บทที่ 7 ไม่เต็มใจ (1)
แทนไทเดินออกมาจากห้องประชุมในช่วงตอนเที่ยง เขาใช้เวลาประชุม
เพื่อออกความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าตัวใหม่อยู่เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ก่อนจะ
กลับเข้ามาภายในห้องทำงาน ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดู หมายเลขเกือบสิบสายเป็นของคนคนเดียวนั้นคือ...
แม่ของเขา
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก เขาหันไปมองทั้งที่โทรศัพท์ยังคงถืออยู่ในมือ
“คุณแม่มาทำอะไรครับ” แทนไทถามพลางมองสีหน้าของมารดาที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
“มาชวนไปกินข้าวกับแม่ เพราะแม่มีเรื่องต้องคุยกับเรา” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงเข้มเหมือนเชิงสั่ง
“ผมไม่ว่างครับ ชวนเจ้าเตไปแทนผมละกันครับ” เขาตอบปฏิเสธ
“แม่มีเรื่องต้องคุยกับเรา” นิตยลัภย์เน้นย้ำอีกครั้ง
“เรื่องอะไรครับ งั้นคุณแม่บอกผมตรงนี้เลยก็ได้” แทนไทว่า
นิตยลัภย์ถอนหายใจมองใบหน้าคมเข้มของลูกชายด้วยความไม่พอใจ ก่อนเดินมานั่งลงที่โซฟา ชายหนุ่มจึงเดินมานั่งลงที่โซฟา พลางมองใบหน้าของมารดาเหมือนจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร
“เรื่องที่จะจับผมแต่งงานเพื่อลบข่าวสินะครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นทันที
“เจ้าเตคงมาบอกแล้วสินะ”
“ใช่ครับ” แทนไทรับคำสั้น ๆ ถึงยังไงข่าวที่ออกไปก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะแต่งงานกับเขาอยู่ดี
“ก็ดี แม่จะมาบอกว่าแม่เตรียมงานแต่งเอาไว้แล้วนะ”
เมื่อได้ยินแทนไทถึงกับมองด้วยความตกใจ
“คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ ?!”
“ก็แต่งงานไงล่ะ” นิตยลัภย์ตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าแทนไทถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง
“ถ้าผมไม่แต่งละครับ” เขาถามขึ้น
“ฮึ ! คิดเหรอว่าแม่จะยอมให้แทนปฏิเสธ อีกอย่างพ่อรู้ข่าวแล้ว วันนี้ตอนเย็นก็คงกลับมาถึง”
แทนไทข่มสีหน้าทุกอย่างเอาไว้
“ผมไม่แต่ง อีกอย่างฝ่ายนั้นเป็นใครผมก็ไม่รู้”
คำพูดของลูกชายทำให้นิตยลัภย์ถึงกับนิ่งเงียบ
“ไม่รู้แต่รู้ว่าฝ่ายหญิงเขาตกลงเรียบร้อยแล้ว”
แทนไทนั่งนิ่งไม่พูด สายตากลอกไปกลอกมาด้วยความว้าวุ่นใจ
นี่เขาจะต้องแต่งงานจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ
“ผมไม่ได้รัก...”
“อย่าตอบว่าไม่ได้มีใจให้ผู้หญิงคนไหน ไม่งั้นแม่อกแตกตายพอดี” นิตยลัภย์พูดดักขึ้นอย่างรู้ทัน แล้วพูดต่อไปในทันที “เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ เรื่องอื่นแม่ไม่อยากฟัง”
ชายหนุ่มนั่งนิ่งมองมารดาลุกขึ้นจากโซฟา
“จะไปกินข้าวกับแม่ไหม ?”
“ไม่ครับ” แทนไทตอบ ขณะมองมารดาสายตาที่เคร่งเครียด ในเวลาแบบนี้ใครจะมีอารมณ์ไปทานข้าวได้อีก
อิ่มเลย จุกที่ลำคอไปหมด
“งั้นแม่ไปก่อนล่ะ จะไปหาฤกษ์แต่งให้ด้วย” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงสบายใจ แต่งงานไม่ใช่ทางแก้ปัญหาทั้งหมดแต่อย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่าได้ลูกสะใภ้เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย !
สายตาคมมองมารดาเดินออกไปจากห้อง พลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก คิดไม่ตกว่าควรจะแก้ปัญหาที่จุดไหนก่อนดี แต่สิ่งที่เขานึกคือ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ? แล้วทำไมถึงตอบตกลงแต่งงานกับเขา !
.
.
.
ณัฐกฤตาออกมาพบวรรณรดาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากที่เมื่อตอนเที่ยงอีกฝ่ายได้โทร. มานัดเพราะต้องการคุยเรื่องการแต่งงานของเธอกับแทนไทให้กระจ่างรู้เรื่อง
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าพร้อมกวาดสายตามองหาร้านอาหารที่เพื่อนของเธอนัดพบก่อนจะเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“มาแล้วเหรอ นึกว่ากำลังเพ้อฝันถึงคุณแทนไทจนลืมเพื่อนซะแล้ว” วรรณรดาแซวพลางมองใบหน้าของณัฐกฤตาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“บ้า ใครจะเพ้อถึงขนาดนั้น” หญิงสาวร้องด้วยน้ำเสียงเขินอาย
“จะแต่งจริง ๆ เหรอ” สายตาของวรรณรดามองมาเหมือนกับบอกว่า...คิดให้ดีอีกครั้งเถอะ !
“ก็บอกแล้วไงว่าคุณแทนเขาไม่ใช่เกย์” หญิงสาวแก้ตัวแทนชายหนุ่ม
แม้จะเคยคุยกับเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็รับรู้ว่าเขาต้องไม่ใช่ในแบบที่ทุกคนคิดอย่างแน่นอน
“มีออกรับแทนด้วย เป็นหนักนะเนี่ย” วรรณรดาพูดด้วยความหมั่นไส้
“เปล๊า” คนตอบทำเสียงสูงยิ้มแก้มบาน
“ช่างเถอะ แกแต่งฉันไม่ได้แต่ง แล้วกำหนดวันแต่งหรือยังว่าวันไหน”
“ยังหรอก เห็นว่าจะดูฤกษ์แต่งงานกันอยู่น่ะ” หญิงสาวยิ้มเขิน ๆ
“ก็ดี ยังมีเวลาตัดสินใจ” วรรณรดาเอ่ยขึ้นเหมือนว่าโล่งอกไปด้วย
“อะไรกัน ทำไมเหมือนว่าไม่อยากให้ฉันสมหวังกับเขาเลยล่ะ แกน่าจะดีใจนะ” ณัฐกฤตามองเพื่อนสาวเหมือนน้อยใจ
“ดีใจมาก ๆ ที่เพื่อนรักกำลังจะแต่งงานแล้วมีสามีเป็นเกย์” วรรณรดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชด เพราะไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผู้ชายดี ๆ มีมากดันไม่ชอบ ทำไมต้องเป็นคนนี้ด้วย
ณัฐกฤตาได้แต่มองหน้าเพื่อนสาวอย่างทำใจ ใช่ว่าเธอจะเชื่อปักใจหมดว่าเขาไม่ใช่เกย์ ยังมีหลงคิดอยู่บ้างว่าบางทีอาจจะเป็นจริง ๆ ก็ได้ แล้วถ้าเขาเป็น ขึ้นมาล่ะเธอจะทำอย่างไร หัวใจของเธอต้องแตกสลายลง ไม่อยากจะให้เป็นอย่างนั้นเลย
ไม่ได้ ! เขาจะต้องไม่เป็นเกย์






































































