บทที่ 2 บทที่ 1 ขอแค่สงสาร 1
“ซินไม่กิน”
สลิสาทั้งดิ้นทั้งผลักใสแต่ไม่อาจสู้แรงคนตัวใหญ่
“ทำไมไม่กิน! หรือจะให้ฉันจับยัดปากเธอ”
“อย่าทำกับซินแบบนี้เลยนะ” วอนขอน้ำตาคลอเบ้า
ตั้งแต่จำความได้หญิงสาวก็จำได้ว่าตัวเองแพ้ปูมาตลอด ตอนมัธยมต้นเผลอกินเข้าไปเพราะไม่รู้ว่าแม่ครัวใส่เนื้อปูลงไปในอาหารกลางวันทำให้สลิสาคันทั้งตัวและร้ายแรงถึงขั้นหายใจไม่ออกต้องหามส่งโรงพยาบาล ใช่ว่าอนลจะไม่รู้เพราะเขาเป็นคนอุ้มเธอขึ้นรถพยาบาล
วันนี้ชายหนุ่มคงอยากให้เมียแสนชังอย่างเธอตายไปให้พ้นหน้าเลยบังคับให้เธอกิน ความผิดของเธอก็แค่เพราะว่าเธอเป็นสลิสา
“พ่อเลี้ยงซินขอโทษ”
อนลชะงักมองหน้าเธอตรง ๆ แล้วถาม
“ขอโทษเรื่องอะไร?”
สลิสาไม่อยากตอบเพราะรู้ว่าที่ถามแบบนี้น่ะหาเรื่อง และไม่ว่าคำตอบจะถูกใจหรือไม่เขาก็ไม่ชอบเพราะเขาไม่พอใจคนตอบ
“ฉันถามว่าขอโทษเรื่องอะไร?!”
เสียงของอนลเกรี้ยวกราดขึ้นกว่าเดิม สลิสาน้ำตาไหลริน เธอตอบก็ผิดไม่ตอบก็ยังผิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรหากเป็นเรื่องของสลิสามันคงผิดไปหมดในสายตาพ่อเลี้ยงอนล
“ขอโทษที่เป็นซิน...ฮือๆ”
ราวกับมีเข็มมาทิ่มแทงหัวใจของอนล
ใช่...มันไม่น่าจะเป็นเธอเลยสักนิด
คนที่ควรยืนอยู่ตรงนี้ ควรได้เป็นภรรยาแนบเนาหัวใจของพ่อเลี้ยงปางไม้วนาวัลย์คือพริมา สิทธิรักษ์ ไม่ใช่ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างสลิสา
ความคิดนั้นทำให้ชายหนุ่มผละออกจากร่างเพรียวราวกับเธอเป็นเชื้อโรค นาทีที่เห็นหญิงสาวลูบข้อมือบรรเทาความเจ็บกลับเสียวปลาบเข้ามาในสำนึก
แต่เขากลับไม่รู้สึกอยากขอโทษคนแบบนี้...
สลิสากลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้และไม่ได้ตอบโต้อะไร เมื่อคิดว่าเพลิงอารมณ์ของอนลสงบลงแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้นว่า
“งั้นซินขอตัวก่อน แล้วจะให้เด็กเอากับข้าวมาให้ใหม่”
อนลไม่ได้พูดอะไรเขามองร่างเพรียวระหงก้มลงไปเก็บปิ่นโตขึ้นมาแล้วเห็นเธอเช็ดน้ำตาป้อยๆ ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไหวระริก แก้มป่องน่าหยิกนั่นก็เปียกชุ่มน้ำตา หัวใจของเขามันจึงวูบไหวแปลกๆ ความสงสารผุดพลุ่งในใจอย่างห้ามไม่ได้
เขาทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว เขาโกรธและเกลียดสกลหากรู้ว่าไม่ควรมาลงที่สลิสา ทว่าทุกครั้งที่เห็นหน้าหล่อนซึ่งเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น เขาก็อยากเอาคืนขึ้นมาทุกขณะ แต่พอพลั้งมือพลั้งปากทำเรื่องแย่กับเธออนลก็รู้สึกไม่ดีกับตัวเองเหมือนกัน
บ้าจริง!
