บทที่ 1 บทนำ
มือบอบบางปาดเหงื่อที่ไหลอาบหน้าขณะยืดกายให้คลายเมื่อยจากการเก็บกวาดสำนักงานแสนรก สลิสารู้ว่าควรรีบไปจากที่นี่แต่ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้จริงๆ ข้าวของระเกะระกะขนาดนี้ไม่รู้ว่าเจ้าของอยู่ไปได้อย่างไร
แกร่ก...
เสียงลูกบิดประตูทำเอาหัวใจของหญิงสาวชาวาบ ไม้กวาดในมือร่วงลงกับพื้นทันทีที่เห็นใครบางคนเปิดเข้ามา
“พ่อเลี้ยง”
น้ำเสียงของเธอสั่นไม่แพ้หัวใจ เหงื่อเริ่มออกตามฝ่ามือ ทุกคนในปางไม้วนาวัลย์รู้ดีว่าสามีเธอไม่ชอบให้เมียชังเข้ามายุ่มย่าม หรือพูดง่ายๆ ไม่ต้องการมีเธออยู่ในชีวิตนั่นเอง
“ทำไมถึงเป็นเธอ”
แววตาและท่าทางหงุดหงิดของเขาแสดงความไม่พอใจหนักหนา ทำไมวันนี้ต้องมาเจอคนที่เกลียดขี้หน้าพร้อมกันถึงสองคนก็ไม่รู้ อนลคิดในใจ
สลิสาเดาว่าเขาคงหงุดหงิดอยู่ก่อนแล้ว เพราะปกติที่อยู่ด้วยกันชายหนุ่มจะทำราวกับว่าไม่เห็นเธออยู่ในสายตา...เป็นเพียงเศษฝุ่นที่ลอยมาในอากาศ
“ไม่มีปากหรือไงวะ”
พฤติกรรมแบบนี้แน่เสียยิ่งกว่าแน่ คนตรงหน้าสุภาพเยือกเย็นกับทุกคนเสมอยกเว้นกับเธอ และมีไม่กี่เรื่องที่ทำให้เขาโมโห นี่ก็เดาได้เลยว่าเป็นเพราะบิดาเธอที่คนงานมักเรียกติดปากว่าพ่อนายสกล แต่อนลไม่ยอมรับเพราะฝ่ายนั้นไม่ใช่พ่อของตนเป็นแค่สามีใหม่ของมารดาเขาเท่านั้น
วันนี้ท่านไปดูงานในโรงไม้ คงจะมีการปะทะฝีปากกันเข้าชายหนุ่มก็เลยเป็นเช่นนี้ เขากับท่านมักจะผิดใจกันบ่อยและสุดท้ายคนที่รับผลกรรมก็คือเธอ
“เอ่อ...”
สลิสาพูดไม่ออกเพราะกลัวจับใจ ไม่ว่านานแค่ไหนภาพแสนโหดร้ายของผู้ชายตรงหน้าก็ยังติดตาและเขาก็ชอบทำย้ำซ้ำๆ ให้เธอช้ำฝังใจ แล้วความตกใจก็ทำให้เผลอไผลร้องออกมาเมื่อชายหนุ่มปราดเข้ามากระชากข้อมือเรียว
“ว้าย!”
