บทที่ 7 บทที่ 7
ชญาดาเพียงแต่พยักหน้า และไม่ได้เอ่ยขอบคุณเขาแต่อย่างใด ไม่ใช่ว่าลืม...แต่ตั้งใจที่จะไม่พูด เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอ ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ มันจึงต้องเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องรับผิดชอบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ด้วย แต่มันดูผิดปกติไปหรือเปล่าที่เขาบอกว่าจะให้แม่บ้านมาเอาเสื้อผ้าของเธอไปซักด้วยท่าทางที่เป็นปกติ โดยไม่ได้พูดจาเหน็บแนมหรือยอกย้อนให้เธอเจ็บใจเหมือนเช่นทุกครั้ง หรือว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” สาวน้อยถามในสิ่งที่ตัวเองกำลังแคลงใจทันที
“ไหนเมื่อกี้นี้บอกว่าไม่อยากรู้”
“ก็ไม่ได้อยากรู้ว่าคุณจะไปไหน แค่อยากรู้ว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ เผื่อคุณมาทำอะไรไม่ดี ฉันไม่พลอยซวยไปด้วยเหรอ”
“เพื่อความสบายใจของเธอ ฉันชื่อแมทธิว ไครซ์ตัน มีโรงงานผลิตอาวุธสงครามอยู่ที่นี่ และที่มารัสเซียก็เพื่อเจรจาธุรกิจ เธอมีอะไรสงสัยอีกหรือเปล่า”
คำตอบของเขาทำให้เธอค่อนข้างคลายใจ อย่างน้อยเขาก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ แม้ธุรกิจของเขาจะดูไม่ค่อยถูกต้องตามศีลธรรมสักเท่าไหร่ แต่เขาก็คงไม่กล้าทำอะไรไม่ดีในแผ่นดินรัสเซียกระมัง
“ไม่มี” เธอตอบห้วนๆ
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดพูดจานุ่มนวลกับผู้ใหญ่ได้ไหม พูดจากระโชกโฮกฮากแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” เขาตำหนิตรงๆ เมื่อเสียงหวานใสนั้นห้วนจัดจนรู้สึกขัดใจ นึกอยากลองฟังน้ำเสียงนุ่มนวลของเธอขึ้นมาเอาดื้อๆ นี่เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกวะ!
“คุณนี่เหรอผู้ใหญ่?” ชญาดาย้อนเสียงสูงขณะมองหน้าคนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่อย่างยียวน
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันแก่กว่าเธออย่างน้อยก็เป็นรอบ”
“ฉันขอยืนยันว่าคุณไม่ใช่ผู้ใหญ่ในสายตาฉัน เพราะถึงคุณจะแก่แล้ว แต่ก็เป็นพวกผู้ชายแก่บ้าตัณหาและยังชอบยุ่งกับเมียชาวบ้านด้วย แถมอาชีพของคุณที่ฉันเพิ่งได้รู้ ทำให้ฉันมั่นใจยิ่งขึ้นว่าคุณน่ะเลวครบเครื่อง”
อารมณ์ที่ถูกกวนจนเคืองขุ่นทำให้สาวน้อยหลุดปากพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดทันที พร้อมกันนั้นก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเขามากกว่าเดิม เมื่อความทรงจำครั้งเก่าย้อนเข้ามาในสมอง ครั้งแรกที่ได้พบกัน...เธอเห็นเขาควงรดาดาวซึ่งเป็นภรรยาของเอเดน ครั้งที่สองเขาก็ควงเมียชาวบ้านทั้งที่ผู้หญิงยังเป็นแม่ลูกอ่อน จนมีเรื่องชกต่อยกับสามีของผู้หญิงคนนั้นถึงขนาดเลือดตกยางออก แถมอาชีพพ่อค้าความตายของเขา มันก็เป็นอาชีพของคนบาปชัดๆ
“ยัยเด็กปากจัด!”
แมทธิวหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห ก้าวพรวดไปหาเด็กปากจัด แต่สาวน้อยซึ่งตั้งรับอยู่แล้วไวกว่า รีบผลักประตูห้องเข้าไปหลบอยู่ข้างในแบบทันท่วงที แล้วจัดการล็อกอย่างแน่นหนา
“เปิดเดี๋ยวนี้นะยัยเด็กแสบ!” มือใหญ่เคาะประตูปังๆ พลางเรียก
“ไม่! เรื่องอะไรจะเปิดให้คุณเข้ามาหักคอฉันล่ะ!” เธอตะโกนตอบออกมา
“ฝากไว้ก่อนเถอะแม่ตัวแสบ ฉันเอาคืนเธอแน่”
พ่อค้าความตายได้แต่คาดโทษและกลอกตาอย่างหัวเสีย หากจะพังประตูเข้าไปจัดการสั่งสอนเด็กปากจัดนั่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาเล่นเจ้าล่อเอาเถิดกับเจ้าหล่อน เพราะใกล้เวลานัดกับบุคคลสำคัญที่จะเจรจาธุรกิจกันแล้ว
ชญาดาถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้องกว้างนั้นเพียงลำพังหลังจากแมทธิวออกไปข้างนอก จนกระทั่งค่ำก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาแต่อย่างใด ช่วงที่เขาไม่อยู่มีแม่บ้านชาวรัสเซียมาเอาเสื้อผ้าของเธอไปซักรวมถึงมาทำอาหารเตรียมไว้ให้ โชคยังดีที่แม่บ้านพูดภาษาอังกฤษได้บ้างจึงสื่อสารกันรู้เรื่อง...
สาวน้อยคลานขึ้นเตียงอย่างเบื่อๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งก็เป็นเสื้อผ้าของเขาอีกนั่นแหละ ถึงแม้เสื้อผ้าของเธอจะซักจนแห้งแล้ว แต่มันก็ไม่เหมาะที่จะใส่นอนสักเท่าไหร่
ร่างบางที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงกว้างต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยเสียงหัวร่อต่อกระซิกของชายหญิงที่ดังอยู่หน้าห้อง จากนั้นก็มีเสียงเปิดและปิดประตู ชญาดาจึงรู้ในทันทีว่าแมทธิวกลับมาแล้วและไม่ได้กลับมาคนเดียวแต่หิ้วผู้หญิงกลับมาด้วย จมูกโด่งเรียวรั้นย่นเล็กน้อยพลางก่นด่าปอดแปดเขาในใจ
‘ผู้ชายแก่บ้าตัณหา’
มันผิดจากที่เธอพูดเสียที่ไหน เขามันพวกผู้ชายบ้าเซ็กซ์ ขาดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ แต่ก็ช่างเถอะ มันเรื่องของเขานี่ ไม่ใช่เรื่องของเธอเสียหน่อย จะต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจทำไม เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ล้มตัวลงนอนต่อ แต่ทว่า...
“โอ้ววว มายก็อด เยส เยส เยส”
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
เสียงครางกระเส่าเผ็ดร้อนของหญิงสาวดังขึ้นจากห้องข้างๆ พร้อมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดั่งสนั่นท่ามกลางความเงียบเชียบ สาวน้อยหน้าแดงก่ำ แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่า แต่ก็พอจินตนาการออกว่ามันเกิดจากการโยกกระแทกที่รุนแรงดุเดือดมากแค่ไหน
บ้า! เขาต้องบ้าและโรคจิตกว่าที่เธอคิดแน่ๆ รู้ทั้งรู้ว่าเธอนอนอยู่ห้องข้างๆ ยังจะทำอะไรกันเสียงดังโฉ่งฉ่างอวดชาวบ้าน หรือว่าเขาเป็นพวกชอบโชว์
‘แล้วฉันจะแสดงให้เธอดูว่าตัณหาของฉันน่ะมันเร้าใจขนาดไหน’
คำพูดของเขาที่เคยพูดแว่วดังเข้ามาในหูพร้อมๆ กับเสียงแสดงหนังสด ทำให้ชญาดาต้องหยิบหมอนอีกใบขึ้นมาปิดหู แต่ก็ยังมีเสียงเล็ดลอดเข้ามากระทบโสตประสาทอยู่เรื่อยๆ จวบจนกระทั่งเกือบรุ่งสางเสียงนั้นจึงเงียบสงบลง และตอนนั้นเองสาวน้อยถึงข่มตาหลับได้






























































































