บทที่ 15 ซื้อเกวียนลา
เมื่อทั้งสองคนจับจ่ายซื้อของครบแล้ว หยางหลงบังคับเกวียนวัวกำลังจะกลับหมู่บ้านป่าหมอกเนี่ยหลิงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะซื้อเกวียนวัวเพิ่ม เพราะถ้านางกลับบ้านเดิมหลายวันที่บ้านสามีจะไม่มีเกวียนวัวใช้เผื่อมีเหตุเร่งด่วนจะได้ไม่ลำบากมาก จึงได้เรียก
หยางหลงให้หยุดเกวียนก่อน
“ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ”
“หือ มีอะไรหรือน้องหญิงเจ้าลืมซื้ออะไรหรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ ข้าลืมซื้อเกวียนวัวเจ้าค่ะ”
“จะซื้ออีกหรือเราก็มีแล้วนี่”
“ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ แต่อีกสองวันเราจะกลับบ้านท่านพ่อ
ท่านแม่ข้า เราก็ต้องเอาเกวียนไปด้วย ในระหว่างที่เราไม่อยู่ ข้ากลัวว่าที่บ้านจะไม่มีเกวียนใช้หากเกิดเหตุอะไรขึ้นเจ้าค่ะ ข้าเลยคิดว่าจะซื้อเพิ่มไปเลย”
“เอาตามที่น้องหญิงว่าก็แล้วกัน ดีเหมือนกัน ขากลับก็ทิ้งไว้ให้ท่านพ่อตาใช้ ใจจริงพี่ก็อยากให้ท่านพ่อตาย้ายมาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่ ไหน ๆ เราก็ซื้อที่ดินเพิ่ม แล้วสร้างบ้านให้ท่านพ่อตาท่านแม่ยาย และน้องชายเจ้าไปด้วยจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วง”
“เจ้าค่ะท่านพี่ กลับไปเที่ยวนี้ข้าจะคุยกับท่านพ่อดู ขอบคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ ที่คิดแทนข้า”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะน้องหญิง น้องอย่าลืมหากพี่ไม่ได้น้องหญิงช่วยไว้หนนั้น พี่คงตายอยู่กลางป่าแล้ว จะมีพี่เช่น
ทุกวันนี้หรือ”
หยางหลงพูดพลางมองหน้าเนี่ยหลิงด้วยสายตาหวานเยิ้ม ทำให้นางหน้าร้อนผ่าวแก้มแดงระเรื่อ นางหลบสายตาของสามีที่จ้องมองนาง เมื่อเขาเห็นภรรยาอายพลางหลบสายตาก็หัวเราะทันที
“น้องหญิงไม่ต้องอายแล้วลูกสามแล้ว”
“ท่านพี่ท่านพูดอะไรข้าไม่ได้หน้าหนาเช่นท่าน”
“พี่หน้าหนาแค่กับน้องหญิงเท่านั้นแหละ”
“ท่านพี่พูดอะไรก็ไม่รู้ไปตลาดค้าสัตว์ก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
“ได้” หยางหลงบังคับเกวียนไปที่ตลาดค้าสัตว์ทันที เมื่อไปถึงจึงให้เนี่ยหลิงไปเลือกดูวัวก่อน หยางหลงนำเกวียนไปหาที่จอดก่อนจะกลับมาช่วยผู้เป็นภรรยาเลือกเกวียนและวัว เมื่อนางลงจากเกวียนก็ตรงเข้าไปร้านแรกทันที เพราะไม่มีเวลามากนักเกรงว่าจะกลับค่ำมืดเสียก่อน
“เชิญขอรับแม่นาง ไม่ทราบว่าท่านต้องการม้า ลา หรือวัวขอรับ เชิญแม่นางเลือกดูก่อน” พนักงานประจำร้านตรงเข้ามาพูดคุยกับเนี่ยหลิงทันทีที่นางสาวเท้าเข้าไปถึงหน้าร้าน
