บทที่ 5 ตอนที่5

ตอนที่5

"แม่ง! ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะ" สิงหราชเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด...

หงุดหงิดที่ใบหน้าจิ้มลิ้มของลินินมาก่อกวนอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด

เมื่อคืนหลังจากที่เขาผลักผู้หญิงที่ตัวเองกำลังจะมีเซ็กส์ออกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วก็เดินออกจากห้องนั้นทันทีขึ้นมายังห้องพักส่วนตัวที่อยู่ชั้นสูงสุด

กินเหล้าชั้นดีที่เก็บเอาไว้หวังดับอารมณ์หงุดหงิดที่อยู่ในใจ เมื่อกินจนเมามายก็หลับไปในที่สุด แต่พอหลับไปแล้วก็ดันฝันถึงลินินอีก มันเป็นอะไรที่สิงหราชหงุดหงิดมาก เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา

"ยัยตัวแสบ เธอทำของใส่ฉันจริงๆใช่ไหมเนี่ย" พูดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วหนาเข้าหากันเป็นปม

ใบหน้าหล่อเหลายุ่งเหยิงเพราะอาการปวดหัวจากการเมาค้างกำลังเล่นงานเขาอย่างหนัก มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมานวดคลึงขมับของตัวเอง ส่วนอีกข้างก็จับพวงมาลัยรถ

เท้าใหญ่ออกแรงเหยียบคันเร่งใช้เวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง รถสปอร์ตคันหรูของสิงหราชก็ขับเข้ามาตรงถนนส่วนตัวที่มีความยาวพอสมควรกว่าจะถึงคฤหาสน์

มือใหญ่หมุนพวงมาลัยรถผ่านประตูทางเข้าคฤหาสน์ เข้าไปจอดรถตรงลานจอดรถในเวลาช่วง10โมงเช้า

ก่อนที่จะกดดับเครื่องยนต์รถ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาขยี้ใบหน้าหล่ออย่างแรง แล้วเปิดประตูลงจากรถในทันที

ขายาวก้าวไปตามทางเดิน ก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นโฉมฉายยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มบางๆตรงหน้าประตู อารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่ก่อนแล้วนั้นพุ่งพรวดขึ้นมาในทันที

"หิวหรือเปล่าคะคุณใหญ่?" โฉมฉายพูดด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่อ่อนโยน ในที่สุดคนที่เธอตั้งตารอตั้งแต่เช้าก็กลับมาเสียที

ทว่าเธอยิ้มได้ไม่นานก็ต้องหุบยิ้มเมื่อสิงหราชแสดงท่าทีไม่พอใจ ไม่สนใจคำพูดเธอแม้แต่น้อย

เดินผ่านหน้าเธอไปราวกับเธอเป็นธาตุอากาศ ใบหน้าเหี่ยวย่นเศร้าหมองลงในทันที ทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความเสียใจ

แต่สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงก็ทำให้เธอเดินตามสิงหราชไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะเห็นร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวนั่งไปกลับเก้าอี้ตรงโต๊ะอาหารหลับตาพร้อมกับนวดคลึงขมับของตัวเอง

"เป็นอะไรคะคุณใหญ่ เมาค้างอีกแล้วเหรอคะ?" ไม่ใช่เสียงของโฉมฉาย

แต่เป็นเสียงของน้อยแม่บ้านที่ทำงานที่นี่มาหลายปี เพราะเธออยู่คฤหาสน์แห่งนี้ตั้งแต่เด็ก เนื่องจากตามแม่มาทำงาน พอแม่เสียก็ได้ทำงานที่นี่ต่อ รู้ดีในทุกๆเรื่อง เธอเดินมายืดยืนอยู่ข้างๆกับโฉมฉาย

"ขอกาแฟดำแก้วหนึ่ง" เอ่ยบอกแม่บ้านทั้งที่ยังไม่ลืมตา

"อย่าเลยนะคะคุณใหญ่ น้าว่าคงไม่ดีแน่ รับเป็นข้าวต้มร้อนๆดีไหมคะ กินเสร็จจะได้ขึ้นไปพักผ่อน" โฉมฉายพูดด้วยความเป็นห่วง