เขามองเธอราวกับว่าผู้หญิงคนนี้ก็แค่กิ้งกือไส้เดือน
สลิสาเจ็บและคงไม่อาจห้ามน้ำตา เธอจึงละล่ำละลักพูดออกมาก่อนที่คนตรงหน้าจะโมโหว่า
“พี่กิ่งไม่สบายนายแม่เลยให้ซินมา”
ชายหนุ่มนอนที่สำนักงานมาเกือบเดือนแล้วเพราะงานยุ่งและคงไม่อยากกลับบ้านเป็นทุนเดิม ซึ่งปกติหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำจะเป็นของกิ่งแก้วผู้ช่วยของเขา แต่วันนี้เจ้าหล่อนแพ้ท้องหนักจำต้องพักอยู่บ้าน แม่เลี้ยงอัมรามารดาของเขาเลยส่งสลิสามาแทน
แต่เป็นเพราะเธอเห็นห้องทำงานของเขารกมากจึงยังอยู่ทำความสะอาดต่อไม่รีบกลับไป คาดว่าเขาคงจะเข้ามาช้ากว่านี้ซึ่งเธอคิดผิด
“แล้วเธอก็เสือกมาซะด้วย”
เขาพูดอย่างเยาะหยันแววตาประเมินค่าก่อนจะผลักร่างเล็กจนเซไปชนโต๊ะ
สลิสากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล เขาทำให้เธอกลัวแต่หญิงสาวต้องใจดีสู้เสือและควรชินเสียทีกับเหตุการณ์แบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อเลี้ยงอนลหรือที่เมื่อก่อนเธอเคยเรียกว่าพี่โอมจนติดปากใช้ความรุนแรงกับเธอ
หนึ่งปีที่อยู่กินกันมาไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะดีต่อเธอ ไม่มีแม้สักนาทีที่แววตาคู่นั้นจะมองมาอย่างอ่อนหวาน และคงไม่มีทางที่ลูกชายชู้จะได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของเขา
หญิงสาวแข็งใจก้าวเข้าไปหาปิ่นโตเถาใหญ่ที่ตนหิ้วฝ่าฝนจากบ้านมายังสำนักงานส่วนในปางไม้แห่งนี้แล้วเปิดมันออกมาทีละชั้นพลางพูดนำเสนอแต่ละเมนู
“กับข้าวเย็นนี้มีแกงมัสมั่น ทอดมันปู แกงจืดกับน้ำ-”
“ไม่กิน!” เขาพูดตัดบท
สลิสาชะงักไปชั่วครู่แต่เธอก็พูดต่อ
“แกงจืดกับน้ำพริกอ่องแล้วก็ผักลวก”
“บอกไม่กินไงวะ!”
เป็นอีกครั้งที่อนลปราดเข้ามากระชากร่างเพรียวเล่นเอากับข้าวที่หญิงสาวบรรจงวางลงบนโต๊ะทำงานถึงกับกระฉอก หัวใจของสลิสาเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่นเปลือกตาสวยกะพริบถี่ๆ ไล่น้ำตาแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
“พ่อเลี้ยงต้องกินข้าวนะคะ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”
เพล้ง!
ร่างเพรียวสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ เขาก็กวาดกับข้าวบนโต๊ะออกไปจนกระจายเต็มพื้น สลิสามองหน้าสามีอย่างขลาดกลัว อนลเกลียดเธอมากเธอรู้ แต่ไม่เห็นจะต้องทำกันขนาดนี้
“บอกว่าไม่กินพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงยายบ้า”
เสียงของเขา ท่าทางของเขาทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น ตอนนั้นอนลหยิบทอดมันปูขึ้นมาหนึ่งชิ้น หัวตาคมหรี่ลงนิดหนึ่งอย่างไม่ไว้ใจ
“ใส่ยาพิษลงไปในอาหารพวกนี้หรือเปล่า”
สลิสาส่ายหน้าจนผมกระจายเมื่อถูกเข้าใจผิด
“ซินไม่เคยคิดร้ายกับพ่อเลี้ยงเลยนะ”
“ใครจะรู้ พวกเธอมันงูพิษ เลี้ยงไม่เชื่องแล้วยังมาแว้งกัดอีก”
“ฆ่าพ่อเลี้ยงแล้วซินจะได้อะไร”
ถามเสียงอ่อนด้วยความไม่เข้าใจแต่ราวกับหล่อนขุดหลุมฝังตัวเองเพราะอนลสวนโพล่งในทันทีว่า
“อย่ามาสตอ! คิดว่าถ้าผัวตายแล้วเมียอย่างเธอจะได้อะไรล่ะ?”
หญิงสาวนิ่งอึ้ง
ใช่...เธอมีทะเบียนสมรสอยู่ ถ้าเขาตายไปคนที่จะมีสิทธิ์ในปางไม้วนาวัลย์รองจากมารดาของเขาก็คือเธอ
เพราะแบบนี้สินะพ่อเลี้ยงถึงได้ระแวงเธอนัก
“ซินไม่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ”
“งั้นก็กินให้ดูสิ”
ไม่เพียงพูดเปล่ามือหนาบีบแขนเรียวเสลาแรงขึ้นแล้วยังเอาทอดมันปูชิ้นนั้นมาจ่อปากหญิงสาว
สลิสารีบหันหน้าหนีเสียทันทีใช่ว่ามีพิรุธหรืออะไรแต่เพราะเธอแพ้ทุกอย่างที่ทำจากปูต่างหาก แต่อนลก็ยังไม่เลิกเกรี้ยวกราดโอบรัดไหล่บอบบางแล้วล็อกไม่ให้เธอดิ้นหลุดไปไหน
“กิน!”


