“ข้าขอเดินดูก่อนได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ เชิญทางด้านนี้ขอรับ”
เนี่ยหลิงเดินดูไปเรื่อย ๆ ยังไม่ถูกใจวัวตัวไหน นางเดินผ่านมาที่ส่วนของลาเดินดูแต่ละคอกจนมาถึงคอกสุดท้ายมีลาสีเทา
สองตัวอยู่ ท่าทางแข็งแรง นางจึงได้เอ่ยถามกับพนักงานขายถึงราคาของลาทันที
“ข้าสนใจลาสองตัวนี้ ราคาเท่าไหร่เจ้าคะ
“โอ้ แม่นางตาถึงมาก นี่เป็นลาหนุ่มที่แข็งแรงมาก ตัวละ
40 ตำลึงทองขอรับ”
“ข้าเอาทั้งสองตัว ท่านมีเทียมเกวียนด้วยหรือไม่”
“มีขอรับ เชิญแม่นางทางด้านนี้”
เนี่ยหลิงเดินตามพนักงานเพื่อไปดูเทียมเกวียนพอดีกับที่
หยางหลงเดินมาถึงจึงได้เอ่ยปากถามผู้เป็นภรรยาทันที
“น้องหญิงเลือกวัวได้แล้วหรือ”
“เจ้าค่ะท่านพี่แต่ไม่ใช่วัว ข้าซื้อลาเจ้าค่ะสองตัว” ว่าพลาง
ชี้นิ้วให้หยางหลงดูลาที่ตัวเองเลือกไว้
“ท่านพี่ไปช่วยข้าเลือกเทียมเกวียนหน่อยเจ้าค่ะ”
“ได้”
ทั้งสองเดินตามพนักงานไปฝั่งของเทียมเกวียน เมื่อเดินไปถึง เนี่ยหลิงกวาดสายตามองทันทีนางอยากได้เกวียนขนาดใหญ่เวลาบรรทุกของจะได้ใส่ได้เยอะ ๆ และนั่งไม่เบียดกันจนเกินไป
“แม่นางต้องการเทียมเกวียนขนาดไหนขอรับ” พนักงานเอ่ยถามเนี่ยหลิงทันทีที่นางเดินมาถึง
“ข้าต้องการเทียมเกวียนขนาดใหญ่ ไม่ทราบว่าราคาเท่าไหร่เจ้าคะ”
“เทียมเกวียนขนาดใหญ่ 10 เหรียญทองขอรับ”
“ตกลง ท่านช่วยเทียมเกวียนเข้ากับลาให้ข้าได้หรือไม่”
“ได้ขอรับแม่นาง ลาสองตัวและเทียมเกวียนทั้งหมด 90 ตำลึงทองขอรับ”
นางจัดการจ่ายเงินและเดินออกไปรอให้พนักงาน นำลาเข้าเทียมกับเกวียน ก่อนนางจะนึกได้ว่ามากันสองคนกับสามี แล้วจะทำอย่างไร สงสัยนางต้องหัดบังคับเกวียนเองเสียแล้วหรือไม่ก็ให้พนักงานที่ร้านนำไปส่งให้ ต้องลองถามที่ร้านดูก่อนว่าไปส่งให้ได้หรือไม่
“ท่านพี่ข้าลืมว่าข้ายังบังคับเกวียนไม่เป็น ท่านลองถามที่ร้านหน่อยเถอะว่าสามารถไปส่งให้ได้หรือไม่”
“ได้น้องหญิง พี่จะจัดการให้” หยางหลงเดินเข้าไปในร้านเพื่อสอบถามกับทางร้านว่าสามารถนำเกวียนเทียมลาไปส่งให้ได้หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าสามารถนำไปส่งให้ได้ หยางหลงจึงจ่ายเงินให้พนักงานที่จะนำเกวียนไปส่งเป็นเงิน 2 ตำลึงเงินเพื่อเป็นสินน้ำใจ
“น้องหญิง ทางร้านสามารถไปส่งให้ได้”
“อย่างนั้นก็รอไปพร้อมกันเลยเจ้าค่ะท่านพี่”
ทันทีที่พนักงานขับเกวียนออกมา ทั้งสองบอกให้ขับไปรอที่หน้าประตูเมืองทันที เมื่อนัดแนะกันเสร็จแล้ว จึงเดินไปที่ฝากเกวียน เพื่อกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงประตูเมืองพนักงานได้มาจอดเกวียนรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดจึงได้ออกเดินทางไปหมู่บ้านป่าหมอกทันที ระหว่างทางเกวียนสองคันขับตามกันมาแต่ไม่ได้เร่งรีบมากนักด้านหลังเกวียนมีพนักงานขี่ม้าตามมาอีกหนึ่งคนเพื่อที่จะได้รับพนักงานคนที่ขับเกวียนมาส่งกลับเข้าเมืองให้ทันเวลาก่อนที่ประตูเมืองจะปิด
“ท่านพี่เจ้าคะ วันพรุ่งนี้น้องว่าจะไปล่าสัตว์เพิ่ม แต่น้องจะเข้าไปในป่าหมอกทมิฬที่อยู่ถัดไปด้านขวาของหมู่บ้านเจ้าค่ะ ท่านพี่คิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ ข้าอยากเตรียมของไปบ้านเดิมมากหน่อย”
“มันจะดีหรือน้องหญิง ป่าหมอกทมิฬอันตรายมากนะ ไม่มีใครในหมู่บ้านเคยเข้าไป”
“เราเข้าไปแค่ป่าด้านนอกเท่านั้นเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าแค่อยากสำรวจดูเท่านั้น จะไม่เข้าไปลึกแน่นอนเจ้าค่ะ”
“แต่พี่ยังกังวลกลัวว่าจะเจอเข้ากับสัตว์วิญญาณน่ะน้องหญิง” หยางหลงเอ่ยออกมา สีหน้าวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
“ถ้าเช่นนั้น เอาไว้พวกเราฝึกปราณได้แล้ว ค่อยเข้าไปก็ได้เจ้าค่ะ ถ้าท่านพี่กังวล”
“ขอบใจน้องหญิงมากที่เข้าใจพี่ พี่เป็นห่วง พี่เองก็ยังอ่อนแอ ไม่สามารถจะดูแลน้องหญิงได้ ถ้าหากว่าพบเจอกับสัตว์วิญญาณ”
เวลาผ่านไปไม่นานเกวียนทั้งสองก็วิ่งเข้ามาในหมู่บ้านและตรงเข้าไปท้ายหมู่บ้านอันเป็นบ้านสกุลหนิงทันที เพราะเสียเวลาเลือกเกวียนไปพอสมควรทำให้กลับมาถึงก็เกือบจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว พนักงานร้านเมื่อส่งเกวียนถึงบ้านแล้วก็ขอตัวกลับทันที
หยางหลงนำวัวสองตัวเข้าไปผูกในคอกแล้วเดินย้อนออกมานำลาอีกสองตัวไปผูกที่คอกข้าง ๆ กัน ดีที่ให้ช่างทำคอกไว้เพิ่ม เพราะตอนแรกเขาซื้อวัวมาเป็นตัวผู้และตัวเมีย ถ้าหากว่ามันมีลูก เขากลัวว่าคอกวัวจะไม่พอจึงได้ให้ช่างทำเพิ่มไว้ จัดการหาน้ำและหญ้าให้ทั้งสี่ตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินไปขนของทั้งหมดที่ซื้อมาเข้าไปเก็บไว้ในห้องโถงบ้านก่อนจะเอาไว้ที่เกวียนก็กลัวจะมีคนมาขโมย
เกือบได้เวลาอาหารเย็น น้องชายทั้งสองแบกฟืนลงจากเขา ท่านพ่อและหลาน ๆ ก็กลับมาจากการสำรวจที่ดินที่ซื้อมาเพิ่มวันนี้ ท่านแม่และน้องเล็กทำอาหารอยู่ในครัว น้องรองกับน้องสามเอาฟืนไปเก็บที่โรงเก็บฟืนเสร็จก็ไปอาบน้ำเพื่อรอกินข้าวเย็น ท่านพ่อเองก็เช่นกัน พาหลาน ๆ แยกตัวไปอาบน้ำทันที เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วทุกคนมารวมกันที่ห้องโถงเพื่อร่วมกันกินอาหาร และพูดคุยกันอย่างมีความสุข
