บทที่ 10 chapter 10
“ข้าขออภัยด้วยที่คำถามของข้าทำให้ท่านองครักษ์รู้สึกไม่ดี” สี่หนิงเหอมองสบกับดวงตาคู่นั้น หวังว่ามันจะมีประกายที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย
อา...ช่างเป็นคนที่โชคดีเสี่ยนี่กระไร สี่หนิงเหอเหยียดยิ้มให้กับโชคชะตาของตนเองที่ไม่เคยทำให้พานพบกับสิ่งที่ดีเลย
“พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางไกลอีก เห็นทีข้าคงจะต้องขอตัวนอนพักผ่อน” เมื่อเห็นว่าคุยไปเขาก็มิได้รับรู้สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ก็เลยเดินไปทรุดกายลงนอนใกล้กับเสี่ยวฝาน โดยรับรู้ว่ายังมีสายตาของซานเกอมองตามมาอยู่ แต่สี่หนิงเหอเลือกที่จะไม่สนใจ เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาคิดมีเพียงแค่สิ่งเดียว...สินค้ารสเลิศล้ำที่ไม่ว่าผู้ได้ลิ้มรสแล้วจะมิอาจลืมได้ลง จะต้องเล่าขานไปไกลนับลี้ ต้องขวนขวายมาเพื่อจะได้ลิ้มรสและชื่อที่มันผุดขึ้นมา...
ภูเขาตระห่านลำธารน้ำไหลเบื้องหน้ามีเหมันต์เคียงคู่…
วาโยแผ่วพลิ้วพัดพากิ่งไผ่ไหวเอน เอื้อมมือคว้าวสันต์โปรยปราย...
สี่หนิงเหอไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่ตนเองนอนยังไม่ทันจะหลับดีนั้น มีบางคนที่เขาเข้าใจว่าเป็นคนใจดำและเย็นชา ไม่คิดจะสนใจความรู้สึกของคนอื่นนั้น มองมายังตัวเขานัยน์ตาแวววาว ก่อนจะเดินมาพร้อมกับนำเอาผ้ามาคลุมกายให้กับเขาและทรุดตัวลงนั่งมองใบหน้าที่มันมีรอยยิ้มอย่างสุขสมใจ
“หวังว่าเจ้าคงจะไม่ได้มีดีเพียงแค่ปากช่างเจรจานะ...สี่หนิงเหอ!”
สัมผัสแผ่วเบาหากทำให้อบอุ่นใจทำให้สี่หนิงเหอหลับไปอย่างมิมีสิ่งใดให้กังวล...
“ข้าไม่ได้คิดจะต่อว่าท่านหรอกนะคุณชายหนิงเหอ หากตอนนี้เรากำลังเดินทางไกล อีกหลายวันกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ไหนจะภัยอันตรายที่คาดไม่ถึงอีก ท่านควรจะรีบตื่นให้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่ทำตัวเหมือนกับอยู่ที่เรือนของท่าน ที่จะตื่นสายเช่นไรก็ได้”
ตื่นขึ้นมาสี่หนิงเหอก็โดนดอกแรกเสียแล้ว หากเขามันพวกหน้าหนา คำพูดแค่นี้มันไม่ระคายหูเลยสักนิด เพราะเรือนที่เขาจากมานั้น พบเจอมากกว่านี้หลายเท่านัก สี่หนิงเหอก็เลยฉีกยิ้มกว้างรับคำพูดของหนึ่งในองครักษ์ปากเสียใจดำ
“แหม...ขอขอบพระคุณท่านองครักษ์ที่เป็นห่วงจนต้องเอ่ยปากตักเตือนนะขอรับ ข้าก็ลืมนึกไปจริง ๆ นั่นแหละว่ากำลังถูกใช้ให้เป็นเหยื่อล่อผู้ร้าย แต่ข้าก็อยากให้ท่านเข้าใจเล็กน้อย ข้ามิเคยพบเจอกับเรื่องเช่นนี้มาก่อน ความหวาดกลัวทำให้ข้านั้นนอนหลับได้ยาก อันเนื่องมาจากว่าเกิดความกังวลใจว่าจะถูกผู้ใดก็ไม่รู้ โยนออกจากกลุ่มเพื่อไปรับคมหอกคมดาบ” สี่หนิงเหอเน้นคำพูดช่วงท้าย เพื่อให้พวกองครักษ์รับรู้ความรู้สึกของตัวเขาบ้าง ไม่ว่าใครก็รักชีวิตของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น!
“เจ้าอยากจะชำระล้างร่างกายหรือไม่หนิงเหอ”
ในดวงตาสี่หนิงเหอเต็มไปด้วยความสงสัย...แถวนี้มีลำธารให้ชำระล้างร่างกายด้วยเหรอ แล้วทำไมเมื่อคืนพวกท่านถึงไม่บอกกล่าวให้รู้ล่ะ หรือพวกท่านกลั่นแกล้งให้เขาต้องนอนทนกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของตัวเองทั้งคืนใช่ไหม!
แต่สี่หนิงเหอก็ต้องข่มกัดฟันข่มโทสะที่มีเอาไว้ภายใน ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับซานเกอผู้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความบาดหมางของเขากับเหล่าองครักษ์อีกสี่คน ก่อนที่เขาจะถูกเจ้าพวกคนใจดำเล่นงานโดยไม่อาจจะโต้ตอบได้ ซานเกอที่แสนจะใจดีที่สุด...ในตอนนี้นะ เพราะเขารู้แหละว่า เมื่อถึงเวลาจริง ๆ องครักษ์เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เลือกที่จะทิ้งตัวภาระเช่นเขาและเสี่ยวฝานไปอย่างไม่ไยดี
“ได้เช่นนั้นก็ดีนะขอรับซานเกอ” ความจริงเขาอยากที่จะชำระล้างร่างกายให้สะอาดด้วย แต่ก็เข้าใจดีเช่นกัน เราอยู่ระหว่างเดินทางที่ทุกย่างก้าวล้วนแล้วแต่มีภัยอันตรายมากมายนัก การที่เขานั้นจะไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายเพียงลำพังเห็นทีจะเป็นเหยื่อชั้นดีที่จะกลายเป็นศพโดยมิทันจะได้รู้ตัว
ดูเหมือนว่า...หลังจากที่เขาเรียกท่านหัวหน้าองครักษ์ว่า ‘ซานเกอ’ เหล่าองครักษ์อีกที่คนก็เงียบกริบและหันมามองเขากันเป็นจุดเดียว ในสายตาแต่ละคู่ถ้าให้สี่หนิงเหอคาดเดา ความคิดของพวกเขาล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสงสัยระคนอยากรู้ มีความสนใจประมาณหนึ่ง เขาทำเช่นไรถึงได้รับอภิสิทธิ์เรียกขานหัวหน้าของตนเองว่า ‘ซานเกอ’
สี่หนิงเหอก็อยากจะบอกพวกเขาออกไปว่า...เพราะข้าเก่งไง หากความเป็นจริงแล้ว ตามความคิดของเขานั้น เพราะยังต้องเดินทางร่วมกันอีกหลายวัน ก็ควรทำตัวให้สนิทสนมกันไว้สักเล็กน้อยและน่าจะมีการผ่านเข้าเมืองบ้าง จะให้เรียกท่านหัวหน้าองครักษ์อยู่ตลอด มันก็คงดูผิดปกติไป คงจะกลายเป็นจุดสนใจที่คงจะแบบว่า...ทำให้เหยื่ออย่างเขาอันตรายมากขึ้นกว่าเดิมนะ
“เร็วเข้าเสี่ยวฝาน เราไปล้างหน้าล้างตากัน” สี่หนิงเหอตื่นเต้นดีใจรีบหันไปเอ่ยปากชักชวนเสี่ยวฝานที่ตื่นนอนก่อนข้านานแล้วให้ไปด้วยกัน ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าเขาจะเลือนหายไปเพราะคำตอบของเสี่ยวฝาน
“ข้า...ข้าเรียบร้อยแล้วขอรับหนิงเกอ”
อา...อยากจะต่อว่าเสี่ยวฝานนัก ที่มิยอมปลุกเขาและพาไปด้วย แต่มาคิดดูแล้ว...เสี่ยวฝานเองก็คงจะถูกคุมตัวไปนั่นแหละ ตอนนี้พวกเราก็เหมือนกับนักโทษ จะมีดีหน่อยก็ตรงที่ไม่ถูกเชือกมัดไว้ ไม่ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน อยากจะไปไหนบ้าง ถ้าหากว่ามันไม่อันตรายจนเกินไป...ก็คงจะไปได้
“ตามข้ามา”
สี่หนิงเหอรีบสาวเท้าเดินตามซานเกอไป “ข้ารู้ว่าถ้าถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ท่านคงจะมิยอมเอ่ยปากบอกให้ล่วงรู้ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าข้าจะไม่ปลอดภัย หากท่านก็คงมีเหตุผลของท่าน ถ้าข้าจะถามเรื่องทั่ว ๆ ไป อย่างพวกท่านทำงานกับท่านอ๋องมานานหรือยัง คงจะพอตอบข้าได้...ใช่ไหม”
ความจริงแล้วสี่หนิงเหอมิได้อยากรู้ถึงขนาดนั้น เพียงแค่คิดเองว่า...ควรจะล่วงรู้เกี่ยวกับคนและเรื่องของสถานที่ซึ่งตนเองจะต้องไปอาศัยอยู่...น่าจะเป็นเวลานานมิใช่น้อย ได้ล่วงรู้ความเป็นไปของคนในเรือนนั้นบ้าง การจะทำสิ่งใดย่อมปลอดภัยกว่ามิได้รู้ได้เห็นอันใดเลย
“นานแล้ว”
หะ...มาสั้น ๆ แค่นี้เองเหรอ ขยายความให้รู้อีกนิด...ได้ไหมขอรับ สี่หนิงเหอกลอกตาไปมาด้วยความเหนื่อยอ่อนใจ
“ที่นั่น...นอกจากท่านอ๋องแล้ว ยังมีใครอีกบ้างขอรับ” หวังว่าคำตอบคราวนี้คงจะยาวกว่าเดิมสักเล็กน้อยนะ ถ้าความทรงจำที่มันเหมือนกับสายลมพัดมาและพัดไปไม่ผิดพลาด ที่นั่นนอกจากตัวท่านอ๋องแล้วก็ยังมีสาวใช้อุ่นเตียง อนุสองและอนุสี่ แต่ไร้พระชายาเพราะท่านได้เสียไปเมื่อตอนคลอดบุตรชายที่ตอนนี้ก็อายุได้สามขวบแล้ว ความตายที่หลายคนก็รู้ว่ามันมิใช่เหตุบังเอิญ หากถูกทำร้ายที่ยังหาตัวคนทำมิได้
“เจ้าคิดเตรียมตัวต่อยตีแย่งชิงความโปรดปรานกับพวกนางตั้งแต่ยังไม่เห็นนางพวกนางเลยหรือหนิงเหอ”
