บทที่ 3 บทที่ 1 ขอแค่สงสาร 2
“ฉันมีปัญหากับพ่อเธอเรื่องที่ดินที่จะทำรีสอร์ทนั่นแหละ”
แม้ตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างจะทยอยกลับคืนมาเป็นชื่อตนแล้วแต่มันยังไม่ทั้งหมด โดยเฉพาะที่ดินผืนนั้นที่หมายมั่นจะก่อร่างสร้างเป็นธุรกิจของตัวเอง มันถูกกันออกไปไม่ได้นับรวมกับสิ่งที่เขาต้องได้สิทธิ์ ทั้งที่มันควรเป็นของเขา
“พ่อเธอเหมือนเสือแก่ที่แทบจะไม่มีเขี้ยวเล็บ วันข้างหน้าเขาคงใช้ที่ดินผืนนั้นไว้ต่อรองกับฉัน...ฉันจะรอดูว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกอะไรเอามันไปเป็นของตัวเอง”
อนลไม่ได้หวงสมบัติของตระกูลจนหน้ามืดตามัวหรอก แต่เพราะเขาพบข้อสงสัยหลายอย่าง ทำให้คิดว่ามีบางสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังนายสกลคนนั้น
“ถ้าพ่อจะเอา พ่อคงเอาไปนานแล้วค่ะ” แต่เพราะท่านไม่ใช่คนขี้โลภ ไม่อย่างนั้นตอนนี้อนลคงเหลือแต่ตัวเป็นแน่แท้
“ก็เพราะตอนนั้นมันไม่มีราคาเท่าเดี๋ยวนี้ไง”
สลิสาหมายถึงทั้งหมด...ไม่ใช่แค่ที่ดินผืนนั้น
แต่นี่ก็ยืนยันได้ว่าสุดท้ายอนลก็ยังคิดอย่างคนใจแคบดังเดิม หาเหตุผลทุกอย่างมาอ้างเพื่อให้บิดาเธอดูเลวร้าย และไม่ว่าจะทะเลาะอะไรกันก็ตามหากตอบโต้ท่านไม่ได้ก็มักจะมาลงที่เธอ...
คนตัวบางตัดพ้อในใจก่อนจะยกมือเช็ดน้ำตาที่รินไหลแล้วทำท่าจะลุกออกไป ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่ชินและขี้เกียจจะฟังเสียแล้วมากกว่า
“จะไปไหน?!”
เสียงที่อนลถามแข็งขึ้นเล็กน้อย คงเป็นเพราะเขายังไม่ได้สั่งให้เธอไปกระมัง เอาจริงๆ เขาเป็นคนที่ชินกับการใช้อำนาจมากโขเหมือนกันใบหน้ารื้นเศร้าจึงเบือนกลับไปตอบเจ้าของร่างกำยำ
“ว่าจะกลับน่ะค่ะ”
คำตอบของเธอทำให้อนลมองด้วยแววตาขุ่นใจ คนตัวสูงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปลงกลอนประตู สลิสาชาสันหลังวาบสองเท้าถอยหนีอัตโนมัติ
“ไหนๆ ก็มาแล้ว...จะรีบกลับทำไม”
“กลัวจะค่ำเสียก่อนน่ะค่ะ”
เพราะสำนักงานส่วนตัวแห่งนี้ห่างไกลจากบ้านสุทธกานต์ที่เธอพักอาศัยอยู่พอสมควร เส้นทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้ราวกับเป็นป่าใหญ่ เวลาเย็นๆ แสงอาทิตย์รำไรไม่เพียงพอจะเล็ดลอดผ่านแนวไม้มาให้มองเห็นทาง บอกตามตรงว่าเธอกลัว ถึงแม้จะเป็นเมียเจ้านายแต่ก็ใช่ว่าพวกคนงานจะไม่กล้าทำอะไร
“ก็นอนมันเสียที่นี่”
อนลก้าวเข้ามาประชิดร่างเพรียว เอี้ยวตัวคว้าเอวคอดของภรรยาเอาไว้ได้ก่อนที่หล่อนจะทันได้ขยับหนี
สลิสาก้มหน้างุด หัวใจเต้นแรง อ่อนไหวกับคำเชิญชวนเพราะอนลไม่เคยให้เธอค้างที่สำนักงาน เอาเข้าจริงแล้วที่หลับที่นอนก็ไม่พอสำหรับสองคนหรอก
“นอนไม่ได้หรอกค่ะ โซฟาตัวแค่นั้น”
กับตัวเขาซึ่งตอนนี้หนาและใหญ่ราวกับยักษ์วัดแจ้ง
“งั้นกลับพร้อมกัน”
ใบหน้าเข้มคล้ามแดดโน้มลงมาคลอเคลียร์พวงแก้มนุ่มละมุน ไออุ่นจากลมหายใจพาให้สลิสาร้อนรุ่มไปทั้งตัว
กระนั้นเธอยังไม่อยากตามใจเขา ช่วงนี้สลิสารู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกินทั้งที่ก็ไม่ได้ทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน
“พ่อเลี้ยง...”