".........." ทันทีที่ได้ยินเสียงโฉมฉายสิงหราชลืมตาขึ้นมาในทันที ตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดมองไปที่โฉมฉายในทันที

"คิดว่าตัวเองเป็นใคร หรือคิดว่าได้มาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้แล้ว...แล้วจะทำตัวเจ้ากี้เจ้าการทำตัวเป็นแม่ผมได้อย่างนั้นเหรอ?"

"ไม่ใช่นะคะ น้าไม่เคยมีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวเลยสักนิด น้าไม่คิดว่าจะมาแทนที่แม่คุณใหญ่หรอกนะคะ"

"เหอะ! คำพูดกับการกระทำมันสวนทางกันสิ้นดี"

"น้าไปทำอะไรให้คุณใหญ่โกรธหรือไม่พอใจเหรอคะ?"

".........." สิงหราชมองโฉมฉายที่มีสีหน้าเศร้าสลดดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อคลอ ก่อนที่เขาจะแค่นหัวเราะในลำคอออกมา เขาเกือบจะเชื่ออยู่แล้วเชียวว่าโฉมฉายไม่ได้คิดจะมาแทนแม่เขาจริงๆ ถ้าไม่มีบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นของสำคัญของเขาหายไปภายในวันแรกที่เธอเข้ามาได้ไม่กี่ชัวโมง"ออกไปซะ...ผมไม่อยากเห็นหน้า เลิกยุ่งกับผมสักที"

"คุณใหญ่" โฉมฉายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าและยังคงยืนอยู่กับที่ จนสิงหราชตวาดใส่อีกครั้ง

"ออกไปสิ บอกให้ออกไป!" สิงหราชส่งเสียงตวาดหนักขึ้น นั่นทำให้น้อยที่อยู่ข้างๆกับโฉมฉายเข้ามาประคองโฉมฉาย เพื่อที่จะพาออกไปจากตรงนี้

"ตกใจมากเลยใช่ไหมคะ หน้าคุณโฉมซีดมากเลย" น้อยประคองโฉมฉายเข้ามานั่งเก้าอี้ในห้องครัว เพราะเห็นหน้าโฉมฉายนั้นซีดเลยเข้าใจว่าอาจจะกลัวสิงหราช "ทำใจหน่อยนะคะ คุณใหญ่แกดุที่สุดในบ้าน"

"จ้ะฉันไม่เป็นไร ยังไงรบกวนหน่อย เอาข้าวต้มมาอุ่นให้หน่อยนะ"

"หืม...อย่าบอกนะคะว่าคุณโฉมจะยกข้าวต้มไปให้คุณใหญ่ น้อยว่าอย่าเลยนะคะ น้อยไม่อยากให้คุณใหญ่อาละวาดใส่คุณโฉมอีก คุณโฉมไม่กลัวหรือไงกันคะ"

"กว่าน้อยจะอุ่นข้าวต้มเสร็จคุณใหญ่คงใจเย็นลงแล้ว อาจจะหิวแล้วก็ได้"

"ถือว่าน้อยเตือนคุณโฉมแล้วนะคะ"

"จ๊ะ ทำมาเถอะเดี๋ยวฉันจะยกไปให้คุณใหญ่เอง"

"ก็ได้ค่ะ รอน้อยสักครู่นะคะคุณโฉม"

"จ๊ะ" จบคำพูดโฉมฉายก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอมองน้อยอุ่นข้าวต้มกุ้งในถ้วยจนเสร็จด้วยใจจดจ่อ ในที่สุดข้าวต้มถ้วยใหญ่ก็ถูกยกมาวางอยู่ตรงหน้าของโฉมฉาย "ขอบใจนะจ๊ะ"

"ค่ะ" น้อยตอบแบบยิ้มๆก่อนที่จะเงียบไปครู่ใหญ่ ซึ่งโฉมฉายก็ยันตัวลุกขึ้นยืนเตรียมจะยกข้าวต้มไปให้สิงหราช "คุณโฉมจะยกไปให้คุณใหญ่จริงๆเหรอคะ?"

