บทที่ 1 ฉันแต่งงาน!

“ผู้ต้องขังหมายเลข 1107 ญาติมาขอเยี่ยม!”

มีเพียงกระจกนิรภัยหนากั้นกลาง

ลลิตาในชุดนักโทษสีส้มมองแม่ที่อยู่อีกฟากหนึ่ง

ตลอดห้าปีในเรือนจำ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้พบหน้ากัน

ชญานีกำหูโทรศัพท์ไว้แน่น มองลูกสาวด้วยแววตาตื้นตัน

“ลิตา หลายปีมานี้อยู่ในคุกเป็นยังไงบ้างลูก?”

แววตาเย็นชาฉายวาบบนใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของลลิตา ดวงตาของเธอเรียบเฉย “มีธุระอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะค่ะ”

คำตอบที่เย็นชาและห่างเหินทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของชญานีแข็งค้างไป

เธอพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา “แม่รู้ว่าหลายปีมานี้ลูกโกรธที่แม่ไม่เคยมาเยี่ยม แต่แม่ปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ ครั้งนี้แม่มาเพื่อจะบอกว่า...คุณย่าของลูกป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล”

ลลิตาขมวดคิ้วมุ่นทันที รีบถามกลับไปว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ ปกติคุณย่าก็แข็งแรงดีมาตลอดไม่ใช่เหรอคะ”

ชญานีถอนหายใจยาว “คุณย่าอายุมากแล้ว เมื่อสองวันก่อนหมอก็แจ้งว่าอาการอยู่ในขั้นวิกฤต ความปรารถนาสูงสุดของท่านคือการได้เห็นลูกแต่งงาน แม่ได้เลือกคู่ครองที่เหมาะสมไว้ให้ลูกแล้ว...คือคนของตระกูลกิตติเจริญ”

เธอมองลลิตาเขม็ง “แม่ได้คุยเรื่องของลูกกับตระกูลกิตติเจริญไว้แล้ว พวกเขาไม่ถือสาเรื่องที่ลูกเคยติดคุก พอออกจากคุก ลูกก็จะได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านนั้นอย่างสง่างาม”

หากเป็นคนนอกที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลัง เมื่อได้ยินบทสนทนานี้ คงคิดว่าเป็นคุณแม่ที่เหนื่อยยากและคอยใส่ใจ วางแผนอนาคตให้ลูกสาวที่หลงผิดและกำลังจะกลับตัวกลับใจ

แต่ลลิตากลับฉีกกระชากคำโกหกของอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล

สีหน้าของเธอเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“ที่คุณแม่พูดถึง คงไม่ใช่คุณวัชรพลที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนโคม่ามาเป็นเดือนหรอกใช่ไหมคะ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของชญานีแข็งค้างไปชั่วขณะ

ลลิตาดูเหมือนจะอ่านความคิดของเธอออก มุมปากที่ยกขึ้นเต็มไปด้วยไอเย็น

“ตอนนี้เขาถูกหมอวินิจฉัยแล้วว่าจะเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต เขายังมีลูกชายที่เป็นโรคสมาธิสั้นอีกคน คนตระกูลกิตติเจริญต้องการหาคนมาแต่งงานเพื่อแก้เคล็ด เลยเลือกผู้หญิงจากตระกูลเล็กๆ ไปแต่งด้วย”

ชญานีเอ่ยปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ลูกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง...”

ทั้งๆ ที่ลลิตาอยู่ในคุก แต่กลับรับรู้ข่าวสารภายนอกได้ตลอดเวลา

ทันทีที่พูดจบ ชญานีก็รีบกลบเกลื่อน

เธอฝืนพูดต่อไป

“ลิตา ด้วยสภาพของลูกในตอนนี้ นอกจากตระกูลกิตติเจริญแล้ว ยังจะมีใครยอมรับลูกอีก นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่แม่จะหาให้ลูกได้แล้วนะ”

ลลิตาตอบอย่างไม่ลังเล “หนูไม่ต้องการค่ะ คุณย่าก็คงไม่อยากเห็นหนูแต่งงานไปเป็นแม่เลี้ยงให้ใคร”

เมื่อถูกปฏิเสธถึงสองครั้ง ชญานีก็เริ่มโกรธจนอาย

“ตอนนี้แกเป็นนักโทษที่เคยติดคุกมาก่อนนะ ยังจะหวังหาคู่แต่งงานดีๆ ได้อีกเหรอ ต่อให้หน้าตาสวยแค่ไหน ก็ลบล้างมลทินบนตัวแกไม่ได้หรอก”

ลลิตากำโทรศัพท์ในมือแน่นขึ้นอย่างเงียบๆ

“ที่หนูต้องติดคุกห้าปี ก็เพื่อรับผิดแทนลูกชายของแม่ไงคะ!”

เมื่อห้าปีก่อน น้องชายของเธอพลั้งมือฆ่าคนตาย

ตอนนั้นเมื่อคุณย่าได้ยินเรื่องนี้ ก็ตกใจจนถูกส่งเข้าห้องไอซียู

ชญานีใช้เรื่องค่าผ่าตัดของคุณย่ามาเป็นข้ออ้าง บีบบังคับให้เธอไปรับผิดแทนน้องชาย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาในตระกูลโชติพันธ์ คุณย่าเป็นคนเดียวที่รักและดีกับเธอ

สุดท้ายเพราะความจำใจ ลลิตาจึงต้องยอมรับผิดแทน

ปีที่เธอเข้าคุก เธออายุ 22 ปี เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย อยู่ในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของชีวิต แต่กลับต้องมาจมปลักอยู่ในคุกที่มืดมิดไร้แสงตะวันถึงห้าปี

สีหน้าของชญานีบูดบึ้งอย่างถึงที่สุด

ลลิตาแค่นเสียงหัวเราะเยาะ จ้องมองเธอ

“อย่าคิดว่าหนูไม่รู้ว่าแม่มีแผนอะไร แม่ต้องการผลประโยชน์จากตระกูลกิตติเจริญ เลยใช้หนูเป็นหมากอีกครั้ง”

ตั้งแต่เล็กจนโต ลลิตารู้มาตลอดว่าชญานีไม่ชอบเธอ แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอพยายามเอาใจอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังเสมอ

เธอยังคงเชื่อมั่นเสมอว่าไม่มีแม่คนไหนเกลียดลูกของตัวเองได้ คงเป็นเพราะเธอทำอะไรไม่ดีพอ

แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ชญานีจะไม่เคยมีความรักความเมตตาแบบแม่ต่อเธอเลยแม้แต่น้อย

ตั้งแต่ตอนที่ชญานีใช้ค่าผ่าตัดของคุณย่ามาข่มขู่ให้เธอรับผิดแทน ลลิตาก็หมดหวังโดยสิ้นเชิง

บางครั้งเธอก็สงสัยว่าตัวเองเป็นลูกแท้ๆ ของชญานีหรือเปล่า

เพราะท่าทีที่ชญานีปฏิบัติต่อเธอกับน้องสาวอย่างกานดานั้น ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!

ลลิตาได้ฉีกกระชากม่านบังหน้าชิ้นสุดท้ายระหว่างคนทั้งสองออก

ชญานีไม่สามารถเก็บซ่อนอารมณ์บนใบหน้าได้อีกต่อไป ใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับพูดว่า

“ไม่ว่าแกจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เรื่องที่คุณย่าของแกอยู่ไอซียูเป็นเรื่องจริง! แล้วอีกอย่าง แกอยู่ในคุกมานานขนาดนี้ ไม่อยากรู้เหรอว่าลูกสองคนของแกอยู่ที่ไหน”

ในประโยคหลัง ดูเหมือนชญานีจะกลับมาคุมเกมได้อีกครั้ง

และมันก็จี้ถูกจุดตายของลลิตาทันที

ม่านตาของเธอหดเล็กลง อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “ลูกของฉันอยู่ที่ไหนคะ”

เมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่เธอจะเข้าคุก เธอเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนคนแรกของเธอ

และครั้งนั้นเองที่ทำให้เธอตั้งท้อง แต่หลังจากคลอดลูกแล้ว เด็กๆ ก็ถูกคนของตระกูลโชติพันธ์พาตัวไป

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่เธอไม่คิดถึงลูกๆ

ชญานีกลับมายิ้มอย่างมีชัยอีกครั้ง พูดช้าๆ ว่า “แค่แกยอมรับเงื่อนไขของฉัน ฉันจะให้แกได้เจอลูก ไม่อย่างนั้นชั่วชีวิตนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้เจอพวกเขา”

ลลิตากำหมัดแน่นทันที เล็บแหลมคมจิกเข้าไปในฝ่ามือ

ความโกรธแค้นและความเกลียดชังอันรุนแรงเดือดพล่านอยู่ในดวงตาของเธอ

ห้าปีก่อน เธอเป็นเหมือนปลาบนเขียงที่รอให้คนมาเชือด

ห้าปีต่อมา สถานการณ์แบบนี้กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือ เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของชญานี เธอกลับไม่มีทางขัดขืนได้เลย

ความโกรธที่ท่วมท้น สุดท้ายก็กลับสู่ความสงบนิ่ง

ลลิตาหลับตาแน่น ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

“หนูจะแต่งค่ะ”

ขอแค่ให้คุณย่าปลอดภัย ขอแค่ให้ได้เจอลูก ต่อให้ต้องลำบากแค่ไหน เธอก็ยอม

แววตาของชญานีฉายแววแห่งชัยชนะ

สามวันต่อมา

ลลิตาออกจากเรือนจำ

สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากได้รับอิสรภาพ คือการไปหาลูก

แต่ไม่คาดคิดว่า ฉากแรกที่เห็นเมื่อไปถึงบ้านตระกูลโชติพันธ์ คือภาพของแม็ก แฟนหนุ่มของเธอ กับกานดาที่กำลังกอดกันอย่างหวานชื่น

แม็กใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวกานดาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความดูแคลน

ส่วนกานดาก็ซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา รอยยิ้มเต็มไปด้วยความท้าทายและเย้ยหยัน

“ลลิตา หลายปีที่ผ่านมาในคุกคงลำบากน่าดูเลยสินะ”

ลลิตากำหมัดแน่น แววตาฉายแววอดกลั้น หลังจากเผชิญกับการหักหลังมานับครั้งไม่ถ้วน เธอก็เริ่มชินชากับมันแล้ว

เธอเดาได้ตั้งนานแล้วว่า ด้วยนิสัยของกานดา จะต้องหาทางแย่งแม็กไปให้ได้

ตั้งแต่เล็กจนโต นิสัยของกานดาก็เป็นแบบนี้

เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งทุกอย่างที่อยู่ในมือของเธอไป

ลลิตาไม่มองเธอ แต่จ้องไปที่แม็กโดยตรง “ลูกๆ อยู่ที่ไหน”

แววตาของแม็กเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาพูดอย่างดูถูก “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าลูกไม่มีพ่อสองคนนั่นอยู่ที่ไหน”

ลลิตาจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึงอย่างที่สุด เธอข่มความโกรธไว้ กัดฟันถาม “คุณกล้าพูดว่าลูกตัวเองเป็นลูกไม่มีพ่อเหรอ”

แม็กพูดเย้ยหยัน “ฉันไม่เคยแตะต้องตัวเธอเลยสักครั้ง ไม่ใช่ลูกไม่มีพ่อแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ”

กานดาที่อยู่ข้างๆ อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงสมเพช “พี่สาว พี่ยังไม่รู้อีกเหรอ ความจริงแล้ว...คนที่นอนกับพี่ในคืนนั้นเป็นลุงแก่อายุ 50 ต่างหากล่ะ!”

บทถัดไป