บทที่ 10 10

“เรื่องนี้กระผมสุดคาดเดาขอรับท่านยมราช แต่มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ ตั้งแต่กระผมทำงานกับท่านมาก็เพิ่งพบเจอไม่ถึงสิบครั้ง” ยมบาลมัจฉาตอบด้วยเหตุผล แต่ก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ชะตาลิขิต

“เฉลี่ยหนึ่งหมื่นสองพันปีต่อครั้งขอรับท่านยมราช ทั้งหมดเคยเกิดขึ้นแล้วแปดครั้งขอรับ ครั้งล่าสุดเคยเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งหมื่นห้าพันปีที่แล้วขอรับ” ยมบาลเมฆาตอบอย่างละเอียด

เฮ้อ! ท่านพญามัจจุราชถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม มองหน้ายมบาลเลขาทั้งซ้ายขวา

“เจ้าทั้งสองเตรียมร่างสัญญารอดวงวิญญาณของรนิดาเอาไว้ก็แล้วกัน แล้วก็ร่างโทษไว้ให้ยมทูตปาณะด้วย เขาเพิ่งทำผิดครั้งแรกใช่ไหม”

“ขอรับท่านยมราช”

“ถ้าเลือกได้เราไม่อยากทำโทษเขาเลย แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ” ก็แค่ต้องไปทำหน้าที่อยู่ในนรกภูมิชั้นที่เลวร้ายที่สุดหนึ่งปีเท่านั้น และหวังว่าเขาจะไม่ทำผิดพลาดอีก

“กระผมเข้าใจความรู้สึกของท่านดีขอรับ แต่เราไม่รู้ว่ายมทูตปาณะใจอ่อนกับดวงวิญญาณของรนิดาหรือเปล่า ดังนั้นที่ท่านตั้งกฎลงโทษเอาไว้ถือว่าทำถูกต้องแล้วขอรับ” ยมบาลเมฆาผู้เคร่งครัดตอบอย่างเฉียบขาด เตรียมสัญญาร่างสองฉบับไว้ให้หนึ่งดวงวิญญาณกับหนึ่งยมทูต

..........................

“อีหนูทำไมถึงมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ล่ะ”

ณ มุมหนึ่งของโรงพยาบาลอันกว้างขวาง รนิดาที่แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยผ้าสีและพวงมาลัยปาดน้ำตา เงยหน้าขึ้นมองชายชราหน้าตาใจดีในชุดสีขาวสะอาดสะอ้าน

“หนูอยากเจอพ่อแต่หนูหาพ่อไม่พบค่ะคุณตา” เธอรู้ว่าบิดาเสียชีวิตแล้ว เพราะเห็นวันที่ครอบครัวมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของท่านออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับร่างของตน จึงตามหาวิญญาณของท่านเพื่อที่จะเดินทางกลับบ้านไปด้วยกัน

แต่หาอย่างไรก็ตามหาไม่พบ ซ้ำยังเจอกับยมทูตหน้าตาดุดัน รูปร่างสูงใหญ่ ตามจับจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาตัวรอดให้ได้จนกว่าจะได้เจอกับบิดา เมื่อรู้สึกว่าปลอดภัยจากการตามล่าแล้วก็ออกตามหาบิดาใหม่จนทั่วก็ยังไม่เจอ ด้วยความท้อแท้ใจจึงมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้และร้องไห้ออกมา

“ตามหาพ่อไม่เจอ”

“ค่ะคุณตา คุณตาช่วยหนูหน่อยสิคะ” เธอเดาเอาจากความคิดและเรื่องที่เคยได้ยินมาจากคนอื่นล้วนๆ ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ว่าคุณตาท่านนี้ต้องเป็นเจ้าที่เจ้าทางของโรงพยาบาลแห่งนี้แน่ๆ

“ตาช่วยหนูไม่ได้หรอกนะ มนุษย์เราตายแล้วก็มีที่ไปเหมือนกัน ป่านนี้พ่อของหนูคงไปแล้วแหละ คงไม่ได้เร่ร่อนอยู่แถวนี้เหมือนหนูหรอก”

“แต่หนูก็เห็นวิญญาณอื่นๆ เหมือนกันนี่คะคุณตา”

“ที่หนูเห็นนั่นคือพวกสัมภเวสีต่างหาก หรือบางส่วนก็คือวิญญาณที่ยังไม่ถึงคราวตาย แต่เตลิดออกจากร่างเพราะความตกใจ ร่างของเขากำลังอยู่ในห้องไอซียู ห้องฉุกเฉิน รอการต่อชีวิต เดี๋ยวเขาก็ได้กลับเข้าร่างแล้ว” คุณตาเจ้าที่พยายามบอกใบ้ให้หญิงสาวรู้ตัว ว่าตัวเธอยังไม่ถึงที่ตายแทนการบอกไปตรงๆ  เพราะไม่อยากทำผิดกฎของโลกภูมิ นรกภูมิ “ทำไมหนูไม่กลับไปดูที่บ้านล่ะ บางทีพ่อหนูอาจจะไปรอหนูอยู่ที่บ้านก็ได้นะ”

“หนูไปแล้วจ้ะ ที่บ้าน ที่วัด หนูไปมาหมดแล้ว เห็นแต่วิญญาณคนอื่น แต่ไม่เห็นพ่อหนูเลยค่ะคุณตา หนูก็เลยกลับมาหาที่นี่อีกครั้ง โอ๊ย.. โอ๊ยยย.. โอ๊ยยย..ยย ร้อนจังเลย โอ๊ยร้อน” พูดยังไม่ทันจบเธอก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งร่าง ล้มลงนอนกลิ้งบิดไปบิดมาด้วยความทรมาน “คุณตาช่วยหนูด้วย ทำไมหนูถึงร้อนเหมือนถูกใครเอาไฟมาเผาแบบนี้ โอ๊ยยย..ยย...ยย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที ร้อนเหลือเกิน ฮือๆๆ ฮือๆๆ..” บิดตัวไปมาด้วยความทรมานเหลือแสน ขณะที่ปากร้องขอความช่วยเหลือจากคุณตาชุดขาว

“ตาไม่รู้จะช่วยหนูยังไงเหมือนกัน ตาขอโทษนะ” คุณตาเจ้าของที่หายวับไปกับตา เมื่อรับรู้ถึงอำนาจแห่งความดุดันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

“ในที่สุดก็จับได้แล้ว” ยมทูตปาณะเอ่ยเสียงดุดันแล้วใช้บ่วงจับวิญญาณแตะไปที่แขนของดวงวิญญาณสาว กลายเป็นเชือกไฟสีแดงรัดข้อมือกลมกลึงนั้นไว้ทันที

อาการทรมานจากการปวดแสบปวดร้อนดั่งถูกไฟแผดเผา หายเป็นปลิดทิ้งทันทีที่แขนของรนิดาถูกเชือกไฟจากชายรูปร่างสูงใหญ่น่ากลัว ดวงตาเรียวโตมองจ้องที่เชือกรัดข้อมือ ซึ่งมองแบบนี้เหมือนเหล็กเส้นที่หลอมไฟจนแดงฉาน แต่มันกลับไม่มีความร้อนแม้สักนิด

“ท่านเป็นคนทำเหรอ” เธอหมายถึงทำให้เธอร้อนแทบตายเมื่อสักครู่

“เราไม่ได้ทำ เป็นเจ้าต่างหากที่ทำตัวเอง” ส่วนเราก็อาจต้องกลับไปรับโทษเพราะเจ้าเป็นคนทำ เขามองเธออย่างไม่พอใจแล้วรีบพากลับไปที่นรกภูมิด้วยวิธีลัดเป็นกรณีพิเศษ หวังอย่างยิ่งว่าร่างของเธอจะยังไม่กลายเป็นเถ้าธุลี

.................................

รนิดามองบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ผิวพรรณดำทะมึนที่ไม่เคยเจอในโลกมนุษย์ ก่อนจะมองไปบนบัลลังก์สีดำรูปร่างแปลกตาที่มีคนตัวแดงหน้าตาโหดยิ่งกว่าคนตัวดำนั่งอยู่

“ชุ่ย!” ถึงแม้จะกลัวแต่ความโมโหก็ครอบงำจิตใจเธอไว้หมดแล้ว คำแรกที่เธอตะโกนใส่พวกเขาหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจบจึงเป็นคำตำหนิ “พวกท่านทำงานกันแบบนี้เหรอ ฉันหลงเข้าใจผิดมาตั้งนานว่ามีแต่ในโลกมนุษย์ ที่แท้ในนรกก็ชุ่ยไม่แพ้โลกมนุษย์เลยสักนิด”

“ใจเย็นๆ วิญญาณรนิดา เรารู้ว่าเราผิด” พญามัจจุราชอยากจะยกมือขึ้นอุดหูแต่ก็กลัวขายหน้า จึงได้แต่นั่งหน้าเชิดหลังแข็งอยู่บนบัลลังก์ “เราจะให้ยมทูตปาณะส่งเจ้ากลับไปใหม่เพื่อเป็นการลบล้างความผิด เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป