บทที่ 2 บทที่ 1 การแต่งงาน (50%)

บทที่ 1 การแต่งงาน

ความรักของใครหลายคนอาจเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความสุข โลกของทุกคนคงสวยงาม น่าอยู่ ทว่าโลกแห่งความรักของณภัทรกลับสวนทางกับคนอื่น เมื่อหัวใจบอบช้ำแตกละเอียดเพราะน้ำมือของคนที่ตัวเองรักหมดหัวใจ

คำขอร้องของเภตราเหมือนคมมีดบาดลึกลงไปในหัวใจบอบช้ำให้ปวดแสบจนเป็นแผลฉกรรจ์มากกว่าเดิม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกเช่นไร ดีใจ ตื่นเต้นหรือร้องไห้ออกมาดี ใบหน้าอ่อนหวานเจื่อนสีลงพลางทอดสายตาวอนขอมาเหมือนมีดอีกเล่มที่แทงทะลุหัวใจของเขาอีกครั้ง

ในสายตาของเธอเขาเป็นตัวอะไรกันแน่…

“การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเม เธอจะเดินเข้ามาในคอนโดเราแล้วขอร้องให้ไปเป็นเจ้าบ่าวแทนแฟนเธอ มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มถามเสียงกร้าวเมื่อเสียใจกับคำขอของเพื่อนสนิท จนรู้สึกว่าเหมือนตัวเองเป็นแค่ ‘ถังขยะ’ ที่เธอมักมาระบายความรู้สึกแล้วจากไปเหมือนสิ่งไร้ค่าที่เธอแค่หยิบฉวยเมื่อนึกถึง

“เราขอให้ท็อปช่วย เราไม่ได้บังคับ ถ้าท็อปไม่ทำเราก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้นายรำคาญ”

“แล้วตินล่ะ ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนเม ทำไมเมไม่ไปขอให้เขามาแต่งงานด้วย”

เภตราช้อนสายตาขึ้นมองเพื่อนสนิทแล้วถอนหายใจ

“ตินยังไม่อยากแต่งงาน เขาไม่พร้อม”

ณภัทรแค่นหัวเราะอย่างขมขื่น เขาก็แค่ถังขยะสำหรับเธอ…

“แล้วเราล่ะเม ทำไมถึงคิดว่าเราพร้อม อะไรทำให้มั่นใจว่าเราจะทำ” ชายหนุ่มพรั่งพรูความรู้สึกออกมาด้วยความเสียใจที่เธอไม่เคยเหลียวมองเขาอย่างผู้ชายคนอื่นกลับเอาแต่ผลักไสให้เขายืนอยู่ไกล ๆ ในที่ของตัวเองมาตลอด 15 ปี ทิ้งระยะห่างแต่ก็ให้ความหวังเรื่อยมา

“โว้ย ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ เราบังคับท็อปเหรอ เราสั่งเหรอก็ไม่ ถ้าท็อปลำบากใจมากมายขนาดนั้น เราจะเลิกตอแย ขอโทษที่ทำให้นายรำคาญ!” เภตราตวาดเสียงดังก่อนเดินปึงปังไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนโซฟา หญิงสาวตวัดสายตาแข็งกร้าวมองเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกับตัวเองมาตลอดแล้วเสียงแข็ง

“ถ้าเราไม่ลำบาก เราไม่บากหน้ามาที่นี่หรอก!”

“หึ” ร่างสูงแค่นหัวเราะเยาะตัวเอง มือหนากำแน่นอย่างสะกดอารมณ์ เมื่อร่างเล็กของเภตราเดินตรงไปประตูห้องแล้วเอ่ยคำพูดเสียดหัวใจของตน ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าเขาเสียงดังลั่น

เจ็บ ชายหนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองแน่น

เสียใจ กับความรัก และความหวังดีที่เขาทุ่มเทให้เธอมาตลอดหลายปี

“ถ้าสงสารเราสักนิด เมจะไม่ทำร้ายเราด้วยคำขอร้องบ้า ๆ นั่น”

ความรักของใครหลาย ๆ คนมักสวยงามในโลกของตัวเองเสมอ ณภัทรเฝ้าบอกตัวเองเช่นนั้น การรักใครสักคนขอเพียงได้รักก็มีความสุขมากพอแล้ว ทว่าความจริงโลกไม่ได้สวยงามเช่นนั้น เมื่อทุกห้วงความรู้สึกมันสั่งให้เขา ‘แย่ง’ เธอมาให้ได้

