บทที่ 5

ดารินรู้สึกเหมือนหัวใจถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทง เธอเผลอถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

เขารู้อยู่แก่ใจว่าวันนั้นเป็นครั้งแรกของเธอ

ถึงแม้จะอยู่บนรถ และไม่รู้ว่ารอยเลือดพรหมจรรย์หายไปไหน แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงมันอย่างชัดเจน

แต่ตอนนี้ เขากลับใช้คำพูดแบบนี้มาดูถูกเธอ

ดารินอยากจะหนีจากการควบคุมของป้าสุภัคก็จริง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะโยนศักดิ์ศรีทั้งหมดของตัวเองลงบนพื้นให้ใครเหยียบย่ำ

เมื่อสัมผัสได้ว่าเธออยากจะหนี ชายหนุ่มก็หัวเราะหึออกมา

"อะไรกัน แค่พูดว่านิดหน่อยก็ทนไม่ได้แล้วเหรอ? แวนซ์โอบกอดผู้หญิงคนอื่นจูบต่อหน้าเธอ เธอยังทนได้ดีอยู่เลยไม่ใช่หรือไง?"

ดารินชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว "เขาจะโอบกอดใครจูบมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ ฉันไม่ได้รักเขาสักหน่อย"

แคมป์เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาสีดำขลับของเขาจับจ้องไปยังดารินด้วยแววตาที่ยากจะหยั่งถึง

ชายหนุ่มบีบเอวเธออย่างแรง ท่อนล่างแนบชิดกับเธอ เหมือนเสือร้ายที่พร้อมจะบุกเข้ามาฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆ ได้ทุกเมื่อ

"พูดอีกครั้ง!"

เมื่อถูก "ปืน" จ่ออยู่ ดารินไม่กล้าขัดขืน "ฉันบอกว่า ฉันไม่ได้รักเขาสักหน่อย"

"ไม่รักเขา แล้วไปขอเขาแต่งงานเนี่ยนะ?" แคมป์รู้สึกขบขัน

ดารินพูดอย่างมั่นใจและมีเหตุผล "ไม่รักแล้วขอแต่งงานไม่ได้หรือไง? ที่ฉันขอเขาแต่งงานก็ไม่ใช่เพื่อจะแต่งกับเขาสักหน่อย มันเป็นแค่แผนการเฉพาะหน้า!"

สำหรับสถานการณ์ของเธอในตอนนั้น การจับแวนซ์ให้อยู่หมัดได้ จะช่วยลดปัญหาให้เธอได้มากมาย และซื้อเวลาได้มากพอ

เธอวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว สิ่งเดียวที่คาดไม่ถึงก็คือ ในช่วงเวลาสำคัญแวนซ์กลับหักหลัง บอกว่าที่ตามจีบเธอเป็นแค่เรื่องพนันกัน และเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เธอเข้าบ้านตระกูลรัตน์!

หากว่าตอนนั้นมีคนน้อยกว่านี้สักหน่อย เธออาจจะยอมทนกล้ำกลืนฝืนทนความอัปยศนี้เพื่อที่จะหนีจากครอบครัวของป้าสุภัค

แต่เคราะห์ร้ายที่ตอนนั้นมีคนอยู่เยอะเกินไป

เพื่อการขอแต่งงาน เธอเรียกเพื่อนของทั้งเธอและแวนซ์มากันหมด

เรื่องนี้ไม่มีทางปิดเป็นความลับได้ เธอทำได้แค่เลิกรา แล้วค่อยหาวิธีอื่นทีหลัง

แคมป์เข้าใจแล้วว่าแผนการเฉพาะหน้าที่เธอพูดถึงหมายความว่าอะไร ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาก็จางลงเล็กน้อย

"ถ้าเขารู้ว่าเธอวางแผนกับเขาแบบนี้ ต้องไม่ปล่อยเธอไปแน่!"

กำแพงปูนทำให้ดารินรู้สึกไม่สบายตัว เธอขยับสะโพกเล็กน้อย ทำให้ความร้อนที่ส่งผ่านกางเกงในเสียดสีกับปลาย "ปืน" ของชายหนุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ

ทำให้ลมหายใจของเขาชะงักงัน นิ้วของเขาก็แหวกกางเกงในของเธอออกแล้วบุกเข้าไปทันที!

"อ๊ะ..." ดารินอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาเบาๆ

นิ้วมือของเธอกำแน่นที่ไหล่ของแคมป์ ดวงตาเรียวสวยดุจจิ้งจอกฉายแววสับสนและน้ำตา

"ข้างนอก... ข้างนอกยังมีคนอยู่..."

อัครพลที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงร้องที่ถูกกดไว้ของผู้หญิงบนชานพักเล็กๆ ก็รีบร้อนผลักประตูจะพุ่งเข้ามาทันที

แต่ทันทีที่ประตูถูกผลักเปิดออก ก็ได้ยินเสียงตะคอกอย่างเย็นชาและเกรี้ยวกราดดังออกมาจากข้างใน "ไสหัวไป!"

แคมป์หันกลับมา ดวงตาทั้งคู่เย็นชาไร้ซึ่งอุณหภูมิ

อัครพลตกใจจนสะดุ้ง ทำไมถึงเป็นคุณชายตัวปัญหานี่อีกแล้ว!

"ขอโทษครับคุณแคมป์ รบกวนคุณแคมป์แล้วครับ ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลยครับ!"

อัครพลรีบคลานหนีไปอย่างลนลาน ก่อนไปก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองแวบหนึ่ง

พอจะมองเห็นลางๆ ว่าแคมป์กำลังโอบกอดผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขน

ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในชุดราตรี ขาเรียวยาวของเธอเกี่ยวอยู่บนเอวของเขา ปลายขาที่ห้อยลงมาแกว่งไกวไม่หยุดตามการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของเขา

แม้จะมองไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นชัดๆ แต่แค่เห็นขาคู่นั้นกับเอวนั่น ก็รู้แล้วว่าเป็นของดีชั้นเลิศ

สมแล้วที่เป็นคุณชายแห่งตระกูลโฮริน ได้กินแต่ของดีๆ ทั้งนั้น

เมื่อประตูปิดลง ความกังวลสุดท้ายของดารินก็หมดไป แต่แล้วเธอก็ถูกชายหนุ่มจงใจกระแทกกระทั้นใส่อีกสองสามครั้ง จนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครางกระเส่าออกมา

ในขณะที่บรรยากาศกำลังร้อนแรง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของแคมป์ก็สั่นขึ้นมาทันที

ดารินคิดว่าเขาจะไม่รับ แต่ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มกลับล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงพลางกระแทกกระทั้นไม่หยุด

เมื่อเห็นเบอร์นั้น เขาก็มองเธออย่างร้ายกาจแวบหนึ่ง แล้วกดเลื่อนรับสายพร้อมกับเปิดลำโพงไปด้วย

เสียงของแวนซ์ดังออกมาจากลำโพง "แคมป์ เพิ่งจะนั่งได้แป๊บเดียว นายหายไปไหนอีกแล้ว? หรือว่าโดนแม่จิ้งจอกน้อยตัวไหนเกี่ยววิญญาณไปแล้ว?"

พอได้ยินเสียงของแวนซ์ ดารินก็ตกใจจนต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองแน่น ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา

กลัวว่าแวนซ์จะได้ยิน

แคมป์มองออก เขาจงใจกระแทกแรงๆ สองสามครั้ง จนดารินเกือบจะหลุดเสียงร้องออกมา

เธอจ้องเขาอย่างแค้นเคือง ชายคนนี้จงใจชัดๆ

เห็นเธอขายหน้าแล้วเขามีความสุขมากหรือไง?

นิสัยแย่อะไรอย่างนี้!

แคมป์ทำเหมือนไม่เห็นสายตาของเธอ เพียงแต่ถามปลายสายอย่างมีความหมายแฝงว่า "แม่จิ้งจอกน้อยที่นายพูดถึงน่ะ คือใคร?"

ปลายสาย เสียงของแวนซ์หยุดไปชั่วครู่ ต่อจากนั้นก็เหมือนจะโกรธกลบเกลื่อนความอาย

"จะเป็นใครก็ช่าง ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว"

"ไม่เกี่ยวกับนาย แล้วจะรีบโทรมาทำไม?"

"กูชวนมึงมาเที่ยว มึงหายตัวไปกลางคัน กูก็ต้องโทรมาถามหน่อยสิ ช่างมันเถอะๆ ถือว่ากูเสือกเองก็แล้วกัน มึงอยากจะทำอะไรก็ทำไป!"

แวนซ์สบถด่าแล้ววางสายไป

แต่คนที่รู้จักเขาดีจะรู้ว่า ยิ่งเขาโมโหมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงว่าเขากำลังร้อนตัวมากเท่านั้น

ดารินหลุดหัวเราะพรืดออกมา "คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าพวกคุณสองคนเป็นคู่รักกันซะอีก"

ก็เมื่อกี้ น้ำเสียงของแวนซ์น่ะ ฟังดูเหมือนคนหึงไม่มีผิด

แคมป์เก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋า แล้วมองเธอ

"ตอนนี้กล้าพูดแล้วเหรอ? เมื่อกี้ใครกันที่ทำตัวเหมือนนกกระทา ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว? กลัวเขารู้ว่าเธอกำลังมั่วสุมอยู่กับผู้ชายคนอื่นรึไง?"

กลัวเหรอ?

คนเราจะกลัวก็ต่อเมื่อยังมีความผูกพันหรือใส่ใจ แต่เธอไม่มีความรู้สึกสองอย่างนั้นกับแวนซ์อีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็นไปได้

เธอมองแคมป์ "แค่รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ คุณก็รู้ว่า เวลาเขาคลั่งขึ้นมา... มันน่ารำคาญมาก!"

ตอนแรกที่แวนซ์ซื้อจออิเล็กทรอนิกส์ทั่วเมืองเพื่อสารภาพรักกับเธอ เธอปฏิเสธไปโดยให้เหตุผลว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว

ผลก็คือ ตลอดสามเดือนต่อมา แวนซ์จัดการผู้ชายทุกคนที่ปรากฏตัวอยู่รอบข้างเธอจนหมดสิ้น

ทำให้เป็นเวลานานมากที่ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้าใกล้เธอในระยะร้อยเมตรเลย

ต่อมาเธอก็ยังปฏิเสธอีก คราวนี้แม้แต่เพื่อนผู้หญิงรอบตัวเธอก็ถูกเขาจัดการไปด้วย!

สุดท้ายก็ช่วยไม่ได้ ดารินจึงทำได้แค่ตอบตกลง

ถ้าไม่ตอบตกลงอีก เธอกลัวว่าตระกูลสมิทธิ์และตระกูลสุวรรณรัตน์จะต้องเดือดร้อนไปด้วย

แคมป์คิดตาม แล้วก็พบว่าน่ารำคาญจริงๆ!

แก่นกายของชายหนุ่มยังคงอยู่ในร่างกายของเธอ แต่ทั้งสองคนกลับกำลังพูดคุยเรื่องผู้ชายคนอื่นกันอยู่ที่นี่

และผู้ชายคนอื่นที่ว่านั่น ก็ยังเป็นแฟนเก่าของเธออีกด้วย

ดารินรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าอึดอัดอยู่บ้าง

เธอจึงขยับตัวเล็กน้อย "จะทำต่อไหม? ถ้าไม่ทำต่อก็ปล่อยฉันลงสิ"

พอเธอขยับ แคมป์ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

มือที่บีบเอวเธออยู่ ออกแรงขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ "ตามที่คุณปรารถนา!"

ดารินรู้สึกว่าสะโพกของเธอแทบจะเสียดสีจนเกิดประกายไฟแล้ว หนังต้องถลอกไปชิ้นใหญ่แน่ๆ มันแสบร้อนไปหมด

ในที่สุดเธอก็ต้องร้องขอความเมตตา แคมป์ถึงได้ยอมปล่อยเธอไปอย่างไม่เต็มใจนัก

หลังจากจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ง่ายๆ แคมป์ก็เสนอว่าจะไปส่งเธอกลับบ้าน

พอสวมกางเกงเรียบร้อย ชายหนุ่มก็กลับกลายเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์และเย็นชาแห่งตระกูลโฮรินคนเดิม

ดารินถึงกับรู้สึกเหม่อลอย ผู้ชายที่เมื่อครู่เกือบจะทำให้เธอพังไปแล้ว คือคนตรงหน้านี้จริงๆ เหรอ?

แคมป์ไปส่งดารินกลับที่ตระกูลสมิทธิ์ เพื่อที่จะควบคุมเธอ สุภัคไม่อนุญาตให้เธอย้ายออกไปอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด

ตอนที่ลงจากรถของแคมป์ ดารินอ้าปากขยับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดประโยคที่หวังให้เขาเข้าไปเป็นเพื่อนเธอออกไป

เขาช่วยเธอไว้ครั้งหนึ่ง และวันนี้ก็ช่วยไว้อีกครั้ง

เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกินสามครั้ง หากมากกว่านี้ ก็จะกลายเป็นว่าเธอไม่รู้จักกาละเทศะแล้ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป