บทที่ 3 Chapter 3 อย่างอแง
“ก็พุดยังเด็ก คุณเข้มไม่เข้าใจพุดหรอก พุดไม่อยากไปนี่”
สาวน้อยร้องเถียง หน้าตาของเขาบอกว่ายังไงก็คงไม่ยอม และคำที่เขาว่า มันสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจจนน้ำตาร่วง พุดแก้วหมุนตัวจะวิ่งออกจากห้อง ไม่อยากคุยกับเขาอีกแล้ว คุณเข้มใจร้าย
โรมรันไวกว่า ปราดมาคว้าแขนเล็ก กระชากร่างบอบบางให้หันไปหา แต่แรงนั้นทำให้พุดแก้วถลาไปชนอกกว้างอย่างจัง
ด้วยความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ความสูงของพุดแก้วเลยอกเขาไปหน่อยเดียวเท่านั้น
“อูย... คุณเข้มอะ”
สาวน้อยตัวงอ เงยหน้าเปียกน้ำตาค้อนที่เขาทำรุนแรงกับเธอ
โรมรันไม่ขอโทษ จับไหล่เล็กๆ ยึดไว้ทั้งสองข้าง กรุ่นกลิ่นหอมจากกายสาวน้อยกระแทกจมูกเข้าอย่างจัง กลิ่นแป้งเด็กที่ผสมมากับกลิ่นเนื้อสาวของพุดแก้ว ทำใจแกร่งกระตุก หน้าคมดุมากขึ้น ระงับความรู้สึกที่แล่นริ้ว
“กลับไปคิดดูดีๆ ตอนนี้เธอยังเด็ก ไปเรียนน่ะดีแล้วพุด วันหนึ่งเธอจะขอบคุณฉัน”
“ยังไงคุณเข้มก็จะไล่พุดไปให้ได้ใช่มั้ยคะ” ถามเสียงเครือ “ไม่กลัวขายควายส่งควายเรียนแล้วจะได้ควายโง่ๆ ตัวเดิมกลับมารึไง”
“ไม่ได้ไล่” เสียงดุอ่อนลงแต่ยังขรึม โรมรันชักอยากตบกะโหลกตัวเอง หลังๆ มานี้เขามักใจกระตุกกับเด็กสาวบ่อยๆ มันไม่ควรเลย หน้าเปียกน้ำตาก็ชวนให้ใจอ่อนซะจริง
“เอาเถอะ ฉันมันพูดเพราะไม่เป็น แค่อยากให้เธอไปเรียน เรียนจบแล้วถ้าอยากกลับมาช่วยทำงาน ที่นี่ต้อนรับเธอเสมอนั่นแหละ”
“แต่พุด...”
“อย่างอแงน่า” ชายหนุ่มปัดนิ้วเช็ดน้ำตาบนแก้มใสเบาๆ ทีละข้าง
การกระทำของเขา เขย่าหัวใจเด็กสาวเพิ่มขึ้น ใช่... เธออาจไม่กล้าทำตัวไปตีสนิทกับเจ้านาย กับผู้ปกครองอย่างโรมรัน หากก็มีหลายครั้งที่ทำให้เธอได้อยู่ตามลำพังกับเขา หลายต่อหลายคืนช่วงแรกๆ ที่พ่อแม่เสีย พุดแก้วสะดุ้งตื่นมาพร้อมกับการร้องไห้ และจะเห็นโรมรันนั่งอยู่ใกล้ๆ เธอโผเข้าไปกอดเขา ร้องไห้กับอกเขา จนกว่าจะหลับไปอีกครั้ง แม้ตื่นเช้ามาจะไม่มีร่างสูงใหญ่นั่งข้างเตียงแล้ว เธอก็อุ่นใจ
หลายเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเสียใจ คิดมาก โรมรันจะอยู่ใกล้ๆ แม้แต่เรื่องทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียน หรือถูกอาจารย์ดุมา เขาจะเรียกเธอไปทำนั่นนี่อยู่ใกล้ เก็บกวาดห้อง เก็บหนังสือ เก็บเอกสาร เช็ดโต๊ะ เหมือนเขารู้เรื่องด้วย ไม่นานพุดแก้วก็เพลินจนลืมเรื่องไม่สบายใจ การได้อยู่ใกล้โรมรันมันทำให้เธอไม่อยากคิดเรื่องอื่น แม้ไม่ได้คุยกัน ได้อยู่ใกล้ๆ บ้าง หัวใจน้อยๆ ก็ชุ่มฉ่ำจากอาการแตกระแหงราวดินแล้งได้น้ำ
“เตรียมตัวไปเรียน ทำหน้าที่ของเธอให้ดี แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว”
เขาพอใจ แต่เธอไม่พอนี่
พุดแก้วเถียงในใจ ถ้าจะไล่กัน ทำไมต้องเช็ดน้ำตาให้เธอแบบนี้ด้วย มันใจสั่น มันพานจะคิดเข้าข้างตัวเอง เขาไม่รู้บ้างหรือไงนะ ตาแก่ถึกนี่ ไหนใครว่าผู้ชายร้ายๆ มักมองผู้หญิงทะลุปรุโปร่ง โรมรันมองไม่เห็น หรือเขาแกล้งมองผ่านเลย
“ไปนอนได้แล้วไป ฉันเหนียวตัว อยากอาบน้ำจะแย่แล้ว”
เขาไล่ ปล่อยมือจากไหล่เด็กสาว เดินหนีเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้สาวน้อยมองตามด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก
พุดแก้วก็ต้องกลับไปที่ห้องนอน เมื่อเสียงน้ำดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ ถ้าเขาไม่อยากคุยใครจะไปบังคับได้
เสียงปิดประตูไม่เบานัก ทำให้โรมรันต้องพ่นลมหายใจแรงๆ กายแกร่งโชกไปด้วยน้ำ ทว่าบางส่วนบางพื้นที่มันกลับยิ่งแข็งแกร่งเพราะแรงกระตุ้นของเด็กสาว
“ไอ้บ้าเอ๊ย เป็นห่าอะไรวะ”
มือใหญ่ช้อนจับสัดส่วน กระแทกลมหายใจออกรุนแรง ใจกระหวัดไปถึงเด็กสาว พุดแก้ว...
เธอเป็นเด็กในปกครองที่เขาต้องปกป้องดูแล ไม่ใช่อยากรังแกซะเองแบบนี้ รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น นายโรมรัน พฤกษ์พนา เคลมเด็กในอุปการะของตัวเอง บัดซบสิ้นดีละ
ชายหนุ่มคิดฉุนเฉียว ปิดน้ำอุ่น อาบน้ำเย็นๆ เผื่อความเย็นเฉียบของน้ำจะช่วยลดทอนความรุ่มร้อนที่โลมเลียไปทั่วร่างกายอย่างรู้สาเหตุ
เจ็ดปีมาแล้ว... เจ็ดปี ที่เขากลายไปเป็นผู้ปกครองของพุดแก้ว
เจ็ดปีที่เขาเฝ้ามองการเจริญเติบโตของเธอ
เด็กบ้านั่นก็โตไวเสียด้วย เติบโตสมบูรณ์เกินวัย เมื่อได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ข้าวของเครื่องใช้ แม้จะเป็นเด็กจากไร่พฤกษ์พนา ทว่า เนื้อตัวผิวพรรณของพุดแก้วก็ผ่องแผ้วกว่าเด็กวัยเดียวกัน มันทำให้เขางุ่นง่านราวจะบ้า
โรมรันพลันตกอยู่ในภวังค์ความคิดย้อนไปเมื่อกว่าเจ็ดปีก่อน
ข่าวการเสียชีวิตกะทันหันของบิดามารดาทำเขาเข่าอ่อน รีบกลับมาจากเมืองเหนือทันที พอมาถึงนอกจากบิดามารดาที่รักยิ่งจะจากไปแล้วโดยที่เขาไม่ทันได้ดูใจด้วยซ้ำ ยังพบว่า ชายหญิงซึ่งเป็นคนงานของพ่อแม่ก็เสียชีวิตทิ้งเด็กผู้หญิงตัวกะเปี๊ยกไว้ นายบุญจันทร์กับนางดาวเรืองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเสียด้วย เพราะพากันอพยพย้ายมาจากต่างถิ่นแถบชายแดน ทำให้เด็กพุดแก้วนอกจากจะกำพร้าแล้วยังไร้ญาติขาดมิตร
“ผมว่าจะขอรับนังพุดมันไว้ดูแลเองคุณเข้มจะว่าไงครับ” ลุงสมบัติสามีของป้าปลิวบอกกับเขาหลังงานศพเสร็จสิ้นไปหลายวัน
“สงสารมัน พ่อแม่ไม่มีแล้ว ญาติก็ไม่มีอีก”
โรมรันปรายตามองเด็กหญิงพุดแก้วที่นั่งเศร้าสร้อย เช็ดน้ำตาป้อยๆ อยู่ใต้ร่มมะขามต้นใหญ่หน้าบ้านของเขา
“จะอยู่กันยังไงล่ะลุง บ้านลุงก็ไม่ใช่จะใหญ่โต เอางี้ เดี๋ยวผมจะรับอุปการะเด็กพุดเอง ให้มานอนที่บ้านผมนี่แหละ แล้วก็ให้ป้าปลิวกับน้อมช่วยดูอีกทีก็แล้วกัน”
เธอเหมือนเขา ไร้ญาติขาดมิตร แต่เขาดีกว่าที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โรมรันจึงไม่อาจปล่อยเด็กน้อยตามยถากรรมได้
เลี้ยงเด็กเพิ่มแค่คนจะเสียเงินทองอะไรมากมาย ตอนนั้นเขาคิดแบบนั้น
