บทที่ 5 ทวงแค้น : 5

"ก็แค่สายตาของครึ่งผีครึ่งคน ท่านแม่จะไปใส่ใจนางทำไม"

เจินเม่ยกล่าวอย่างไม่มีความเคลือบแคลงหรือหวาดระแวงอันใด ร่างสะโอดสะองนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าเนื้อหนา เอื้อมมือหยิบกาน้ำชาเทใส่แก้วก่อนยกขึ้นจิบ

"ก็จริงของเจ้า แม่คงคิดมากไปเอง"

แม้จะพูดปลอบใจตนเอง ทว่าอาการใจหวิวยังคงมีอยู่

"โอ้ยหนวกหู! ไม่รู้จะจัดงานอะไรให้มันเอิกเริกเช่นนี้!"

เจินเม่ยโวยวายเสียงลั่นเมื่อด้านนอกเริ่มจุดประทัดเฉลิมฉลองงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้

"อดทนไว้ก่อนลูกแม่ อีกไม่กี่วันพ่อเจ้าก็กลับค่ายทหารแล้ว ถึงเวลานั้น แม่จะให้เจ้าระบายให้เต็มที่ไปเลย"

มารดานิสัยใจคอเป็นเช่นไร บุตรสาวที่คลอดออกมานิสัยใจคอเลาะร้ายยิ่งกว่าผู้ให้กำเนิดเป็นเท่า เจินเม่ยกรีดยิ้มอย่างร้ายกาจเมื่อนึกถึงวันข้างหน้าที่จะได้ใช้ร่างฟ่างเซียนเซียนรองมือรองเท้าให้หนำใจ

"เช่นนั้นคืนนี้ข้าต้องเล่นบทพี่สาวผู้แสนดีต่อหน้าท่านพ่อใช่หรือไม่เจ้าคะ"

เจินซู่หัวเราะร่วนเมื่อประโยคนั้นช่างถูกคอเสียจริง ไม่เสียแรงที่นางเบ่งคลอดออกมา เวลาใช้แก้แค้นจึงได้สาแก่ใจเช่นนี้

เรือนหลานฮวา

ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่เมื่อวานยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความโศกเศร้าทว่าบัดนี้กลับถูกจัดตกแต่งห้องหับใหม่เพื่อขับไล่ความอัปมงคลก่อนหน้า

เฟิงซูเหยานั่งเหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองในกระจกสำริดเคลือบด้วยทองคำได้พักใหญ่ ๆ

ใบหน้าที่สะท้อนกลับมาช่างสวยสดราวเทพธิดาก็มิปาน ความเรียวรีของดวงตารับกับคิ้วโก่งสวย นัยน์ตาสีรัตติกาล ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่าสัมผัส ขาดแต่ร่างกายนี้ที่นางรู้สึกว่าอ่อนแออยู่หลายส่วนจนไม่กล้าขยับเขยื้อนเพราะกลัวจะแตกหักเอาได้

"อึก!"

จู่ ๆ หัวใจดวงน้อยก็รู้สึกปวดหน่วงขึ้นมาคล้ายถูกมีดแทงลงกลางกล่องดวงใจ

ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยก่อนที่เฟิงซูเหยาจะเหลือเพียงวิญญาณแล้วมาตื่นใหม่ในร่างนี้

"คุณหนูเป็นอันใดเจ้าคะ"

อาถังเห็นอาการผิดปกติของคุณหนูสามจึงเร่งเดินเข้ามาคุกเข่าดูอาการใกล้ ๆ สีหน้าเฟิงซูเหยาในตอนนี้ซีดเผือดริมฝีปากสั่นเพราะกำลังข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้

"ข้าไม่เป็นอะไรแค่เจ็บตรงนี้นิดหน่อย"

เฟิงซูเหยายกมือเชิงไล่สาวรับใช้ออกห่างเพราะนางไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอนี้

"คุณหนูเจ็บหน้าอกอีกแล้วใช่ไหมเจ้าคะ"

ถามออกไปใจก็วูบหวั่นกลัวจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นอีก

"เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าแข็งแรงดี"

แม้ก่อนหน้าเฟิงซูเหยาจะซักถามสาวรับใช้นางนี้ได้ความแล้วว่าร่างกายฟ่างเซียนเซียนอ่อนแอเพราะโรคหัวใจมาแต่กำเนิด ทว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกเมื่อสักครู่มิได้เกิดจากโรคเก่าของเจ้าของร่างกายนี้

มันเจ็บเหมือนตอนที่นางใช้มีดแหลมคมแทงขั้วหัวใจตนเองเพื่อปลิดชีพต่อหน้าคนรักที่หักหลังตนในตอนนั้นมากกว่า

"อึก!"

ยิ่งคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เฟิงซูเหยาต้องมาอยู่ในร่างกายผู้อื่นหัวใจนางยิ่งเจ็บแปลบทวีคูณจนต้องข่มกัดปากได้กลิ่นคาวเลือดเพราะปริแตก

"ข้าตามท่านหมอให้ดีหรือไม่เจ้าคะ"

อาถังร้อนใจปนเป็นห่วงอาการคุณหนูนางเสียเหลือเกิน

"ไม่ต้อง เจ้ารีบเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ข้าเถิด"

อีกไม่กี่เพลาก็จะถึงเวลาเลี้ยงฉลองแล้ว เฟิงซูเหยาไม่อยากเป็นเจ้าของงานที่ทำตัวสายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเจ้าของร่างกายคนก่อน

จากที่ฟังอาถังเล่าคร่าว ๆ เกี่ยวกับคุณหนูสามฟ่างเซียนเซียนแล้วช่างต่างจากนางคนละขั้ว

หากเปรียบเปรยฟ่างเซียนเซียนที่จิตใจอ่อนโยนคงเหมือนเทพธิดาบนแดนสวรรค์ ส่วนตนนั้นเป็นเพียงนางมารน้อยมือเปื้อนเลือดมาอย่างโชกโชน

"คุณหนูปล่อยผมก่อนดีไหมเจ้าคะ"

เฟิงซูเหยามองตนเองผ่านกระจกสำริดตรงหน้าอีกครั้ง ผมที่รวบตึงปล่อยเหมือนหางม้าคือทรงผมที่บุรุษผู้หนึ่งบอกว่าเหมาะกับใบหน้าของนางยิ่งนัก

"ตามใจเจ้าเถิด"

อะไรที่คนผู้นั้นชื่นชม บัดนี้นางจะละทิ้งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตนเองเสีย

เปลี่ยนทุกอย่างยกเว้น....

"เรียนคุณหนูสามนายท่านให้มาตามไปที่งานเลี้ยงเจ้าค่ะ"

เสียงสาวใช้นางหนึ่งดังขึ้นด้านนอก เฟิงซูเหยาพยักหน้าเพื่อปล่อยหน้าที่ตอบคำถามนี้แก่อีกคนจัดการแทน

"อีกหนึ่งเค่อข้าจะพาคุณหนูเข้าไปในงาน ฝากเจ้าช่วยเรียนนายท่านให้ที"

"ทราบแล้ว"

เสียงฝีเท้าสาวใช้นางนั้นไกลออกไปแล้ว เฟิงซูเหยานั่งมองเส้นผมสีดำสนิทปล่อยสยายถึงเอวบางด้วยหัวใจที่ล่องลอย

'ข้าช่วยเจ้าสางผมดีหรือไม่'

'ข้าชอบเจ้ารวบผมเช่นนี้ดูเป็นสตรีอาจหาญเหมาะแก่การอยู่ข้างกายข้า'

ความทรงจำเก่า ๆ พรั่งพรูออกมาให้เจ็บช้ำน้ำใจ ปิ่นปักผมในมือถูกกำจนหักเป็นสองท่อนอย่างไม่รู้ตัว

"คุณหนูบาดเจ็บไหมเจ้าคะ"

อาถังตกใจที่เห็นปิ่นไม้เนื้อดีถูกหักเพียงแค่กำมือเดียว

เหตุใดคุณหนูนางถึงมีเรี่ยวแรงเยอะถึงเพียงนี้

"เสร็จแล้วใช่หรือไม่"

เฟิงซูเหยามิได้สนใจน้ำเสียตกใจปนเป็นห่วงนั้นของสาวใช้นางนี้ นางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปเลือกชุดที่แขวนไว้

"ข้าชอบสีนี้"

สีแดงฉูดฉาดที่ถูกแขวนไว้มานานนมแต่ไม่เคยถูกใช้งานถูกมือแน่งน้อยของเฟิงซูเหยาหยิบมาสวมใส่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป