บทที่ 1 Chapter 1 ไม่อยากไป

ทำไงดี!

จะทำยังไง เธอไม่อยากไปจากที่นี่ ไม่อยากไปจากบ้านไร่เขียวขจีแห่งนี้

กรุงเทพฯ เป็นยังไงก็ไม่รู้ อยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว ข่าวร้ายต่างๆ มากมายออกทีวีบ่อยๆ ปล้น ฉุด ฆ่า ข่มขืน วิ่งราว ลักขโมย ไหนจะรถติดเป็นแพ เธอจะมีเพื่อนไหม จะกินจะอยู่ยังไง ชีวิตในบ้านไร่ตอนนี้ก็สุขสบายดีแล้ว ช่วยทำงาน ทำไร่ ดูแลฟาร์ม เธอทำได้หมด ทำไมเขาต้องอยากให้เธอไปด้วย

“ไปเหอะพุด พี่ยังอยากไป อยากเห็นกรุงเทพฯ อยากเห็นรถไฟฟ้า เวลาขึ้นไปนั่งมันจะเหมือนรถไฟธรรมดาหรือเปล่า โอ๊ย! พูดแล้วพี่ก็ยิ่งอยาก อิจฉาเอ็งจริงๆ จะปฏิเสธทำไมวะ”

พี่น้อมพูดอย่างลิงโลดแกมอิจฉา พี่น้อมหรือประนอมวัยยี่สิบสามปี ออกอาการเสียดายแกมคะยั้นคะยอให้เธอไป เมืองใหญ่เมืองฟ้าอมรที่คนบ้านไร่บ้านนาแถวบ้านพากันส่งลูกส่งหลานไปเรียนบ้าง ไปทำงานบ้าง

พูดถึงกรุงเทพฯ ใครๆ ก็อยากไปเห็น เมืองที่มีตึกสูงใหญ่ มีรถไฟวิ่งบนฟ้า แถมยังมีรถไฟใต้ดินอีก คนไปเรียนก็กลับมาเมาท์โม้ให้คนไม่ได้ไปฟัง คนไปทำงานก็หอบเงินกลับมาเวลาเทศกาล พร้อมๆ กับการฉลอง กินเหล้ากินเบียร์ปาร์ตี้กันจนเงินแทบไม่เหลือค่ารถกลับ

“พุดไม่อยากไปนี่พี่ อยากทำงานช่วยที่นี่มากกว่า”

“โอ๊ย นังพุด แกนี่คิดอะไรตื้นๆ อยากหน้าดำทำไร่ ไม่กี่ปีก็มีผัวเป็นไอ้พวกถึกพวกนั้นรึไงฮะ คิดไกลๆ คิดยาวๆ อีน้อง ถ้าแกเรียนจบกลับมาก็ช่วยงานคุณเขาได้มากกว่ามานั่งกวาดขี้วัวขี้ควายนะเอ็ง”

“แหม พี่น้อมก็พูดซะ ทั้งไร่ทั้งฟาร์มออกใหญ่ พุดจบ ม.6 แล้วคงช่วยอะไรได้มากกว่านั้นหรอกน่ะ ไปอยู่โน่นพุดจะอยู่ยังไงคนเดียว”

“คนเดียวที่ไหน คนเต็มมหาลัย สอบติดแล้วก็ไปเรียนสิ บางทีเอ็งอาจจะเจอโอกาสดีๆ ได้ทำงานดีๆ นั่งในห้องแอร์เย็นๆ นะโว้ยนังพุด”

ประนอมทำเสียงเหนื่อยหน่ายที่สาวรุ่นน้องดื้อดึงนัก เป็นเธอหน่อยไม่ได้ เสียดายที่ตอนอายุเท่านี้ เธอไม่ชอบเรียน ก็เพราะคิดว่า มีงานทำ มีที่อยู่ ไม่อดตายแบบที่พุดแก้วกำลังคิดนี่แหละ

ความสนิทสนมเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เกิด ทำให้พุดแก้วเลือกเล่าความอึดอัดใจกับประนอมมากกว่าใคร หลายปีนับจากไม่มีพ่อแม่ ประนอมก็คอยดูแลเธอเหมือนพี่สาว ยังมีพ่อแม่ของประนอม ยายปลิวกับตาสมบัติ ที่เอ็นดูและคอยดูแลเธอมาตลอด

“พุดเกรงใจคุณเข้มนี่พี่”

พูดแล้ว หน้าสวยหวานก็หมองลง คุณเข้มต้องจ่ายเงินไปไม่น้อยที่ผ่านมา ในการส่งเสียอุปการะเธอ ทั้งที่เธอไม่ใช่ลูกหลาน ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องของเขาด้วยซ้ำ

“โอ๊ย คิดมากอีกแล้ว แค่เงินไม่เท่าไหร่ คุณเข้มขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกนังพุด แกอย่าเว่อร์ ไปๆ อย่ามาพูดเรื่องไม่ไปกับพี่ ถ้าแกไม่อยากไป คนเดียวที่ตัดสินใจได้คือคุณเข้มเท่านั้น แต่พี่กับแม่แล้วก็คนอื่นๆ อยากให้แกไปเรียนนะ แกจะได้มีโอกาส มีชีวิตที่ดีกว่าเป็นเด็กในไร่แบบนี้”

คำพูดของประนอมยังดังก้องรูหู แม้ว่าคุยกันมากว่าครึ่งวันแล้ว พุดแก้วคิดไม่ตก นอนดิ้นไปดิ้นมา พลิกหน้าพลิกหลัง ถ้าตัดสินใจไป เดือนหน้าเธอก็ต้องจากบ้านไร่ จากฟาร์มแห่งนี้ และที่สำคัญจากเขา...

สาวน้อยหน้าร้อน ใจกระหวัดถึงผู้ปกครองคนเดียวของเธอ เขา... เจ้าของไร่และฟาร์มพฤกษ์พนาแห่งนี้

คุณเข้ม หรือโรมรัน พฤกษ์พนา เจ้าของร่างบึกบึนหนา สูงใหญ่ ตาดุคม เขามองมาทีไร ใจน้อยๆ ของพุดแก้วแทบจะเหวอะหวะเพราะตาคมนั้นกรีดหัวใจเธอให้ไหวสั่น

ใช่แล้ว พุดแก้วแอบมองเขา แอบหวั่นไหว แอบมีใจ

คุณเข้มเป็นผู้ชายที่ดูเถื่อน ดุดัน หยาบกระด้าง หากความหล่อเข้มแบบนั้นก็ดึงดูดสาวน้อยสาวใหญ่ สาวจริง สาวสอง ไปถึงเกย์ให้หลงใหลใฝ่ปอง ถ้าเธอไม่อยู่ เกิดวันหนึ่งมีใครทำให้เขาสนใจได้ เธอจะทำยังไง

สาวน้อยคิดกระวนกระวาย เธอยอมรับกับใจตัวอย่างไม่อายว่าแอบชอบผู้ชายถึกทนหยาบกระด้างคนนั้นนับแต่ยังเป็นเด็กน้อย เธอเกิด เติบโตในไร่แห่งนี้ เคยเจอเคยเห็นโรมรันไม่บ่อยนัก เพราะเขาไปเรียนต่อที่จังหวัดอื่น กลับมาบ้านนับครั้งได้ กระนั้นเธอก็ชอบแอบมอง กระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝัน ขณะที่เธอกำลังจะจบ ป.5 พ่อแม่เธอและพ่อแม่ของโรมรัน มาจากไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุ

ก่อนนั้นไร่พฤกษ์พนายังไม่กว้างใหญ่ เจริญงอกงามเหมือนทุกวันนี้ ผลผลิตจากไร่คือการปลูกอ้อย ปลูกข้าวโพดและผักอีกสองสามชนิด คนงานมีไม่มาก คุณวสันต์กับคุณรำพาจึงต้องมาช่วยลูกน้องหยิบจับงานที่พอทำได้

วันนั้นมีฝนตกไปก่อนที่คุณวสันต์กับคุณรำพาและพ่อแม่ของเธอจะพากันขับรถหกล้อบรรทุกอ้อยไปส่งโรงงาน ซึ่งพวกท่านทำแบบนั้นบ่อยๆ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน รถที่ขับตามกันไป ลื่นถนนพลิกคว่ำ พรากชีวิตคนทั้งสี่ไปทันที

อุบัติเหตุนั้นเอง ดึงโรมรันกลับมาไร่พฤกษ์พนา เขาเรียนจบแล้วหลายปี แต่ขอทำงานตามความชอบ นั่นคือการตระเวนวาดรูปถ่ายภาพแบบที่เขารัก แต่เมื่อกิจการของครอบครัวไม่มีคนดูแล เขาจึงกลับมารับหน้าที่นี้

นั่นเป็นสาเหตุที่เธอกลายมาเป็นเด็กในปกครอง หลังจากที่เขาพบว่า สิ้นพ่อแม่แล้ว เธอตัวคนเดียว ไม่มีใคร จึงอุปการะเธอไว้ ส่งเสียให้เรียนหนังสือ ให้พักในบ้านของเขา โดยมีประนอมกับยายปลิวคอยดูแลเธออีกที ขณะที่เขาหันมาศึกษาการทำเกษตรแบบจริงจัง และพลิกฟื้นผืนดินมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้

นับจากวันนั้น พุดแก้วได้เห็นได้เจอโรมรันบ่อยขึ้น เพราะต้องอยู่ร่วมบ้าน เธอไม่สนิทกับเขา ไม่กล้าเข้าไปตีสนิท ได้แค่แอบมอง แอบมีโรมรันในหัวใจ ตามประสาเด็กน้อยที่เห็นเขาเป็นฮีโร่ในเวลานั้น เขาเองก็ไม่มาสุงสิงสนิทสนมกับเธอมากไปกว่าการถามไถ่ ถึงการเรียน หรือเธอขาดเหลืออะไรให้บอกน้อมกับยายปลิว เขาจะช่วยดูแลจัดหาให้ แค่นั้น ...

บทถัดไป