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนสาวเท้าเข้าไปหาร่างบอบบางที่ก้มๆ เงยๆ เก็บกวาดสิ่งที่เขาทำเลอะแล้วประคองไหล่บางให้ลุกขึ้น
สลิสาช้อนสายตามองเขา ไม่กล้าแม้แต่จะมองตัดพ้อเพราะหัวใจกำลังอ่อนยวบ ไม่ว่าถูกทำร้ายจิตใจแค่ไหนก็ยังใจอ่อนให้สามี เธอมักเป็นเช่นนี้ร่ำไป
“มานี่ก่อน”
เขาพาเธอมานั่งที่โซฟาด้วยกัน ปลายนิ้วไล้น้ำตาให้อย่างปลอบโยน ดวงตาคมจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มไม่วางวาย
ปากหวานๆ ที่เคยจูบ
แก้มหอมๆ ที่เคยดอมดมวันนี้มาหาถึงที่
แบบนี้จะไม่ให้เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนอดอยากได้อย่างไรในเมื่อความกระหายที่ก่อตัวมาเนิ่นนานกำลังจะปะทุขึ้นมา
นาทีนั้นคนโดนรังแกกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้รู้ว่าเขาตบหัวแล้วลูบหลังแต่ยังดีกว่าให้เขาร้ายใส่ตลอดเวลา
“ซินขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจมาทำให้พ่อเลี้ยงเสียอารมณ์”
แต่ความอ่อนหวานของสลิสาทำให้เขานึกถึงใครบางคน...พริมา...ผู้หญิงที่เกือบจะได้เป็นเจ้าสาวของเขาหากไม่เกิดเรื่องบ้าๆ พวกนี้ขึ้นมาเสียก่อน และแน่นอนว่าคนตรงหน้าเป็นต้นเหตุ
“ฉันไม่มีวันยกโทษให้เธอ เธอรู้ใช่ไหม?”
เสียงของเขากดต่ำราวกับจะย้ำและบีบบังคับอยู่ในที
เจ็บ...สลิสาเจ็บจนเกินจะบรรยายแต่ก็พยักหน้ารับทั้งน้ำตา คำพูดของเขาร้ายยิ่งกว่าคมมีด เธอควรชินกับความใจร้ายเย็นชาของคนเป็นสามีได้เสียที
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ชีวิตของฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้”
เสียงพูดปกติปราศจากความเกรี้ยวกราด แต่แค่นี้ก็ทำร้ายหัวใจของหญิงสาวมากเหลือเกิน เขาตอกย้ำให้เธอรู้ว่าที่เขาเปลี่ยนไปมันเป็นเพราะใคร
สลิสารู้ดี...หากไม่มีเธอกับพ่อ...พี่โอมก็ยังคงเป็นพี่โอมคนเดิม
นับตั้งแต่นายพ่อสกลเข้ามาควบคุมปางไม้แทนนายพ่ออนุพงศ์บิดาของอนลที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเมื่อเจ็ดปีก่อน ชายหนุ่มก็เปลี่ยนจากเดิมเป็นคนละคน
แววตาที่เคยมองเธออย่างเอ็นดูแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง ยิ่งแม่เลี้ยงอัมรามารดาเขาเอาอกเอาใจบิดาเธอและทั้งรักทั้งเอ็นดูเธอจนถึงขั้นบังคับให้แต่งงานกันทั้งที่เขามีผู้หญิงที่รักอยู่แล้ว ทำให้อนลเศร้าหนักจนเกือบจะเสียผู้เสียคน และความชิงชังที่มีก็ยิ่งทวีคูณ
“ซินเข้าใจ”
อนลพอใจที่เธอเข้าใจอะไรง่ายๆ ที่อยู่กันมาได้จนถึงป่านนี้คงเป็นเพราะแบบนี้ด้วยนั่นแหละ
“เมื่อกี้ฉันอารมณ์ร้อนไปหน่อยเธอคงไม่ถือสากันนะ”
ไม่มีทางเสียละที่จะได้ยินคำขอโทษจากปากเขา อนลตั้งปณิธานเอาไว้จะไม่หลุดมันออกไปให้คนพวกนี้ได้ยิน
หญิงสาวรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้มีวิธีขอโทษที่ไม่ต้องเสียแรงพูดอะไร เธอจึงส่ายหน้าแทนคำตอบ อย่างไรก็ตามสลิสาโกรธเขาไม่ลงเพราะความรักมีมากกว่า จะมีก็แต่น้อยใจที่เขาไม่เคยมองเห็นน้ำใจของเธอ
“ถึงฉันจะเกลียดเธอแต่ฉันก็เสียใจที่ทำร้ายเธอนะซิน”
น้ำเสียงและแววตาของเขาปลอบประโลมแต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนจนพาหัวใจอ่อนไหว ในขณะที่คำพูดกรีดแทงหัวใจดวงน้อยจนไม่เหลือชิ้นดี
“ฉันมีปัญหากับพ่อเธอเรื่องที่ดินที่จะทำรีสอร์ทนั่นแหละ”


