ชายหนุ่มทรุดตัวลงที่พื้นยกกำปั้นทุบแรง ๆ เพื่อระบายอารมณ์ สำหรับเภตราแล้ว ‘ติณณ์’ แฟนหนุ่มของเธอคือทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งขว้างเธอเหมือนของตายมาตลอด 9 ปี และทุกครั้งที่หญิงสาวถูกทอดทิ้งเธอจะวิ่งกลับมาหาเขาเพื่อระบายเรื่องราวเหล่านั้นให้เขาช่วยรับฟังแล้วเดินจากไป ทุกอย่างหมุนวนเวียนอยู่แบบนี้มาตลอด 9 ปีที่เธอคบกับมัน

หลายครั้งที่ณภัทรบอกตัวเองให้เลิกรักผู้หญิงคนนี้ แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามภาพความทรงจำในครั้งแรกที่พบกันจะย้อนกลับมาทำให้หัวใจของชายหนุ่มอ่อนแออยู่ร่ำไป จะตัดใจกลับยิ่งทำให้รักมากกว่าเดิม…

เจ็บตัวไม่เท่าเจ็บใจ เจ็บปวดทุกครั้งที่เป็นได้แค่คนแอบรักไม่ใช่คนที่เธอรัก

น้ำตาหยดแรกไหลรินออกมาด้วยหัวใจที่บอบช้ำ ครั้งนี้ก็เช่นกันเภตราเห็นเขาเป็นเพียงถังขยะของเธอ หญิงสาวเดินเข้ามาขอร้องให้เขาแต่งงานเพื่อทำให้มารดาของเธอสบายใจ เขาควรจะดีใจที่ได้มีโอกาสที่ตัวเองเฝ้ารอมา 15 ปี ทว่าเงื่อนไขในการแต่งงานครั้งนี้มันเหมือนมีดที่หญิงสาวจ้วงแทงเข้ามาที่กลางหัวใจของเขาด้วยมือเล็ก ๆ นั่น

“สำหรับเมเราเป็นตัวอะไร ฮึก”

สำหรับเภตรา...เขาอาจเป็นแค่ ‘ถังขยะ’

แต่สำหรับเขา...เภตราคือหัวใจทั้งดวง

“เห้ย ไอ้ท็อปเมื่อกี้เห็นไอ้มะ เม” เสียงตะโกนถามขาดห้วงไปเมื่อเจ้าของเสียงหยุดชะงักอยู่หน้าประตู คนมาใหม่เบิกตากว้างเมื่อเห็นเจ้าของห้องนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น หลังจากเพิ่งเห็นแผ่นหลังบอบบางคุ้นตาเดินเฉียดไป

“เกิดอะไรขึ้นวะ”

“หึ เหมือนเดิม ผมก็แค่ถังขยะของเม”

‘รามิน’ ถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะช่วยพยุงน้องชายขึ้นยืนแล้วพาไปนั่งทำใจที่โซฟาอย่างเคย ทุกครั้งที่เภตรามาที่นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องไอ้ส้นตินก็ไม่พ้นเรื่องชีวิตอันลำบากยากแค้นของตัวเอง พอพูดในสิ่งที่ต้องการระบายจบผู้หญิงคนนั้นก็จากไปเหลือทิ้งไว้เพียงความบอบช้ำของหัวใจที่แอบรักของน้องชายผู้ชายแสนดีของเขา รามินรู้ดีว่าณภัทรแอบรักยัยผู้หญิงซื่อบื้อคนนั้นยิ่งกว่าสิ่งใด หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ที่สำคัญแอบรักมาได้ยังไงถึง 15 ปีเขายังคงสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้

“มึงมีอะไรอยากเล่าให้กูฟังไหมวะท็อป”

ณภัทรเงยหน้ามองพี่ชายนิ่ง ดวงตาคู่คมแดงก่ำเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา หัวใจของชายหนุ่มด้านชาต่อความเจ็บปวด แต่ยังคงเจ็บร้าวกับการเป็นแค่ถังขยะของผู้หญิงที่ตัวเองรัก ชายหนุ่มแอบรักผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ และรักมากถึงขนาดยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ดูดีและเหมาะสมกับเธอ ยอมทุกอย่างแม้กระทั่งการเป็นเพื่อนของผู้หญิงที่หัวใจอยากเป็นมากกว่าเพื่อนเพื่อให้ตัวเองได้ยืนอยู่ใกล้ ๆ ในระยะสายตาของเธอ แม้ต้องฝืนทนเก็บงำความในใจเอาไว้ และยินยอมรับตำแหน่ง ‘เพื่อนสนิท’ คิดไม่ซื่อของเธอมา 15 ปีก็ตามที

“เมมาขอร้องผม ขอให้ผมแต่งงานกับเธอ”

