บทที่ 1 บทนำ จุดเริ่มต้น เริ่มต๊น เริ่มต้น

ค่ำคืนกลางฤดูร้อนในเดือนพฤษภาคมนั้น อากาศค่อนข้างร้อนจัดหลังจากกลับจากทำงานที่ร้านอาหารแล้ว เนี่ยหลิงวางแผนที่จะกลับบ้านทันที วันนี้ทั้งวันเนี่ยหลิงโชคไม่ดีเอาซะเลย มีลูกค้าทะเลาะกันที่ร้านและมีการลงไม้ลงมือกันด้วย ทำให้เนี่ยหลิงที่กำลังเอาอาหารออกมาเสิร์ฟโดนลูกหลงไปด้วย

ในตอนเช้าออกจากบ้านไปทำงานเดินมาถึงกลางซอยโดนหมาไล่กวด หลังจากวิ่งสู้ฟัดจนมาถึงป้ายรถเมล์ กระโดดขึ้นรถ นั่งมาได้สักพัก รถเสียต้องลง รอคันใหม่ไปทำงานงายโดนเจ้านายด่าอีก เฮ้อ ทำไมกันนะชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้ หวังว่า พรุ่งนี้คงจะมีอะไรดี ๆ เข้ามาบ้าง

เนี่ยหลิงแบกร่างกายโทรม ๆ บนหัวมีผ้าพันแผลพันไว้ กลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้าในใจพลันก่นด่าสองสามีภรรยาผู้ก่อการทะเลาะวิวาทในวันนี้ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็หาอะไรกินก่อนที่จะกินยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบแล้วก็นอนหลับไป โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าเธอจะไม่มีโอกาสตื่นขึ้นมาในโลกปัจจุบันอีกแล้ว

เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง มั่นใจว่าแค่หัวแตก แต่ทำไมถึงได้เจ็บปวดไปทั้งตัวแบบนี้ หรือมันจะเป็นความฝัน แล้วความฝันทำไมเหมือนจริง ฝันที่ไหนจะเจ็บปวดได้ขนาดนี้ เนี่ยหลิงลืมตาขึ้นมาช้า ๆ และได้รับรู้ว่าความเจ็บปวดที่ได้รับไม่ใช่แค่หัวแตก แต่ทั้งร่างกายมีแผลฟกช้ำอยู่ทั่วตัว โชคดีที่ไม่มีกระดูกส่วนไหนแตกหัก แต่แผลที่หัวรู้สึกจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

“อ่า นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหน ทำไมห้องนี้เก่าและผุพังมาก แถมผ้าห่มเก่า ๆ บาง ๆ นี่มันอะไร”

ถึงเนี่ยหลิงจะไม่ได้เงินเดือนสูงมากมาย แต่มันก็ไม่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ในขณะที่เนี่ยหลิงกำลังตกตะกอนความคิด นึกถึงเหตุผลที่เธอมาอยู่ที่นี่ แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ไม่มีเหตุผลใดมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย

นี่มันเรื่องบัดซบอันใดกันเหตุใด พระเจ้าไม่เห็นใจเธอบ้าง ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้จะลุกนั่งยังไม่ได้เลย อย่าหวังว่าจะลุกเดินออกไปจากที่นี่ได้ เธอทำผิดอะไร ทำไมจะต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

แค่หัวแตกเพราะโดนลูกหลง แต่พอตื่นขึ้นมาทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ หลังจากได้ตัดพ้อก่นด่าในโชคชะตาอยู่นาน พลันมีเสียงดังขึ้นเหนือหัวเนี่ยหลิง

“นี่เจ้าน่ะหยุดบ่นและต่อว่าได้แล้ว พระผู้เป็นเจ้าไม่เคย

ติดค้างใคร และเจ้าก็เช่นกัน”

เนี่ยหลิงได้แต่นึกในใจว่า ไม่ติดค้างเหรอ แฟนยังไม่มี สามียังไม่เกิด เกิดมาก็กำพร้าบิดามารดาเป็นใครยังไม่รู้ แล้วนี่อะไร ยังต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้อีก

เหตุผลล่ะมีไหมตอบได้ไหม ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่ตรงนี้แถม

ในสภาพที่ไม่น่าดูเลยด้วย พลันปรากฏร่างของชายชราผมขาว เคราขาวขึ้นมา เนี่ยหลิงพลันสำนึกได้สงสัยเราจะตายแล้วจริง ๆ แต่ว่าตายแล้วก็ต้องเป็นวิญญาณ แล้ววิญญาณเจ็บได้ด้วยรึ ก่อนที่เนี่ยหลิงจะทันได้คิดไปไกล และไร้สาระมากกว่านี้ ชายชราได้เอ่ยขึ้นว่า...

“พอ ๆ เจ้าจะพูดพร่ำอะไรเยอะแยะ ฟังข้าให้ดี ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียว เจ้าได้ตายจากโลกนั้นไปแล้ว แล้วข้าได้ส่งเจ้ามาที่นี่ ในที่แห่งนี้เจ้าจะได้ทุกอย่างตามที่อยากได้ ครอบครัว บิดามารดา สามี ลูก เจ้ามีครบ เจ้าจงใช้ชีวิตให้ดี และต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ดวงจิตของเจ้าไปเกิดผิดที่ ตอนนี้เจ้าได้กลับมาแล้ว ข้าจะชดเชยให้เจ้า ความทรงจำชาติที่แล้วของเจ้า รวมถึงความสามารถต่าง ๆ ของเจ้าจะยังคงอยู่ เอาล่ะเจ้ามีอะไรอยากถามหรือไม่ เนี่ยหลิง”

จบคำพูดของชายชรา เนี่ยหลิงถามในสิ่งที่คาใจทันที

“คุณตาคะหนูตายได้อย่างไรคะ”

“ชายชราที่มองเนี่ยหลิงนิ่ง ๆ เอาล่ะถ้าอยากรู้ ข้าจะบอกให้ เจ้าเป็นไข้และนอนตกเตียงหัวฟาดพื้น นั่นคือสาเหตุที่เจ้าตาย (ในใจกลับตอบว่าเจ้าตายเพราะข้านี่แหละแต่ใครจะบอกนางกัน) อ่อ แล้วโลกที่เจ้ามาเกิดใหม่นี้เป็นโลกแห่งผู้ฝึกตน มีสัตว์วิญญาณ และ

พลังธาตุ เอาล่ะข้าต้องไปแล้ว ก่อนไปข้ามีของจะมอบให้เจ้า” ชายชราโบกมือหนึ่งครั้ง มีธนูพร้อมลูกมาให้หนึ่งชุด และแหวนหนึ่งวง “เอาล่ะ หยดเลือดของเจ้าลงที่แหวนได้แล้ว มันจะเป็นของเจ้า ผู้อื่นไม่สามารถใช้ได้ ของที่จำเป็นข้าใส่ไว้ในแหวนมิติให้แล้ว มีอะไรอีกหรือไม่ หากไม่มีคำถามอะไร ข้าต้องไปแล้ว”

เนี่ยหลิงยังคงนั่งงง “เดี๋ยวค่ะคุณตา ไม่ให้พรหนูหน่อยหรือคะ ไหน ๆ ก็ให้หนูมาอยู่ที่นี่แล้ว”

“ข้าให้เจ้าได้สองข้อ ไม่มากไปกว่านี้ เจ้าว่ามาเลย ต้องการขออะไร”

“ข้อหนึ่ง ข้าต้องการฝึกปราณได้และมีพลังธาตุทุกธาตุ”

“ได้ข้าให้เจ้า ข้อสองล่ะว่ามา”

“ข้อสอง ข้าขอให้มีความจำที่ดี จดจำได้แค่ผ่านตา สามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนอื่น”

“เอาล่ะข้าให้เจ้า หมดเวลาของข้าแล้ว เจ้าจงใช้ชีวิตใหม่ให้ดี และพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยติดค้างเจ้า จำไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเจ้าในชาติที่แล้ว หรือชาตินี้ ก็คือเจ้า ข้าไปล่ะ”

หลังจากชายชราไปแล้ว เนี่ยหลิงหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย

บทถัดไป