บทที่ 4 บทที่ 4
คำถามมากมายผุดพรายขึ้นมาในสมอง ขณะแอบจับจ้องมองคนพูด ลักษณะของเขาเหมือนพวกเจ้าพ่อมาเฟียที่ต้องมีเหล่าบรรดาลูกน้องคอยติดตามเป็นสิบๆ ในยามที่เดินทางไปไหนมาไหน ซึ่งจากประสบการณ์การดูหนังแอ็คชั่นมามากพอสมควร ทำให้สาวน้อยรู้ดีว่าคนพวกนั้นล้วนแต่มีปืนเป็นอาวุธและพร้อมจะตายแทนเจ้านายได้เสมอ
“ครับขอบคุณครับท่าน”
ชญาดามัวแต่ครุ่นคิดจนลืมระวังตัว เมื่อแมทธิวพูดประโยคสุดท้ายจบและหันขวับมายังเธอ สาวน้อยจึงแสร้งทำเป็นหลับไม่ทัน
“นี่เธอแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์เหรอ?” เสียงห้วนๆ ถามอย่างหงุดหงิด
“ไม่ได้แอบ แต่ตั้งใจฟัง ถ้าไม่อยากให้ได้ยินทำไมไม่ไปคุยที่อื่นล่ะ”
“ตื่นมาก็ปากดีเลย ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอ เตรียมตัวลงจากเครื่องซะ” คนแก่บ้าตัณหาของชญาดาออกคำสั่งกับเธอด้วยเสียงห้วนดุเช่นเดิม
“นี่เครื่องลงจอดแล้วเหรอ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน” สาวน้อยถามกลับเสียงห้วนบ้างเช่นกัน
“มอสโก”
“มอสโก! รัสเซีย! นี่คุณลักพาตัวฉันมาไกลขนาดนี้เลยเหรอ”
เสียงหวานใสอุทานขึ้น ทั้งตกใจที่มาอยู่ต่างแผ่นดินซึ่งไกลจากสหรัฐอเมริกาคนละทวีป และตกใจว่าตัวเองหลับไปนานขนาดนั้นเชียวหรือ
“ใครจะอยากทำแบบนั้นกันล่ะ แต่เธอมันหาเรื่องใส่ตัวเองก็ช่วยไม่ได้ ลุกขึ้นแล้วลงจากเครื่องซะ” แมทธิวสั่งเสียงห้วนอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดไม่สร่างซา
“ไม่ลงหรอก ขืนลงฉันก็ต้องถูกจับข้อหาลักลอบเข้าเมืองสิ”
ชญาดาส่ายหน้าดิก ร่างอรชรยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ทำเอาชายหนุ่มต้องระบายลมหายใจออกมาฟืดใหญ่
“เรื่องนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้ว... ฉันไม่ยอมให้เธอถูกจับง่ายๆ หรอก ถ้าตราบใดที่ฉันยังสั่งสอนเด็กแสบอย่างเธอให้เข็ดหลาบไม่ได้”
ชญาดาเพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เอกสารประจำตัวเธอที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายไปอยู่ในมือของเขาแล้ว แสดงว่าเขาแอบมาค้นตอนที่เธอหลับอยู่เป็นแน่! นี่เธอหลับลึกจนไม่รู้ร้อนรู้หนาวขนาดนี้เลยหรือ
“นี่คุณแอบค้นกระเป๋าฉันเหรอ แล้วคุณทำอะไรฉันหรือเปล่า”
ถามเสร็จแก้มนวลก็ร้อนผ่าว เกรงว่าจะถูกทำมิดีมิร้ายในตอนที่ตัวเองไม่ได้สติ
“พูดอะไรบ้าๆ สารรูปอย่างเธอ ใครจะทำลง”
แมทธิวพูดหยันๆ เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่า เขาเผลอจ้องมองใบหน้าเนียนใสตอนที่ยัยเด็กแสบหลับอยู่นานสองนานเหมือน กัน
“ก็ดี...เพราะฉันยังไม่อยากทำบุญล้างซวย”
“ปากอย่างนี้มันน่าเอาน้ำยาล้างห้องน้ำกลั้วนัก”
“ลองดูสิ ฉันสู้แค่ตาย อย่าหวังว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ”
“ก็ให้มันรู้ไปว่าฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้”
วาจายอกย้อนแสบสันที่ต่อปากต่อคำอย่างไม่ลดละและอวดดีของชญาดา ทำให้แมทธิวถึงกับฟิวส์ขาด ลำขาแข็งแรงก้าวยาวๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเด็กปากเก่ง
ท่าทีคุกคามนั้นทำให้ชญาดาลุกพรวดพราดขึ้น ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพื่อตั้งรับ ทว่าดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเต็มประตู เพราะด้านหลังคือเบาะตัวใหญ่ที่กีดขวางการหลบหลีก
“อย่าเข้ามานะ ฉันสู้ตายจริงๆ ด้วย” ชญาดาตั้งการ์ดพลางขู่ฟ่อทั้งๆ ที่ตัวเองเสียเปรียบทั้งรูปร่างและทางหนีทีไล่อยู่แท้ๆ
“งั้นก็เตรียมตัวตายได้เลย”
ว่าแล้วเขาก็จู่โจมอย่างรวดเร็ว ชญาดาสวนหมัดออกไป แต่แมทธิวเอี้ยวตัวหลบได้สบายๆ ทำให้สาวน้อยเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ จากนั้นวงแขนแข็งแรงก็ตวัดเอาร่างเล็กยกลอยขึ้น ก่อนจะทุ่มลงไปบนเบาะตัวยาวคล้ายโซฟา โดยมีร่างใหญ่ตามลงมาทับและรวบแขนของชญาดาตรึงไว้เหนือศีรษะ ทำให้เธอถูกกักขังอยู่ภายใต้น้ำหนักตัวของเขาจนกระดิกตัวไม่ได้ แต่กระนั้นเรียวปากอิ่มก็ยังใช้งานได้อยู่
“ปล่อยฉันนะไอ้เศรษฐีบ้าตัณหา!”
“เก่งนักก็ดิ้นให้หลุดสิ...ไหนเมื่อกี้บอกว่าจะสู้ตายไม่ใช่หรือไง” คนได้เปรียบยิ้มหยันขณะมองหน้าเนียนใสที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงก่ำ
“แน่จริงก็ปล่อยฉันสิ ฉันจะฆ่าคุณให้ดู!”
สาวน้อยตะโกนใส่หน้าหล่อๆ ของเขา หอบหายใจแรงจนอกอวบอิ่มกระเพื่อมขึ้นลง เพราะโกรธที่ถูกจับตรึงจนสิ้นท่า
“เธอรู้ไหมว่าคนสุดท้ายที่ขู่จะฆ่าฉันตอนนี้เป็นยังไง”
เขาไม่ถามเปล่าแต่โน้มใบหน้าลงไปใกล้จนปากห่างกับปากของสาวน้อยแค่ปลายนิ้วกั้น ชญาดาตกใจวาบ รีบเบนหน้าหนีอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าเขากำลังจะทาบปากลงมา
“ไม่รู้โว้ย อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!” เสียงหวานใสแว้ดลั่นพลางหลับตาปี๋ เพราะกลัวว่าจะถูกแมทธิวปล้นจูบเอาจริงๆ
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม แล้วก้มลงใกล้กว่าเดิมเมื่อเห็นว่าชญาดาทำท่ากลัวลนลาน
“คนบ้าตัณหาอย่างคุณจะทำอะไรได้นอกจากจูบและข่มขืนฉัน” คนเสียเปรียบโต้กลับทั้งที่ยังหลับตาปี๋ และก็ต้องเจ็บใจมาก กว่าเดิมเมื่อเขาหัวเราะคล้ายกับขบขันเธอเสียเต็มประดา
“หลงตัวเองมากไปแล้วมั้ง เรื่องจูบและข่มขืนเธอไม่เคยอยู่ในสมองของฉันแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าให้หักคอทิ้งก็ว่าไปอย่าง”
“ไอ้!”
ชญาดากำลังจะอ้าปากด่าเพราะอับอายจากคำพูดหยามหยันของเขา แต่ถูกขู่กรรโชกเสียงห้วน
“ถ้าไม่อยากถูกหักคอก็หุบปากซะ ฉันเสียเวลากับเธอมามาก แล้ว”
แมทธิวคลายมือออกแล้วลุกขึ้นจากการทาบทับร่างเล็ก ทำให้ชญาดาค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย แต่เพียงครู่เดียว เสียงหวานก็ต้องร้องวี้ดพร้อมทั้งระดมกำปั้นรัวทุบใส่หน้าอกแกร่งไม่ยั้งเมื่อเขาอุ้มร่างของเธอลอยหวือขึ้น แต่ร่างใหญ่ไม่ได้สะทกสะท้านสักนิด กำปั้นเล็กๆ ของเธอไม่ได้ทำให้เขาเจ็บมากไปกว่าถูกมดกัดด้วยซ้ำ
ทันทีที่เจ้านายใหญ่ก้าวลงไปจากเครื่องบิน สายตาของลูกน้องนับสิบก็มองตามตาแทบไม่กะพริบ เพราะภาพตอนเจ้านายพาสาวน้อยขึ้นกับลงเครื่องบินช่างเหมือนกันราวกับเป็นหนังเรื่องเดียวกันที่ถูกฉายซ้ำอีกรอบ ทว่าทุกคนก็ทำได้แค่มอง เพราะเมื่อร่างสูงสง่าก้าวตรงไปยังรถลีมูซีนซึ่งจอดรออยู่ พวกเขาก็ขยับตามไปอารักขาตามหน้าที่ทันที






























































