“หา!!?” รามินอ้าปากค้างกับคำบอกเล่าของน้องชาย

นี่ยัยนั่นคิดพิเรนทร์อะไรอยู่ถึงได้มาขอร้องให้ผู้ชายที่ตัวเองรู้ดีแก่ใจว่าแอบรักมาตลอดแต่งงานด้วย ใช่ เภตรารู้มาตลอดว่าน้องชายของเขาแอบรักเธอมานาน แต่ยัยเด็กบ้านั่นไม่ยอมทำอะไรแต่กลับทำตัวปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่ายังทิ้งระยะห่างเอาไว้บ้างแต่ก็แอบให้ความหวังบ้างเช่นกัน

“แล้วแกตอบไปว่ายังไงวะ”

“หึ คำตอบเหรอ หึ”

หรือว่า…รามินเดาความคิดของน้องออกทันที ถึงจะไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันออกมา แต่เขาเห็นน้องชายคนนี้มาตั้งแต่เกิด มีหรือจะเดาความคิดของอีกฝ่ายไม่ออก ณภัทรรักเภตราเกินกว่าจะปฏิเสธได้ แต่ว่าสีหน้าเหมือนคนกำลังจะตายบอกเขาได้อีกว่ายังไม่ได้ตกลง…

“ทำไมไม่ตกลงไปเลยวะดีซะอีก มึงจะได้มีเวลาทำคะแนนกับไอ้ตังเมเพิ่มขึ้น”

“พี่ก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้น ต่อให้มีเวลาอีกสักสิบปีหรือเมไม่มีผู้ชายคนนั้น เมก็ไม่มีวันรักผม ผมจำได้”

‘ผมจำได้’ ของณภัทรหมายถึงเรื่องเมื่อ 5 ปีก่อน

วันวาเลนไทน์ที่ชายหนุ่มต้องการใช้มันเพื่อสารภาพรักกับเธอหลังจากรับรู้ว่าเธอเลิกรากับแฟนหนุ่ม แต่หัวใจของณภัทรต้องแหลกลาญเมื่อหญิงสาวปฏิเสธคำสารภาพรักของเขาอย่างไร้เยื่อใยและโหดร้ายที่สุดเกินกว่าที่เขาจะทนรับไหว

“ท็อปฟังเรานะ ต่อให้โลกนี้ไม่มีติณณ์เราก็ไม่มีวันคบกับท็อป ไม่ใช่ว่า…เรารังเกียจนะแต่เพราะว่าท็อปเป็นเพื่อนเรา และเราไม่มีวันเอาเพื่อนมาทำแฟน!”

“แล้วไงวะ มึงไม่เคยได้ยินเหรอ น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับหัวใจของคน ลองได้เติมความรักหรือทุ่มเทให้ทุกวัน มีหรือที่มันจะไม่ใจอ่อน”

“ถ้าเมคิดจะรักผม เธอคงรักผมไปตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้วแล้วล่ะป๋า”

10 ปีที่แล้วคือตอนที่เภตราเลิกรากับแฟนคนแรกและหัวใจของเธอยังไม่มีใคร แต่ณภัทรก็ไม่ได้รับโอกาสจากเธอ

รามินถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เหนื่อยกับการต้องสรรหาคำมาปลอบใจน้องชาย ตั้งแต่น้องชายสารภาพรักกับเภตราเมื่อ 5 ปีก่อน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ย่ำแย่และยิ่งแย่ลงเมื่อเภตรากลับไปคบหากับติณณ์หลังจากนั้นสามวัน ทั้ง ๆ ที่สองคนนั้นทำท่าเหมือนจะเลิกรากันอยู่หลายครั้ง

“ไอ้ท็อป กูข้อแนะนำวิธีชั่ว ๆ กับมึงสักวิธีได้ไหมวะ”

ณภัทรเงยหน้ามองพี่ชายนิ่ง คิ้วเข้มขมวดกับคำแนะนำของคนมากประสบการณ์ที่โชกโชนกับเรื่องของ ‘ผู้หญิง’

“วิธีชั่ว ๆ เหรอ”

“เออ การเป็นพระรองนี่มันดีตรงที่ใคร ๆ ก็ชอบนะแต่มันไม่มีใครรักไง พูดง่าย ๆ คือไม่มีใครเอา รับประทานแห้วกระป๋องกันทั้งเรื่องเพราะฉะนั้นมึงควรเลิกเป็นพระรองแล้วผันตัวเองไปเป็นตัวร้ายแทน”

“ตัวร้าย?”

“เออ ไอ้เมมันต้องการให้มึงแต่งงานกับมัน มึงก็แต่งแต่…” รามินอธิบายเสริมพร้อมยิ้มที่มุมปากแล้วกระซิบเสียงเหี้ยม “มึงต้องแต่งทั้งนิตินัยและพฤตินัย”

ณภัทรเบิกตากว้างตะลึงงันกับคำแนะนำชั่ว ๆ ของพี่ชายจนพูดไม่ออก ใบหน้าหล่อร้ายยิ้มมุมปากเสริมทัพให้ชายหนุ่มดูเลวขึ้นอีกหลายเท่า เขาว่าตัวเองรู้จักพี่ชายดีมาตลอด แต่วันนี้เพิ่งรู้ตัวว่ารู้จักผู้ชายคนนี้ไม่ถึงครึ่ง

“ไม่ต้องมองกูด้วยสายตาแบบนั้น กูจะบอกมึงให้นะไอ้ท็อป ถ้ากูเป็นพระรองอย่างมึง ชาตินี้กูคงต้องรับประทานแห้วกับมึงหลายลังแล้ว แต่เพราะกูเป็นตัวร้ายทุกวันนี้กูถึงได้ ‘กิน’ ผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามา”

คำพูดพร้อมสีหน้าจริงจังที่แฝงความมาดร้ายเอาไว้ของพี่ชายที่กำลังแนะนำวิธีพิชิตใจผู้หญิงทำให้คิ้วเข้มขมวดผูกเป็นปมหนักขึ้น

“แต่ผม ผมไม่กล้าทำร้ายเมแบบนั้นหรอกครับ” รามินเบ้ปากแล้วถอนหายใจ

อะไรมันจะโง่งมปานนั้น…

“ฟังพี่นะน้องรัก พี่ไม่ได้ให้มึงไปข่มขืนมันแต่ให้มึงไปเป็นสามีที่ถูกต้องทั้งทางกฎหมายและร่างกายเว้ย”

คำอธิบายเพิ่มของพี่ชายยังคงทำให้คิ้วของคนฟังผูกกันแน่นกว่าเดิม ความหมายของคำแนะนำมันมีแค่เรื่องแบบนั้น ไม่มีส่วนไหนในประโยคจะทำให้เขาคิดไปในทางทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่มีม้าโพนี่วิ่งเล่นสักนิด

“หมายถึงว่าผมต้อง เอ่อ”

“ต้องรวบหัวรวบหางไอ้ตังเม แต่ไม่ใช่ให้มึงปล้ำมัน กูหมายความว่าให้มึงใช้วิธีไม้อ่อนไปจนถึงไม้แข็ง”

“ไม้แข็ง?”

“ไอ้ท็อปกูเริ่มไม่เชื่อว่ามึงจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศล่ะ นี่สมองมึงมีแต่ตัวหนังสือกับความรู้ที่เอาไปหากินไม่ได้หรือไงวะ ฉลาดบ้างก็ได้นะไอ้โง่”

คำปรามาสของพี่ชายเรียกสายตาคมดุของณภัทรให้ตวัดมองแล้วเอียงคอคาดโทษกลาย ๆ ทำเอาที่ปรึกษาอย่างรามินถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอแล้วรีบเอ่ยต่อทันที

“เอ่อ กูว่ามึงต้องใช้มารยา ฤทธิ์ยา หรือเหล้ายาอะไรก็ว่าไป พูดง่าย ๆ คือถ้าทำให้มันรักไม่ได้ก็มอมเมาให้มันรัก”

“แต่มัน…มันไม่ต่างจากข่มขืนเลยนะป๋า”

รามินถอนหายใจอีกครั้งแล้วยกมือตบไหล่น้องชายเบา ๆ เริ่มทดท้อกับการเป็นที่ปรึกษาให้พระรองแสนที่ผู้มีปมจนแทบจะเอาหัวโขกพื้นตาย

“ฟังพี่นะน้องรัก การที่แกเฝ้าแอบรักมันมานานจนจะแก่ตายแบบนี้มันมีอะไรดีบ้างนอกจากการเป็น ‘ถังขยะ’ ให้ไอ้ตังเมมาระบาย คนเราต้องรู้จักร้ายเพื่อให้ตัวเองรอดไม่ใช่เอาแต่แสนดีจนคนอื่นมองเป็นควาย!”

ณภัทรจุกกับคำว่า ‘ควาย’ จากปากของพี่ชาย มันสะท้อนให้ชายหนุ่มฉุกคิดได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาในสายตาของใครหลาย ๆ คนอาจรวมไปถึงเภตราคงมองว่าเขาโง่งมเป็นควายที่เอาไว้เพียงไถนาเท่านั้น

“แต่ถ้าผมทำแบบนั้นกับเม พี่คิดว่าเมจะไม่เกลียดผมเหรอ”

“แล้วทุกวันนี้มันรักมึงหรือไง?”

คำพูดของพี่ชายเสียดแทงหัวใจที่บอบช้ำให้เจ็บร้าวขึ้นไปอีก มันจี้ตรงจุดแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่กลางหัวใจ

ณภัทรก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันแน่น เจ็บปวดกับคำพูดตรง ๆ ที่พี่ชายใช้เตือนสติ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป