บทที่ 4 บทที่ 1 ขอแค่สงสาร 3
“อย่าดีดให้มาก รู้ใช่ไหมว่าจะเจออะไร”
ทำไมเธอจะไม่รู้ ในคืนวันที่จดทะเบียนสมรสนั่นอย่างไร...
ประสบการณ์ครั้งแรกแสนเลวร้ายที่ผู้ชายคนนี้มอบให้เธอ ร่างกายของเธอคล้ายกับจะแตกละเอียดอยู่ใต้ร่างของเขา อนลทั้งบดเบียดและกดกระแทกไม่ออมแรง
คืนนั้นสลิสาทั้งกลัวและเจ็บปวด...ปวดกายไม่เท่าไหร่แต่ปวดใจนั้นร้ายกว่า คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีแม้จะไม่ได้จัดงานแต่งงานกันได้กระทำการหักหาญน้ำใจเธออย่างไม่ปรานี พอรุ่งเช้าเขายังเชือดเฉือนหัวใจดวงนี้ด้วยคำพูดที่ว่า
‘อย่าปล่อยให้ท้องแล้วกัน ฉันทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นพวกเธอขยายพันธุ์มาครอบครองบ้านฉัน’
“พ่อเลี้ยงเคยบอกซินว่ายังไงจำไม่ได้แล้วหรือคะ?”
เธอร้องถามเสียงสั่น อนลจำวันนั้นได้
เมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อนซึ่งเขายังนอนร่วมห้องกับเธออยู่ สลิสาทำตัวน่ารักมาตลอดแม้เขาจะไม่เคยทะนุถนอมเธอเลยก็ตามแต่วันนั้นหญิงสาวปฏิเสธที่จะให้เขารัก ประจำเดือนมาก็ยังไม่ใช่ทำให้เขาหงุดหงิด
‘เออ! ไม่ให้ก็ไม่ให้ จะเก็บไว้ให้ไอ้ควายที่ไหนเอาก็เชิญ ต่อไปนี้ฉันจะไม่แตะต้องตัวเธออีก คิดว่าฉันพิศวาสเธอตายละ สกปรก!’
สลิสาก็จำได้...แค่เธอเหนื่อยจากการรับมือเขาติดต่อกันหลายคืนแต่อนลกลับไม่เห็นใจซ้ำยังกล่าวหาเธอแบบนั้น แค่คิดก็เรียกน้ำตาให้หญิงสาวได้แล้ว
“เรื่องของวันนั้นไม่เกี่ยวกับตอนนี้”
“...” ปากสวยสั่นระริกและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เธอมักจะไล่ไม่ทันเขาเสมอนั่นแหละ
“ฉันชอบปากเธอนะ”
สายตาคมพิศมองเรียวปากเอิบอิ่มแต่ได้รูปของคนตรงหน้าที่ราวกับว่าไปฉีดฟิลเลอร์ตามดาราต่างประเทศมาแต่ไม่ใช่ เพราะนี่คือของแท้แม่ให้มาและช่างเซ็กซี่เย้ายวนใจคนมองเสียเหลือเกิน
“ดะ...เดี๋ยวค่ะ”
อนลไม่ฟังคำทัดทาน เขาเชยคางงามมนขึ้นมาแรงๆ สายตาดุดันคู่นั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้าแล้วบดจูบลงมา ความวาบหวามเล่นงานสลิสาจนแข้งขาอ่อนแรง
แล้วจูบอ่อนหวานก็กลายเป็นกักขฬะเอาแต่ใจยิ่งเธอพยายามดิ้นรนเท่าไรแรงชายก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น พอคลายจูบเขาจึงได้เห็นเจ้าของใบหน้าสวยน้ำตาไหลพราก
“ร้องทำไม มากกว่านี้ฉันก็ทำมาแล้ว”
เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจ เพียงแค่ไม่เข้าใจว่าเขาจะอ่อนหวานสักนิดไม่ได้เลยหรือไร เธอไม่ใช่ตุ๊กตายางที่จะได้ไม่รู้สึกรู้สา
เธอเจ็บ...เขาเคยเห็นใจกันบ้างหรือเปล่า
“พ่อเลี้ยงอย่าทำซินเลยนะ”
ทุกค่ำคืนที่เกี่ยวพันกันลึกซึ้งสลิสารู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์เท่านั้น พอเสร็จสมเขาก็ผละออกไม่ได้สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด
อนลผละออกจากร่างสวยแล้วมองด้วยแววตามากเล่ห์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าก่อนจะยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า
“จะยอมดีๆ หรือจะให้บังคับ”
หญิงสาวสะอื้นไห้ ใครก็ไม่อยากถูกบังคับเลยจำต้องยอมอยู่นิ่งๆ ให้เขาแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีหวานออกทีละเม็ด อนลจะรู้หรือเปล่าหนอว่าทำแบบนี้ก็ไม่ต่างจากบังคับจิตใจ
แต่เขาคงไม่รู้เพราะใช้ไม้นี้มาหลายครั้งหลายหน สลิสาทนไม่ได้แต่ก็ต้องทนต่อไป หนูตัวเล็กๆ อย่างเธอจะเอาพละกำลังที่ไหนไปสู้ราชสีห์
“ฮึก! พ่อเลี้ยง...”
มือบางรั้งมือใหญ่เอาไว้ในจังหวะที่เขากำลังจะเลื่อนสายบราลงจากไหล่สวย
“อ่อนโยนกับซินบ้างได้ไหมคะ” เธอร้องขอทั้งน้ำตา
ความเงียบคือคำตอบเพราะอนลไม่เคยตามใจคนตรงหน้า ถ้าเธอไม่ต้องการอะไรเขาจะทำและถ้าเธอต้องการสิ่งไหนอย่าคิดว่าเขาจะให้
...มันเป็นความสะใจและสุขใจเล็กๆ ที่ได้เอาคืนไอ้ชายชู้คนนั้น
“จูบซินอีกได้ไหมคะ”
ลึกๆ แล้วเธอชอบจูบของเขา แต่ถ้าหากว่าจะไม่ได้ความอ่อนโยนจากอนลจริงๆ ขอแค่จูบเดียวก็สุขจนล้นใจ
“เมื่อกี้ก็จูบไปแล้ว”
ชักจะรำคาญยายคนนี้ขึ้นมาซะแล้ว นอนด้วยกันมาตั้งกี่ครั้งกี่หนยังไม่ชินอีกหรือ เจ้าหล่อนทำราวกับเป็นสาวน้อยที่กำลังจะเสียความบริสุทธิ์ทุกครั้งไป หรือแบบนี้เองที่คนโบราณเรียกว่ามารยาสาไถย
เหอะ! อย่าหวังเลยว่าสลิสาจะใช้ไม้นี้กับเขาได้
ชายหนุ่มไม่ไยดี เขาดึงมือเธอออกแล้วจัดการกับบราตัวนั้นเสียโดยเร็ว ทรวงอกเต่งตึงกลมกลึงท้าสายตาเรียกเสียงคำรามแหบพร่าของอนลได้เป็นอย่างดี
นาทีนั้นตัวตนของเขาดีดผึงอย่างพรักพร้อมอยู่ใต้กางเกงเพราะห่างหายจากกายสาวมานานเหลือเกิน
“ถอดกระโปรงของเธอออกสิ”
ถึงตอนนี้สลิสารู้แล้วว่าหากไม่ใช่ผู้หญิงที่เขารักหมดใจแล้วเธอจึงไม่คู่ควรกับความอบอุ่นและอ่อนโยนของเขา และคนอย่างสลิสาหรือจะกล้าขัดใจอนลในเวลาแบบนี้...
เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางหนี หากไม่ทำตัวดีๆ คงได้สลบคาอกเขาอีกแน่ๆ
หญิงสาวค่อยๆ ถอดกระโปรงของตัวเองออกแล้วอนลก็เขี่ยมันให้พ้นตา ก่อนร่างหนาจะก้าวเข้ามาประชิดพร้อมกับสั่งอีก
“กอดฉัน”
หญิงสาวกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้แล้ววาดสองแขนกอดรอบลำคำหนาใหญ่ ใบหน้าจึงอยู่ใกล้เขาเพียงแค่คืบ
“ซินจูบพ่อเลี้ยงได้ไหม”
ถามออกไปทั้งน้ำตาที่ไหลพราก บางทีจูบอ่อนหวานอาจทำให้เขาปรานีเธอมากกว่าที่เป็นก็ได้
แต่ไม่เลย!
ยิ่งร้องขอเท่าไหร่กลับได้รับความร้ายกาจตอบแทนมามากเท่านั้น มือของเขาตะปบท้ายทอยของเธอ ออกแรงขยุ้มเบาๆ แล้วบังคับให้ใบหน้าสวยแหงนขึ้น
“เสียเวลา”
