บทที่ 7 บทที่ 7.

มุกรวีเดินหน้าง้ำออกมาจากร้านอาหารหรู หญิงสาวอยากจะตะโกนให้ใครสักคนมาช่วย ทั้งๆ ที่นี่มันบ้านของเธอเอง หากต้องการความช่วยเหลือก็ทำได้แล้วทำไมเธอไม่ทำนะ

เธอหลงรักเขาหรือไข่มุก.. หญิงสาวถามตัวเองในใจขณะเดินเรื่อยๆ ไปตามถนนที่เต็มไปด้วยร้านรวงและร้านค้าซึ่งบัดนี้ทุกร้านก็สว่างไสวด้วยไปหลากสีพร้อมกับเสียงคนพูดคุยกันทั้งเดินดูข้าวของอย่างสนุกสนานบ้างก็จับจ่ายซื้อข้าวของเป็นของฝากของขวัญให้กัน เสียงแม่ค้าพ่อค้าร้องเรียกลูกค้าเซ็งแซ่ และวันนี้วันนี้มีงานแสดงสินค้า OTOP อีกด้วย หญิงสาวมองดูร้านรวงต่างๆ ด้วยความสนใจเมื่อเริ่มคลายความฉุนเฉียวลงไปได้บ้าง หญิงสาวเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้โดยไม่สนใจคนที่เดินตามมาไม่ห่าง

หึ.. คอยดูว่าเขาจะทนเดินตามเธอได้นานแค่ไหนกัน หญิงสาวคิดพลางเหล่สายตามองคนตัวโตที่เดินหน้าตึงตามมา หลังจากที่ไอศูรย์บอกความต้องการของเขาและยังบอกอีกว่าถึงอย่างไรก็ต้องได้ในสิ่งที่ต้องการอยู่แล้วนั้น เธอก็ยื่นข้อเสนอกับเขาไปว่าขอเดินชมเมืองก่อนสักครู่ก่อนกลับเพราะต้องการเวลาทบทวนข้อเสนอของเขา ในใจก็คิดว่าจะแอบหนีเขากลับบ้านเสียตอนมาเดินตลาดแต่ดูๆ แล้ว ความคิดนี้ต้องเป็นอันตกไปเพราะรู้ดีว่าไอศูรย์จะต้องให้คนของเขาคอยติดตามเธอทุกฝีก้าว และเธอก็เริ่มชินกับการมีคนคอยติดตามเสียแล้วกระมังเพราะมันรู้สึกได้เสมอว่ามีคนเดินตามห่างๆ มาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

“อุ้ย กระเป๋าสวยจัง..” มุกรวีเดินปรี่เข้าไปในร้านขายของพื้นเมืองของชาวเขาเผ่าหนึ่ง ซึ่งมีสินค้ามากมายทั้งเสื้อผ้าของใช้ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่งดงามแปลกตาซึ่งเป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมดและแต่ละชิ้นก็งดงามประณีต

“กระเป๋าใบนี้เท่าไหร่คะ”

“ใบนี้สองพันห้าค่ะ เป็นงานที่ละเอียดมากๆ เลยนะคะ สามารถสะพายข้างและสะพายไหล่ได้ มีช่องใส่ของเยอะด้วยค่ะ ทรงนี้กำลังฮิตเลยนะคะแล้วก็ประดับด้วยเงินแท้ทั้งหมดค่ะ รับรองไม่ดำและไม่เหมือนใครด้วย เพราะเราทำแค่แบบละใบเท่านั้นค่ะ” สาวใหญ่ซึ่งมีใบหน้าหวานซึ้งในแบบสาวชาวเหนือบรรยายคุณลักษณะของสินค้าด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ ไข่มุกก็อยากได้นะคะ แต่เงินไม่พอแน่ๆ คือไม่ได้ตั้งใจมา ลดให้หน่อยสิคะ”

“เอาใส่ถุงให้เธอเลยครับ เดี๋ยวเอาเงินที่ผม” ไอศูรย์ซึ่งเดินตามมาเงียบๆ ตัดบทด้วยการหยิบเงินให้คนขายแล้วคว้าเอวบางมาแนบกายแสดงความเป็นเจ้าของเมื่อมีหนุ่มๆ บางคนแอบส่งสายตาให้เธอความหึงหวงแล่นพล่านไปทั้งกายโดยที่เขาไม่รู้ตัว

“นี่คุณอย่ามาทำรุ่มร่ามนะ มันยังไม่ถึงเวลาที่เราตกลงกันไว้ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบว่าจะตกลงเป็นอะไรกับคุณเลยนะ ปล่อยสิ..” มุกรวีพยายามแกะมือเขาออกจากเอวบางของตนด้วยความขัดเขินสายตาคนมองแต่คนตัวโตแสนจะเอาแต่ใจนี่สิไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังโอบเธอแน่นเข้าอีก

“คุณยังคิดว่าจะไม่ตกลงอีกหรือไข่มุก แล้วเรียกตัวเองเสียใหม่ซะด้วยพูดเสียห่างเหินแบบนี้ไอไม่ชอบ” หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยความหวั่นไหว เขาแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่พยายามจะให้เธอเรียกเขา ไอศูรย์บอกเธอว่า มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เรียกเขาแบบนี้ได้นั่นคือ บิดามารดาของเขาและตอนนี้เขาอนุญาตให้เธอเรียกเขาแบบนั้นได้

แหม..ช่างน่าปลื้มใจเสียจริง เธอแอบค่อนขอดคนจอมเผด็จการในใจเมื่อเดินตามเขามาขึ้นรถ

“มันสวยมากจริงๆ ด้วย ยิ่งมาดูแบบนี้ยิ่งสวย” มุกรสีหันมาสนใจกระเป๋าใบใหม่ตรงหน้าพลางย้ายข้าวของจากกระเป๋าใบเก่าที่เธอใช้มาหลายปีมาใส่ในกระเป๋าใบใหม่ทันที

“ขี้เห่อ”

“ยอมรับค่ะ แล้วทำไมคะ”

“ไม่เห็นจะสวยตรงไหน ผู้หญิงของผมทุกคนไม่มีใครใช้กระเป๋าแบบนี้” เขาพูดเสียงเหมือนจะเหยียดๆ หากแต่หลังจากที่เธอทำงานร่วมกับเขามาหลายเดือนทำให้เธอรู้ว่าเขาก็เป็นแบบนี้ล่ะ

“มันเรื่องของผู้หญิงพวกนั้นแต่ไข่มุกชอบแบบนี้คุณจะไม่ชอบก็ได้นะคะ ถ้าอย่างนั้นจอดรถให้ไข่มุกลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องให้ไข่มุกกลับกรุงเทพฯ กับคุณก็ได้นะคะ”

“ไม่มีทางหรอกไข่มุก อย่ามาเบี่ยงเบนความสนใจไอหน่อยเลย”

“ทำไมต้องเป็นไข่มุกด้วยล่ะคะ” เธอถามอย่างอ่อนใจเมื่อในที่สุดแล้วเธอก็เหมือนจะยินยอมเขา นี่เธอรักเขาเหรอ..เพียงพบเขาครั้งแรกมุกรวีก็เฝ้าถามตัวเองแบบนั้นมาตลอด...

“ก็เพราะไอต้องการไข่มุกอย่างไรล่ะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นทำให้หัวใจหญิงสาวไหวหวามซ่านไหวเพราะมันทั้งนุ่มทุ้มเบาพร่าอย่างยั่วเย้า อีกทั้งแววตาร้อนแรงนั้นอีกเล่า มุกรวีหลบสายตาคมแล้วหันไปมองข้างทางอย่างขัดเขิน...

“ทำไมไม่ไปทำงาน” เสียงห้าวนั้นเต็มไปด้วยโทสะ มุกรวีเงยหน้ามองเขาตาโตร่างบางถอยหลังช้าๆ เมื่อเขาย่างก้าวผ่านประตูเข้ามา วันนี้อรอลินไม่อยู่เพราะเพิ่งไปเชียงรายเมื่อสองวันก่อน และเมื่อวานเธอได้ยื่นใบลาออกแล้วเรียบร้อย วันนี้เธอก็คิดว่าจะพักผ่อนให้เต็มที่ แต่เมื่อมีเสียงเคาะประตูหนักๆ จึงรู้สึกตัวตื่นและคิดว่าคงเป็นอรอลินกลับมาแล้ว แต่เมื่อเปิดประตูออกมาก็แทบก้าวขาไม่ออก ไอศูรย์เข้ามาได้อย่างไรกัน... หญิงสาวหน้าซีดลงทันทีเมื่อเห็นแววตาของเขา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป