บทที่ 7 อย่าแตะต้องฉัน!

ที่หน้าประตูมีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งยืนอยู่ ท่าทางของเขาดูสุภาพเรียบร้อย เขาคือผู้ช่วยของคุณวัชรพลที่เจอเมื่อวานนี้

เขายิ้มบางๆ พลางขยับแว่นตา แล้วเดินไปอยู่ข้างๆ ลลิตา เห็นได้ชัดว่าคุณพิสิษฐ์ได้สั่งการไว้ล่วงหน้าแล้ว

"นายหญิงครับ ผมป๊อป เป็นผู้ช่วยของท่านประธานครับ"

"ตามฉันมาสิ"

ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยกัน พอถึงหน้าประตู ลลิตาก็หยุดเดิน แถวนี้ไม่มีใครอยู่เลย

"นายหญิงมีอะไรจะสั่งหรือครับ"

ลลิตาหยิบมือถือขึ้นมา มองดูวีแชทของป๊อปบนหน้าจอ

"ป๊อป เดี๋ยวฉันจะส่งโลเคชั่นไปให้ รบกวนคุณไปที่ตู้เซฟของธนาคารตามที่อยู่นั้น แล้วช่วยเอาของอย่างหนึ่งออกมาให้ฉันที"

"เร็วที่สุดนะ"

ของสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยเหรอ?

ป๊อปขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ด้วยจรรยาบรรณในวิชาชีพ เขารับคำแล้วจึงรีบออกไปทันที

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ป๊อปก็กลับมาพร้อมกับกล่องสีดำใบใหญ่ในมือ เขาเดินอย่างเร่งรีบมายังห้องนอนของคุณวัชรพล

กล่องสีดำถูกวางลงบนโต๊ะ ลลิตายื่นมือไปเปิดมันออก

เผยให้เห็นเข็มเงินจำนวนมากที่อัดแน่นอยู่ข้างใน ซึ่งมีขนาดทั้งสั้นยาวหนาบางแตกต่างกันไป

ลลิตายื่นมือไปหยิบเข็มเงินขึ้นมาอันหนึ่ง ในแววตาของเธอฉายแววแห่งความโหยหาอาวรณ์

เข็มเงินชุดนี้เป็นของที่เธอสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า

ป๊อปยืนอยู่ข้างๆ คุณวัชรพล รอรับคำสั่งจากลลิตา

"ถอดเสื้อผ้าของเขาออก"

เมื่อเสื้อผ้าถูกถอดออก ในสายตาของลลิตา ส่วนต่างๆ ของร่างกายเขาก็กลายเป็นแผนผังจุดฝังเข็มไปแล้ว

ท่วงท่าของเธอชำนาญอย่างยิ่ง เธอปักเข็มเงินลงบนมือของคุณวัชรพลอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเฉียบขาด นิ้วมือของคุณวัชรพลสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

ปลายเข็มเงินสั่นไหว เปล่งประกายแสงสีเงินออกมาเป็นระลอก

ป๊อปเลิกคิ้วขึ้น "นายหญิงครับ เข็มเงินของท่านนี่พิเศษจริงๆ!"

"ได้ยินมาว่า ทางฝั่งหมอเทวะเอกก็มีเข็มเงินชุดหนึ่ง ว่ากันว่าชุดนั้นมีมูลค่าถึงสิบล้าน ไม่ทราบว่าของท่านก็ใช่ด้วยหรือเปล่าครับ?"

แววตาที่ทอดต่ำลงของลลิตาฉายแววเย็นชา มือที่กำลังลงเข็มพลันชะงักไปชั่วครู่

"อย่างนั้นหรือคะ"

ป๊อปยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นว่าลลิตาไม่สนใจเรื่องนี้ เขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ

เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่หน้าประตู สายตาของลลิตาตวัดมองไปทางนั้นทันที

แววตาอันเย็นชาคู่นั้นทำให้ณัฏฐ์ถึงกับชะงักไป เขาเดินเข้ามาพลางมองเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปักอยู่บนร่างของคุณวัชรพล

"การรักษาเป็นอย่างไรบ้าง"

ณัฏฐ์ยื่นมือจะไปแตะเข็มที่กำลังสั่นไหวอยู่ แต่ก็ถูกลลิตาคว้าข้อมือไว้ทันควัน พร้อมกับพูดเสียงเย็นว่า

"อย่าแตะ!"

คำเตือนที่เย็นชาและเฉียบขาดนั้นทำให้ณัฏฐ์ต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างเก้อเขิน ก่อนจะกลับมาวางมาดดังเดิม

"ลลิตา การฝังเข็มของเธอนี่คงจะไม่ได้ผลหรอกมั้ง? ก่อนหน้านี้ก็มีคนตั้งมากมายมาฝังเข็มให้พล ก็ไม่เห็นว่าเขาจะดีขึ้นเลย"

ลลิตาขมวดคิ้ว คำพูดของชายคนนี้มันฟังดูแปลกๆ ไม่น่าฟัง เธอจึงตอบกลับไปส่งๆ

"การรักษามันต้องเป็นไปทีละขั้นตอน ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในครั้งเดียว"

"ถ้าคุณอาไม่มีอะไรแล้ว ก็เชิญออกไปก่อนเถอะค่ะ! ทางนี้ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำต่อ"

พอถูกไล่ ใบหน้าของณัฏฐ์ก็บึ้งตึงลงทันที เขาตวัดแขนเสื้ออย่างไม่พอใจแล้วเดินออกไป

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ลลิตาดึงเข็มออกทีละเล่ม วางเรียงลงในกล่องตามลำดับ จากนั้นจึงปิดฝากล่อง

ในห้องจึงเหลือเพียงเธออยู่คนเดียว

ห้องหนังสือเล็กอยู่ติดกับห้องนอน ลลิตาเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าจอที่ถูกล็อกด้วยรหัสผ่าน เธอก็เลิกคิ้วขึ้น

เธอเคาะแป้นพิมพ์เพียงไม่กี่ครั้ง รหัสผ่านก็ถูกปลดล็อก

โค้ดตัวเลขจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนหน้าจออย่างรวดเร็ว ไม่นาน บนหน้าจอสีดำก็มีข้อความปรากฏขึ้น

มันคือข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของณัฏฐ์และวัชรพล รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาทำเป็นประจำ

ทุกร่องรอยที่เคยทิ้งไว้บนโลกออนไลน์ ล้วนปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอทั้งหมด

ลลิตาจ้องมองหน้าจอ พลางลูบคางของตัวเอง

เป็นอย่างที่คิด ณัฏฐ์ไม่ใช่คนดี เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย และใช้วิธีการที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง

ไม่บรรลุเป้าหมายไม่เลิกรา ในมือยังเปื้อนเลือดคนอีกไม่น้อย

เธอค่อยๆ เลื่อนหน้าจอลง เพื่ออ่านข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับคุณวัชรพล

เธอเหลือบมองคนที่นอนอยู่บนเตียง แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

ขนาดนอนอยู่เฉยๆ ยังแผ่รังสีน่าเกรงขามออกมา ดูแล้วไม่เหมือนคนดีเลยสักนิด

แต่กลับเป็นคนที่ทำอะไรมีขอบเขตขนาดนี้ ถึงแม้ว่าข่าวลือภายนอกจะไม่ค่อยดีนักก็ตาม

กระทู้เกี่ยวกับเขาในอินเทอร์เน็ต สิบกระทู้ก็มีแปดกระทู้ที่เป็นกระทู้ด่า

หน้าจอรีเฟรชขึ้นมาใหม่ ข้อมูลของทั้งสองคนปรากฏขึ้นคนละครึ่งหน้าจอ ลลิตาเลิกคิ้วมองสลับไปมาพลางลูบคาง

คนที่มีหลักการและน่าเชื่อถือแบบนี้ถึงจะรับมือง่ายหน่อย เวลาจะร่วมมือกันในอนาคตก็จะได้ทำตามกฎกติกา

ส่วนอีกคน ถ้าไปร่วมมือด้วย ใครจะไปรู้ว่าถึงตอนนั้นจะถูกหักหลังหรือเปล่า?

เธอปิดคอมพิวเตอร์ ลบร่องรอยทั้งหมดทิ้ง แล้วจ้องมองดวงตาที่ปิดสนิทของคุณวัชรพล

"คุณวางใจเถอะ ฉันจะช่วยให้คุณฟื้นขึ้นมาให้ได้ พอถึงตอนนั้น หวังว่าเราจะร่วมมือกันได้ด้วยดีนะ!"

ลลิตาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างของคุณวัชรพลขึ้นมากดจุดบนข้อมือ

เผลอแป๊บเดียวก็ถึงตอนกลางวันแล้ว

ป้าน้ำมาเคาะประตู เรียกให้ลลิตาไปทานข้าว

บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่มีคนนั่งล้อมวงอยู่เต็มไปหมด ลลิตาเห็นเด็กคนนั้นในทันที

อาทิตย์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ของเขา พอเห็นลลิตา ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที เขาโบกมือให้เธอแล้วตะโกนเรียก

"มานั่งตรงนี้สิ! นั่งข้างๆ ผม!"

ข้างๆ เด็กชายไม่มีคนนั่งอยู่ ลลิตาจึงเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง

พอนั่งลงได้ไม่นาน ก็มีเสียงเลื่อนเก้าอี้ดังมาจากข้างๆ เด็กคนนั้นลากเก้าอี้สองตัวมาชิดกันจนแทบจะติดกัน

เขานั่งตัวตรงบนเก้าอี้ แขนเบียดชิดกับแขนของลลิตา แล้วจ้องมองเธอตาแป๋วไม่กะพริบ

"ไม่ได้เหรอครับ"

ลลิตารู้สึกจนใจเล็กน้อย "ได้สิ"

บนใบหน้าของเด็กน้อยปรากฏรอยยิ้มจางๆ เขาใช้ตะเกียบคีบกุ้งตัวใหญ่ใส่ลงในชามของลลิตา แล้วมองเธอด้วยสายตาคาดหวัง

"นี่เป็นของโปรดของผมเลย คุณลองชิมดูสิครับ!"

อรุณีหน้าตึงขึ้นมาทันที เธอวางตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดังปัง!

ตั้งแต่เด็กคนนี้ถูกรับกลับมาบ้าน นอกจากพลแล้ว เขาก็ทำหน้าเฉยชากับทุกคน ไม่เคยพูดคุยกับใครเกินสองสามประโยค และไม่เคยเข้าใกล้ใครเลย

แต่ทำไมพอลลิตามา เด็กคนนี้ถึงได้เปลี่ยนนิสัยวิ่งเข้าไปหา แถมยังทำตัวติดหนึบกับเธอ! แล้วยังคีบกับข้าวให้อีก!

หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมไม่ดีอะไรมาหลอกล่อเด็กคนนี้ไป?

"ลลิตา!"

ณัฏฐ์เหลือบมองทั้งสองคน "เธอเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ การที่อยากจะสร้างที่ยืนของตัวเองให้มั่นคง พวกเราทุกคนเข้าใจ"

"แต่การที่เธอมาหลอกล่อให้เด็กสนิทด้วยแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง!"

ณัฏฐ์ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ข้างๆ คนทั้งสอง แล้วทำท่าจะอุ้มอาทิตย์ให้ห่างออกไป

"มานี่ อาทิตย์ ตามปู่อาไปทางโน้นนะ เราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม?"

ลลิตาทำท่าไม่สนใจ แต่ในใจกลับกังวลเล็กน้อยพลางมองไปที่อาทิตย์

สภาพจิตใจของเด็กคนนี้น่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง การที่ถูกกระชากตัวไปอย่างกะทันหันแบบนี้ หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!

ยังไม่ทันที่เด็กชายจะตอบตกลง ณัฏฐ์ก็ทำหน้าเย็นชา ไม่สนใจว่าขาของเด็กน้อยจะเกี่ยวเก้าอี้ไว้ เขาพยายามดึงตัวเด็กชายออกมาอย่างสุดแรง โดยใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปที่ใต้รักแร้แล้วหนีบตัวเขาออกมา

แขนของเด็กชายถูกหนีบไว้แน่น เขาขมวดคิ้ว แววตาฉายแววตื่นตระหนก พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิตกระทั่งใช้เท้าเตะณัฏฐ์เพื่อที่จะให้หลุดเป็นอิสระ

ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความร้อนรน แต่ณัฏฐ์กลับยิ่งกอดรัดเขาแน่นขึ้น ปากก็ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มว่า

"มานี่ อาทิตย์! ปู่อาจะพาไปทางโน้น! ทางโน้นมีกุ้งตัวใหญ่ของโปรดของหลานไง!"

เด็กชายดิ้นรนมาตลอดทาง แต่ก็ดิ้นไม่หลุด เขาจึงกรีดร้องออกมาอย่างสิ้นสติ

เสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหูดังลั่นไปทั่วทั้งบ้าน เขาอาละวาดเตะต่อยอย่างควบคุมไม่ได้ กระชากทึ้งผมของณัฏฐ์ราวกับคนบ้า ปากก็ตะโกนออกมาอย่างสติแตก

"ปล่อยนะ! ปล่อย! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป