดสูทำให้เธอเผลอจิกฝ่ามือตัวเองแน่น
“พอต้องการความช่วยเหลือถึงได้นึกถึงฉันขึ้นมางั้นเหรอ หืม? หน้าฉันดูใจดีมากรึไง?”
ดารินชะงักไปครู่หนึ่ง เธอครุ่นคิดถึงคำพูดของเขาซ้ำไปซ้ำมา จนในที่สุดก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่
เขากำลังบอกใบ้ว่าเขาโกรธที่เธอไม่ได้ติดต่อเขาไปเลยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมางั้นเหรอ?
ทำไมล่ะ?
การที่เธอทำตัวดีๆ ไม่ไปรบกวนเขา มันไม่น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับเขาหรอกเหรอ?
“ฉันนึกว่าคุณจะชอบผู้หญิงที่รู้จักกาละเทศะ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรรุกเมื่อไหร่ควรถอยซะอีก!”
ดวงตาฉ่ำน้ำดุจจิ้งจอกของดารินฉายแววรู้สึกผิดและทำอะไรไม่ถูก มือข้างหนึ่งกำชายเสื้อเชิ้ตของเขาไว้ ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้ขึ้นไปบนแผงอก ปลายนิ้วสัมผัสกับตุ่มไตแข็งแล้วสะกิดเบาๆ
เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของชายหนุ่มใต้ปลายนิ้วของเธอแข็งเกร็งขึ้นมาทันที แม้แต่จังหวะหายใจก็ยังผิดเพี้ยนไป
ในดวงตาของเขามีความปรารถนาฉายชัดอย่างไม่ปิดบัง เมื่อนึกถึงท่าทีของเขาในคืนนั้นที่ราวกับจะยอมตายคาอกเธอให้ได้ ดารินก็รู้สึกว่าเขาคงจะชอบร่างกายของเธอ
ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็พอจะรู้แล้วว่าจะทำให้เขาช่วยได้อย่างไร
ดารินเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วจูบเขาโดยตรง
ในวินาทีที่ริมฝีปากสัมผัสกัน เธอรู้สึกได้ว่ามือที่โอบเอวเธออยู่บีบแน่นขึ้นอย่างแรง
ดวงตาจิ้งจอกของดารินฉายแววได้ใจ มุมปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ดูเหมือนว่าเธอจะอ่านเกมถูก!
ทักษะการจูบของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดีเด่อะไรนัก รู้สึกเหมือนแค่ขบกัดไปมั่วๆ
แต่ริมฝีปากของเธอกลับนุ่มนิ่ม เอวก็บางนุ่ม ส่วนลำคอระหงก็ดูน่าขบกัดเป็นอย่างยิ่ง
ตอนที่เธอแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย มันเป็นองศาที่โค้งเว้าเย้ายวนใจอย่างที่สุด
ลมหายใจของแคมป์พลันหนักหน่วงขึ้น เขารวบเอวเธอแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งบนราวระเบียง
ชายหนุ่มตัวสูงมาก พอดารินนั่งอยู่บนนั้น ขาทั้งสองข้างของเธอก็สามารถโอบรอบเอวของเขาได้พอดี
เธอจึงแยกขาออกแล้วใช้แรงของเขาแนบชิดร่างกายเข้าไปอีก สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ร้อนระอุเหมือนเหล็กเผาไฟกำลังดันอยู่ตรงท้องน้อยของเธอ ดารินหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ยั่วยวนถึงขีดสุด
“ไม่คิดเลยว่าคุณแคมป์ที่ล่ำลือกันว่าสมถะจะร้อนแรงขนาดนี้ อื้อ...”
เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็ถูกชายหนุ่มปิดปากด้วยริมฝีปากของเขา
มือข้างหนึ่งของเขาบีบเอวเธอไว้ ส่วนอีกข้างสอดเข้าไปใต้กระโปรงของเธอ
“ส่วนเธอก็เหมือนในข่าวลือไม่มีผิด ทนความเหงาไม่ไหวเอาซะเลย!”