สองมือสอดเข้ามาระหว่างอกทั้งสอง
อนลชะงักด้วยความขุ่นใจ ระยะหลังสลิสามักไม่ยอมตามใจเขาเรื่องบนเตียง อ้างเหนื่อยบ้าง ปวดนั่นนี่บ้างจนน่าสงสัยว่าเจ้าหล่อนแอบสวมเขาให้ตนหรือเปล่า
“เธอมีคนอื่นใช่ไหม”
หางเสียงของคนที่พูดทะลุกลางปล้องขึ้นมาเจือกังวานไม่พอใจ สายตาคู่งามช้อนขึ้นมองหน้าคนตัวใหญ่ แววตาเขาราวกับจะฟาดฟันให้เธอแดดิ้น
“ปละ เปล่านะคะ...ซินมีแค่พ่อเลี้ยงคนเดียว”
ครูเคยสอนว่าพูดความจริงไม่ต้องกลัวสิ่งใด แต่ทำไมตอนนี้สลิสากลัวเขาเหลือเกิน
...กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ
มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ปลายคางงามแล้วบังคับให้อยู่นิ่ง นิ้วแกร่งแทบจะทะลุเขามาในกระพุ้งแก้มเสียให้ได้ น้ำตาใสๆ ไม่อาจช่วยให้เขาเห็นใจได้สักนิด
“อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอมันตอแหลเหมือนพ่อ เพราะฉันจะไม่ใจดียอมให้คนสารเลวมันลอยนวล”
ตอนนั้นเองที่ได้รับจูบร้อนแรงราวกับลงทัณฑ์และตอกย้ำว่าใครเป็นเจ้าของสลิสาทั้งตัวและหัวใจ และจูบนี้กำลังจะลุกลามมากยิ่งขึ้นเพราะมือของอนลเริ่มป้วนเปี้ยนอย่างหวังผล คนจนหนทางเลยผลักเขาออกสุดแขน
แววตาไม่พอใจของเขาทำเอาหัวใจของคนตัวบางหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม สลิสาคิดว่าตนควรไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ในขณะที่มองหาทางหนีร่างใหญ่ก็ปราดเข้ามากระชากเธอเข้าไปกอดได้อย่างว่องไว ใบหน้าของสลิสาแนบนาบแผ่นอกกำยำของคนที่สวมเพียงเสื้อกล้ามคู่กับคาร์โก้แพนท์
ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพชายหนุ่มก็หมกมุ่นทำงานในปางไม้จนร่างกายบึกบึนขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ผิวที่เคยขาวละเอียดก็คล้ำเป็นรอยเสื้อกล้าม
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่อาบกายเขาผสมกับกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ยังให้อารมณ์เซ็กซี่ในแบบฉบับของผู้ชายจริงๆ กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนที่บดเบียดกับทรวงอกอวบหยุ่นก็สร้างความรู้สึกเรียกร้องอย่างน่าประหลาด
“พ่อเลี้ยงกลืนน้ำลายตัวเอง” พูดตัดพ้อเสียงเบา
“ใครจะกลืนน้ำลายคนอื่นล่ะ ที่พูดออกมาเนี่ยคิดหรือยัง?”
เขานั่นแหละที่ต้องคิด...
ปากบอกรังเกียจไม่อยากแตะต้องแต่พอมีโอกาสก็จ้องจะเอาเปรียบ แล้วที่เคยพูดๆ มานั่นล่ะ สลิสาไม่ได้พูดสิ่งที่คิดเพราะมันไม่ปลอดภัยต่อตัวเองเท่าไหร่
“ฉันอุตส่าห์หนีมาอยู่ถึงนี่ แต่เธอมาหาฉันเองช่วยไม่ได้ เธอคิดจริงๆ หรือว่าฉันจะปล่อยให้เธอนอนกอดทะเบียนสมรสสบายๆ...ใดๆ ในโลกย่อมต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน”
“ปล่อย...”
“อย่าดีดให้มาก รู้ใช่ไหมว่าจะเจออะไร”
