บทที่ 13 13
ทุกการสนทนาที่ได้ยิน รนิดาเอามาประมวลด้วยมันสมองอันชาญฉลาด จนได้ข้อสรุปที่แน่ชัดว่าตัวเองคงได้มาสิงอยู่ในร่างของหญิงสาวในยุคโบราณของจีน เพราะมีทั้งอ๋อง พระชายา คุณหนู อนุ แม่บ้านและสาวใช้
ที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือเธอดันมีสามีเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว แล้วสามีอ๋องของเธอจะแก่หงำเหงือกแค่ไหนกันนะ ผู้ชายที่ตำแหน่งใหญ่โตแบบนี้คงไม่แก่ธรรมดาแต่ต้องโคตรแก่แน่ๆ
‘เฮ้อ!แล้วฉันจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตหลังความตายนี้ดี ฮือๆๆ คิดแล้วอยากตายอีกรอบให้รู้แล้วรู้รอด ท่านมัจจุราชมารับฉันกลับไปนรกที ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ฉันไม่อยากมาเกิดใหม่อีกแล้ว ขอให้ฉันเป็นวิญญาณไปจนถึงอายุเจ็ดสิบสี่เลยก็ได้’
“ข้าจะเอาศพคุณหนูไปทำพิธีที่จวนของท่านพ่อนาง ป้าหวังจะว่าอะไรไหม”
“รอจดหมายจากอ๋องใหญ่ก่อนไม่ดีกว่าหรือ อีกไม่กี่วันนกพิราบส่งข่าวก็คงมาถึง”
“รอทำไม ท่านจะให้ข้ารอคนที่กล้าเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ให้คุณหนูของข้าในห้องหอ ตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานกันคนนั้นได้อย่างไร ข้าทำต่อไปไม่ได้หรอก ข้าหมดความอดทนตั้งแต่ตอนที่คุณหนูของข้าสิ้นใจ เพราะพิษรักอันตรอมตรมต่อหน้าข้าแล้วป้าหวัง”
“แต่เจ้าได้รับปากคุณหนูของเจ้าไว้แล้ว”
“ข้าก็แค่รับปากให้นางสบายใจเท่านั้น นางจะได้จากไปอย่างสงบ”
“แต่นางเป็นคนของตำหนักอ๋องใหญ่นะอาหลี่”
“ก่อนตายคุณหนูของข้าพิมพ์ลายนิ้วมือบนหนังสือหย่าเอาไว้เรียบร้อยแล้วป้าหวัง ดังนั้นนางจึงไม่ใช่คนของตำหนักอ๋องใหญ่อีกต่อไป ข้าฝากหนังสือฉบับนี้ให้อ๋องใหญ่ของท่านลงนามด้วย ส่วนข้าจะรีบกลับไปส่งข่าวให้ใต้เท้าเฟิ่งมารับศพคุณหนูกลับไปทำพิธีที่จวน”
“อ๋องใหญ่ของข้าไม่เคยเกลียดคุณหนูของเจ้า ก่อนจากกันข้าอยากให้เจ้ารับรู้เอาไว้”
“ไม่เกลียดแต่ก็ไม่ต้องการ คุณหนูของข้าคือของพระราชทานที่อ๋องใหญ่ต้องจำใจยอมรับเอาไว้ ข้อนี้ทุกคนในจวนตระกูลเฟิ่งต่างก็รู้ดี ถ้าคุณหนูของข้าไม่ขาดคุณสมบัติไปหนึ่งข้อ นางคงสุขสบายอยู่ในพระราชวังอันใหญ่โตแล้วป้าหวัง ข้าไม่โทษอ๋องใหญ่หรอก แต่ข้าก็ไม่โกรธเขาไม่ได้เช่นกัน เมื่อท่านอ๋องใหญ่ลงนามในหนังสือหย่าแล้ว รบกวนป้าหวังส่งคนไปบอกข้าด้วย ข้าจะมาเอามันด้วยตนเอง ข้าไปก่อนนะป้าหวัง”
รนิดานอนฟังคำพูดเหล่านั้นด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรง ทั้งที่ความจริงแล้วร่างกายของเธอยังไม่มีอาการเหล่านั้นปรากฏขึ้นแม้แต่นิด
“พระชายา ข้าขอโทษแทนอ๋องใหญ่ของข้าด้วยนะเจ้าคะที่ไม่เคยดูแลพระชายาเลยแม้แต่นิด จริงๆ แล้วข้ารู้ดีว่าอ๋องใหญ่ไม่ได้รังเกียจท่านเลยสักนิด เพียงแต่ท่านโกรธที่ถูกบังคับให้แต่งงานเท่านั้น จึงทิ้งหนังสือหย่าแล้วเดินทางจากท่านไป ท่านโปรดยกโทษให้ท่านอ๋องด้วยนะเจ้าคะ”
ความทรงจำเกี่ยวกับหญิงสาวที่เธอมาสิงร่างค่อยๆ ไหลเวียนเข้าสู่สมองทีละนิดๆ จนเริ่มชัดเจนขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าความจำเหล่านั้นถูกถ่ายทอดมาหมดหรือไม่ แต่ก็ทำให้รู้เรื่องราวของหญิงสาวผู้นี้ได้ดีระดับหนึ่ง
ตอนนี้จึงรู้สึกอยากฟื้นขึ้นมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด เพราะอยากจะเห็นหน้าของเธอและคนอื่นๆ ที่อยู่ในความทรงจำของเธออย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อ ท่านแม่ อ๋องใหญ่ ป้าหวัง พ่อบ้านหวัง หลี่ สุ่ย จวง สวี่ หรือแม้กระทั่งพี่อู๋ซื่อที่แสนจะใจดีกับเธอ ในบรรดาที่เธอนึกถึงนี้ เธอรู้ด้วยว่า สุ่ย จวง สวี่ คือคนที่ไม่เป็นมิตรกับเธอที่สุด
“ฉันฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่หล่อนสามคนเตรียมตัวเจ็บได้เลย”
………………….
สามวันแล้วที่เธอนอนฟังเสียงสวดมนต์อยู่ในร่างที่ไร้ลมหายใจร่างนี้ บางครั้งก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ ของบิดามารดาที่สลับกันเข้ามาจนทำให้หัวใจหดหู่น้ำตาไหลตามไปด้วย
คนที่กำลังร้องไห้ตอนนี้นี่คือพ่อแม่ในภพชาตินี้ของเธอ ท่านก็คงเสียใจไม่ต่างจากภพชาติที่เธอจากมาใช่ไหม ร้องไห้อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ลูกตัวเองฟื้นแล้วเอาชีวิตตนไปแทน นี่แหละคือความรักอันยิ่งใหญ่ที่คนอื่นไม่มีให้ ถ้าเธอฟื้นขึ้นมาได้ เธอจะใช้ชีวิตร่วมกันกับพวกท่านให้คุ้มค่าที่สุด ให้สมกับที่ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่ใช่พ่อแม่ในชาติภพเดิมก็ตาม
แต่ตอนนี้เธออยากรู้ว่าเธอจะต้องทนทรมานหลับๆ ตื่นๆ อยู่ในร่างไร้ลมหายใจนี้อีกนานแค่ไหนมากกว่า
“ท่านมัจ!”
“กรี๊ดดดด...” ตึง!
รนิดาหันไปมองทางต้นเสียงที่กรีดร้องดังลั่น ก่อนจะล้มทั้งยืนลงไปกองอยู่กับพื้น
“อาหลี่.. ใช่ไหม” หญิงสาวเรียกชื่อเธอคนนั้นตามความทรงจำที่ได้รับ แต่ก็ตบท้ายด้วยคำถามอย่างลังเล
“คุๆๆๆๆ คุณหนู..” หลี่คลานเข้าไปหาร่างใหญ่ที่ลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับตะโกนบางคำดังลั่น แล้วใช้นิ้วอังตรงรูจมูกตรวจสอบลมหายใจ “คุณหนูยังไม่ตายหรือเจ้าค่ะ คุณหนูของข้ายังไม่ตายจริงๆ ด้วย ข้าดีใจจริงๆ เลยเจ้าค่ะคุณหนู ข้าจะไปเรียนนายท่านกับฮูหยินก่อนนะเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนอาหลี่ อย่าเพิ่งรีบร้อน” คว้าแขนของสาวใช้ไว้แน่น “อย่าเพิ่งไปรบกวนพ่อกับแม่ข้าเลยนะ เล่าให้ข้าฟังก่อนได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เธอรู้สึกว่าท่านมัจจุราชไม่ได้ให้ความจำในส่วนนี้กับเธอมา จึงถามเอาความจริงกับเด็กสาวที่อายุอานามไม่น่าจะเกินสิบแปดปีคนนี้แทน