"จ๊ะ ถ้าน้อยกลัวก็ไม่ต้องตามฉันมาหรอก" จบคำพูดโฉมฉายก็ยกถ้วยข้าวต้มมาวางบนถาดรอง ถือออกจากห้องครัวในทันที

พอเดินมาถึงโต๊ะอาหารเธอก็เห็นร่างใหญ่ของสิงหราชฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอาหาร แล้วก็เห็นมือหนายกขึ้นมานวดคลึงขมับตัวเอง

"ข้าวต้มกุ้งร้อนๆค่ะคุณใหญ่" โฉมฉายเอ่ยบอกพร้อมกับวางข้าวต้มกุ้งลงบนโต๊ะอาหารไม่ไกลจากสิงหราชนัก

"........." ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นเสียงของโฉมฉายสิงหราชถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เขากลับมานั่งตัวตรงในทันที ดวงตาคมกริบจ้องไปที่โฉมฉาย กรามแกร่งกัดเข้าหากันแน่นจนเห็นสันกรามเด่นชัด ก่อนที่จะหลุบสายตามองต่ำไปที่ถ้วยข้าวต้มกุ้ง

"คุณใหญ่คะ อย่า!!!"

เพล้ง!

สิงหราชไม่ได้สนใจคำเตือนของโฉมฉายเลยแม้แต่น้อย ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ฝ่ามือใหญ่ปัดถ้วยข้าวต้มกุ้งร้อนๆจนมันตกลงไปกับพื้น

ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อข้าวต้มกุ้งเกือบครึ่งถ้วยกระเด็นไปโดนโฉมฉาย และนั่นก็เป็นจังหวะที่ลินินกลับเข้ามาหาโฉมฉายพอดี

"แม่!!!" ลินินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ เธอวิ่งลนลานเข้ามาหาโฉมฉายในทันที

คนตัวเล็กย่อตัวลงต่ำ มือเรียวเล็กปัดข้าวต้มร้อนๆที่กระเด็นมาโดนโฉมฉายออก จนมือขาวอมชมพูนั้นแดงก่ำ ท่ามกลางสายตาวูบไหวของสิงหราชที่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง

"นินหยุดเถอะ...พอแล้ว มือหนูแดงหมดแล้ว แม่ไม่เป็นไรลุกขึ้นมา" พูดพร้อมกับยื่นแขนไปคว้าแขนเล็กๆลินินให้ลุกขึ้นยืน

เธอเจ็บแสบก็จริง แต่ทว่าโชคดีตรงที่ว่าวันนี้เธอใส่กางเกงขายาว เนื้อผ้าค่อนข้างหนามันช่วยป้องกันได้ระดับหนึ่ง

"........." ลินินยันตัวลุกขึ้นยืน เธอมองใบหน้าเหี่ยวย่นที่เต็มไปด้วยความเสียใจของโฉมฉายเพียงนิด

ก่อนจะสะบัดหน้าไปมองสิงหราชด้วยใบหน้าที่โกรธจัด เธอก้าวเท้าไปหาสิงหราชเว้นระยะห่างไม่มากนัก กำปั้นเล็กๆกำเข้าหากันแน่น ระดมฟาดไปที่แผงอกแกร่งของสิงหราชอย่างแรง และนั่นก็ทำให้โฉมฉายร้องออกมาเสียงหลงด้วยความตกใจ

ซึ่งสิงหราชก็ยืนนิ่งให้ลินินใช้กำปั้นเล็กๆทั้งสอง ระดมฟาดโดยที่ไม่ตอบโต้แต่อย่างใด

"นิน!! นินอย่า...นินอย่าทำคุณใหญ่ลูก" โฉมฉายเอ่ยห้าม ก่อนที่จะก้าวเท้าไปดึงตัวลินินออก ซึ่งลินินก็หยุดการกระทำของเธอลง เขยื้อนตัวก้าวถอยหลังตามแรงดึงของโฉมฉาย

"คุณทำกับแม่นินแบบนี้ได้ไงคะคุณใหญ่ คุณยังมีความเป็นคนอยู่ไหม ทำไมต้องทำกับแม่นินขนาดนี้"

"เธอถามแม่เธอดีกว่าไหม ว่าทำไมแม่เธอชอบยุ่งกับฉันนัก"

"ก็ที่แม่มินทำแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงคุณใหญ่นะคะ แม่แค่กลัวคุณใหญ่จะหิว ทำไมไม่มองแม่ของนินในแง่ดีบ้าง"

"เหอะ! เสแสร้งสิไม่ว่า"

"คุณใหญ่!" ลินินตวาดลั่น ซึ่งโฉมฉายก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา ระบายความเจ็บปวดและเสียใจ

"คุณมันคนใจร้ายใจดำ" ลินินแค่นเสียงพูดออกมาด้วยความโกรธ ยิ่งเห็นน้ำตาของโฉมฉายฟางเส้นสุดท้ายของลินินก็ขาดพลึง "สักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียใจที่ทำให้คนเป็นมะ..."

ลินินยังไม่ทันพูดจนจบประโยคเธอก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อโฉมฉายเขย่าแขนเธอรั่วๆและเป็นจังหวะเดียวกับเสียงของพิพัฒน์ดังขึ้น

"เกิดอะไรกันขึ้น" เอ่ยถามเสียงเข้มใบหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด

เขาเดินมาหยุดยืนตรงกลางตวัดสายตาไปมองสิงหราช ซึ่งสิงหราชก็ทำหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะมองลินินแล้วเลยไปถึงโฉมฉาย เลื่อนสายตาตามไปมองที่พื้น ถึงจะไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร แต่เขาก็พอจะประติดประต่อเรื่องได้

"หนูลินิน หนูมีอะไรจะบอกลุงไหม?" พิพัฒน์หันมาถามลินิน ที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธจัด จ้องสิงหราชแบบไม่กระพริบตา "ว่ายังไงล่ะหนู เกิดอะไรขึ้น?"

"........" ลินินละสายตาโกรธจัดจากสิงหราชหันไปมองพิพัฒน์ทันทีที่เขาเอ่ยถามเป็นครั้งที่สอง "คุณใหญ่เขาทำระ...."

"มันไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพิพัฒน์" โฉมฉายเอ่ยขัดจังหวะที่ลินินกำลังจะพูด ซึ่งลินินก็หันมามองผู้เป็นแม่ในทันที แต่โฉมฉายก็ส่งสายตาขอร้อง ทำให้ได้ลินินต้องจำใจยอมพร้อมกับถอนหายใจออกมาหนักๆ "พอดีโฉมจะเอาข้าวต้มให้คุณใหญ่ค่ะ แต่เผอิญสดุดขาตัวเอง ถ้วยข้าวต้มก็เลยตกลงไปกับพื้นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ"

"จริงอย่างที่แม่หนูพูดหรือเปล่าหนูลินิน?"

"จริงค่ะ คุณไม่เชื่อที่โฉมพูดเหรอคะ" ไม่ใช่ลินินเป็นคนตอบแต่เป็นโฉมฉายที่เป็นคนตอบ "อย่าคาดคั้นอะไรอีกเลยนะคะคุณพิพัฒน์ เชื่อโฉมเถอะค่ะ"

"............." พิพัฒน์ไม่ได้พูดอะไรเขาก็พอเดาออกว่าโฉมฉายจะต้องปกป้องและแก้สถานการณ์แบบนี้

"โฉมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะพอดีรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่" โฉมฉายพูดกับพิพัฒน์จบก็หันมาหาลินินที่ยังจ้องเขม็งอยู่ที่ใบหน้าหล่อคมคายของสิงหราช "นินพาแม่ขึ้นห้องหน่อยได้ไหมลูก?"

"..........." ลินินละสายตามามองโฉมฉายก่อนที่จะถอนหายใจออกมาหนักๆ เธอเข้าไปประคองผู้เป็นแม่ในทันที "ค่อยๆเดินนะคะแม่"

"จ๊ะ" โฉมฉายพูดแค่นั้นก็ค่อยๆก้าวเท้าเดินตามแรงประคองของลินินขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์

"พ่อไม่คิดว่าใหญ่จะทำถึงขนาดนี้" พิพัฒน์เอ่ยขึ้นทันทีที่โฉมฉายกับลินินหายขึ้นไปบนชั้นสองของคฤหาสน์

"ผู้หญิงคนนั้นมาวุ่นวายกับผมก่อน" สิงหราชเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

"พ่อจำได้ว่าพ่อเคยสอนให้ใหญ่ให้เกียรติทุกคนโดยเฉพาะเพศแม่"

"ผมก็ไม่คิดว่าพ่อจะเอาผู้หญิงคนนั้นมาแทนที่แม่"

"ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอกลูก พ่อไม่รู้ว่าใหญ่รู้สึกอะไรหรือคิดอะไรอยู่ แต่บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ใหญ่คิดก็ได้นะลูก"

"ผมปวดหัวขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ" พูดเพียงแค่นั้นสิงหราชก็หมุนตัวเดินไปชั้นสองของคฤหาสน์ทันที ทิ้งให้พิพัฒน์มองตามแผ่นหลังกว้างของลูกชายด้วยความเครียด

"เป็นยังไงบ้างคะแม่ยังแสบอยู่หรือเปล่า?" ลินินเอ่ยถามหลังจากที่ทาเจลเย็นที่ขาของโฉมฉาย บริเวณที่โดนความร้อนจากข้าวต้มกุ้ง

"ดีขึ้นมากแล้วลูก แม่ขอบใจหนูมากนะ" โฉมฉายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า ยื่นมือไปเกลี่ยแก้มใสอมชมพูของลินิน

ซึ่งลินินก็จับมือของโฉมฉายเอาไว้พร้อมกับแนบแก้มใสลงบนฝ่ามือเหี่ยวย่น "นินรักแม่นะคะ ขอโทษที่นินเกือบจะทำผิดสัญญากับแม่ และก็ขอโทษที่ทำร้ายคุณใหญ่ด้วยค่ะ นินเห็นเขาทำกับแม่ นินก็เลยทนไม่ได้"

"ไม่เป็นไรแม่ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรนิน แม่เข้าใจนินนะ แม่รู้ว่านินรู้สึกยังไง"

"แม่คะ...ทำไมแม่ไม่บอกความจริงทุกอย่างไปเลยล่ะคะ บางทีทุกอย่างมันอาจจะดีขึ้นกว่านี้"

"........." โฉมฉายถอนลมหายใจออกมาหนักๆ บางครั้งเธอก็อยากจะบอกไปให้รู้แล้วรู้รอด ก็อย่างที่พิพัตน์กับลินินบอก บางทีมันอาจจะดีก็ได้ แต่ดูจากเหตุการณ์เมื่อครู่แล้ว เธอตัดสินใจแล้วจะเก็บความลับทุกอย่างให้มันตายไปกับตัวเธอ

"เลิกพูดเรื่องนี้ดีไหม แม่ไม่อยากเครียดแล้ว ตอนนั้นนินเอามือมาปัดข้าวต้มออกจากตัวแม่ เจ็บมากไหมลูก ไหนเอามือมาให้แม่ดูซิ" พูดจบก็ยื่นมือมาขว้ามือของลินินไปดู ก็พบว่าฝ่ามือเรียวเล็กเห่อแดงจนน่าสงสาร "เจ็บมากไหมลูก?"

"ไม่เป็นไรค่ะแม่ นินทนได้"

"ทายานะเดี๋ยวแม่ทาให้"

"........" ลินินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนที่โฉมฉายจะบรรจงทายาให้กับเธอ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป