บทที่ 9 เริ่มสะสมเสบียง

หยางหลงและน้องชายทั้งสองบังคับเกวียนวัวเข้ามาในหมู่บ้านท่ามกลางเสียงซุบซิบของชาวบ้าน แต่ทั้งสามคนก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ตั้งแต่ย้ายมาที่หมู่บ้านนี้ครอบครัวหนิงก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับเพื่อนบ้านมากนักเพียงแค่ทักทายกันตามมารยาทเพียงเท่านั้น เมื่อถึงบ้าน ทั้งสามคนช่วยกันขนของลงแล้วเอาเข้าไปเก็บในบ้าน ด้วยจำนวนของที่ซื้อมามีจำนวนมากจึงทำให้เป็นเป้าสายตาสำหรับชาวบ้าน

“พี่ใหญ่ เราต้องทำคอกให้วัวนะขอรับ ประเดี๋ยวพอหนาวมาเยือน จะลำบากไหนจะหิมะตกอีก”

“ได้ เจ้าสองคนหาน้ำหาหญ้าให้วัวกินก่อน แล้วค่อยไปหา

ไม้ไผ่มาทำคอกชั่วคราวไปก่อน เดี๋ยวค่อยไปจ้างช่างไม้มาทำใหม่”

หลังจากหาน้ำให้วัวแล้ว ทั้งสามคนเดินขึ้นเขาไปตัดไม้ไผ่ทันที ในขณะที่เดินขึ้นเขาเพื่อไปตัดไม้ไผ่ เนี่ยหลิงก็แบกหมูป่าลงมาพอดี ทำให้เจอกับพวกหยางหลงระหว่างทาง

“น้องหญิง เจ้าหนักหรือไม่ วางหมูลงมาเถอะ พี่จะแบกกลับไปให้เอง”

“ท่านพี่ พวกท่านกำลังจะไปที่ใดกันเจ้าคะ นี่ใกล้จะค่ำแล้วนะเจ้าคะ”

“จะไปตัดไม้ไผ่มาทำคอกให้วัวน่ะ น้องหญิง”

“พี่ใหญ่ท่านช่วยพี่สะใภ้เอาหมูกลับบ้านเถอะขอรับ ส่วนไม้ไผ่ พวกข้าสองคนจะไปตัดเอง คงใช้เวลาไม่นาน”

“ได้ เอาตามที่พวกเจ้าว่า”

เนี่ยหลิงและหยางหลงเดินกลับบ้านระหว่างทางพบชาวบ้านที่ลงจากเขาบ้างแต่ไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นหญิงชาวบ้านที่ขึ้นมาเก็บผักป่าเพื่อไปทำอาหาร ท่ามกลางสายตาชาวบ้านที่มองมาด้วยความอิจฉา ต้องโชคดีขนาดไหนถึงล่าหมูป่ามาได้ เพราะป่าชั้นนอกแทบไม่มีสัตว์ออกมาให้พบเห็นบ่อยนัก ชาวบ้านเป็นเพียงคนธรรมดาไม่ใช่ผู้ฝึกตน จึงไม่กล้าเข้าป่าลึกอันเป็นที่อยู่ของสัตว์วิญญาณ เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงบ้าน หยางหลงเอาหมูไปไว้หลังบ้านเพื่อจะได้ชำแหละ และทำความสะอาด เนี่ยหลิงเดินเข้าไปในบ้าน ท่านแม่บอกว่าปลาของวันนี้แล่เสร็จแล้วให้เนี่ยหลิงไปจัดการส่วนปรุงรส เนี่ยหลิงรับคำแม่สามี เมื่อจัดการหมักปลาและนำใส่ไหไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเอาออกมาตากแดด

เนี่ยหลิงและหยางหลงรับหน้าที่ทำความสะอาดหมู ท่านแม่กับน้องเล็กทำอาหาร เมื่อน้องชายทั้งสองขนไม้ไผ่ลงมาจากเขา

ท่านพ่อก็ออกมาช่วยทำคอกวัว ส่วนลูก ๆ วิ่งเล่นที่ลานบ้าน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี ทุกคนไปล้างหน้า ล้างมือและรีบกินข้าวด้วยความหิวโหย หลังจากอิ่มแล้วท่านพ่อให้ทุกคนมารวมกันที่ห้องโถงเพื่อปรึกษาเรื่องที่จะซ่อมแซมบ้านก่อนที่หน้าหนาวจะมาถึง หยางหลงได้นำเงินที่ไปขายเห็ดหลินจือวางตรงหน้าท่านพ่อ 2,400 ตำลึงทอง

“ท่านพ่อนี่คือเงินที่ได้วันนี้ เหลือจากที่ข้าซื้อเกวียนและ

ข้าวของเครื่องใช้”

“พ่ออยากหารือกับพวกเจ้าหากว่าจะซ่อมแซมหลังคากับผนังบ้านตรงส่วนที่ชำรุดให้ผ่านหนาวนี้ไปก่อน พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร”

“ข้าเห็นด้วยเจ้าค่ะท่านพ่อ หากจะสร้างบ้านใหม่เลย ข้ากลัวว่าจะเสร็จไม่ทัน อีกอย่างถ้าสร้างบ้านข้าอยากให้มีห้องเพียงพอกับทุกคน น้องรองกับน้องสามในอนาคตต้องแต่งภรรยา ห้องหับต้องมีเพียงพอเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าเงินที่มีอยู่ตอนนี้พอสร้างบ้านแล้วจะเหลือเงินไม่มากนัก อีกทั้งข้าอยากได้ที่ดินเพิ่มด้วยเจ้าค่ะ”

“อาหลิงเจ้าจะเอาที่ดินมากมายมาทำอันใด” ท่านแม่เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ข้าอยากจะได้ที่ดินไว้เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ จะอาศัยแต่การล่าสัตว์บนเขาไม่ได้นะเจ้าคะ อย่างน้อย ๆ หน้าหนาวเราก็จะมีเสบียงอาหารที่เพียงพอ อีกทั้งเวลาสร้างบ้านข้าอยากให้น้องรองและ

น้องสามมีบ้านเป็นของตัวเองด้วยเจ้าค่ะ เวลาน้องทั้งสองแต่งภรรยาเข้ามาจะได้ไม่คับแคบเกินไป”

“พ่อขอบใจเจ้าอาหลิง ที่คิดแทนทุกคน”

“ขอบคุณขอรับพี่สะใภ้”

“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่สะใภ้”

“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ”

หยางหลงมองเนี่ยหลิงด้วยสายตารักใคร่และขอบคุณ ในขณะที่พวกเขาลำบากภรรยาไม่เคยทอดทิ้ง ยังอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

“ท่านพี่ พรุ่งนี้ท่านไปหาช่างมาซ่อมบ้านนะเจ้าคะ และให้ช่างทำคอกวัวให้ด้วยเลย ส่วนท่านแม่กับน้องเล็กให้น้องรอง

ขับเกวียนพาเข้าเมืองไปซื้อผ้าห่ม ที่นอน ชุดกันหนาวสำหรับทุกคน และผ้าสำหรับตัดชุดให้เพียงพอในแต่ละคน”

“แล้วข้าล่ะพี่สะใภ้ “

“น้องสาม ส่วนเจ้าไปเอาปลาที่หลุมดักปลามาให้ข้าและตัดกิ่งสนมาด้วย ข้าจะทำหมูรมควันเก็บไว้เป็นเสบียงหน้าหนาว อ่อข้าลืมไป วันนี้ข้าได้หญ้ามรกตเหมันต์มาห้าต้น น้องรองเจ้านำมันไปขายด้วยพรุ่งนี้ คงได้ไม่กี่มากน้อย เพราะไม่ใช่สมุนไพรวิญญาณ”

“ขอรับพี่สะใภ้”

เมื่อพูดคุยตกลงกันได้แล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน อีกไม่ถึงเดือนหน้าหนาวจะมาเยือนแล้ว ได้แต่หวังว่าคงจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นนะ อย่างน้อย ๆ ปีนี้บ้านหนิงก็ไม่ต้องอดอยากและทนหนาวอีกต่อไป แค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป