บทที่ 15 chapter 15

ใบหน้าที่เหมือนจะบอกว่า อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดเถอะ เขาไม่คิดจะใส่ใจกับมันหรอกกับแววตาคู่นั้นที่มันหม่นหมองไร้ความกระจ่างสดใสอย่างที่เห็นในคราแรกได้เปลี่ยนไป สี่หนิงเหอกล้าที่จะโต้ตอบกับพวกเราโดยไม่หวาดกลัวว่าจะทำให้เรามีโทสะจนถูกทำร้ายเข้า

หนักสุดที่ทำให้เขาตกตะลึง ก็เรื่องที่สี่หนิงเหอทนหิวไม่ไหว ร้องขออาหารระหว่างที่ม้ากำลังวิ่งอยู่นั่นแหละ ช่างเป็นบุรุษที่แปลกเสียจริง ที่ซานเกอคิดว่าสี่หนิงเหอน่าจะต้องมีดีในตัวมิใช่น้อย ที่เขาจะรอดู!

“ข้าพอเข้าใจแล้วล่ะ ตัวเจ้านั้นแม้ปรารถนาอยากจะมีรูปกายกำยำล่ำสัน มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง มีร่องรอยของบาดแผลที่มาจากการทำศึก หากตัวเจ้านั้นกลับ...ผอมแห้งยิ่งเด็กขอทานข้างถนนเสียอีก เจ้าจึงรู้สึกริษยาข้าใช่หรือไม่”

“ใครว่ากันเล่า ข้าเพียงแค่สงสัยทำไมท่านถึงยังมิอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อยเสียที ข้ารอท่านนานแล้วนะ...ข้าหิวแล้ว”

“ถ้าข้าจะจำมิผิด เจ้าเพิ่งจะทานเซาปิ่งไส้เนื้อ ถังหูลู่กับเสี่ยวหลงเปาไปมิใช่หรือหนิงเหอ”

“แค่นั้นมันจะพออะไร ท้องข้ายังสามารถบรรจุอาหารรสเลิศได้อีกเยอะแยะเลยล่ะ”

สี่หนิงเหอยังคงอวดอ้างความสามารถในการทานอาหาร แล้วยังจะส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับยกมือตบท้องตัวเองที่มันทำให้เขาถึงกับ...เชื่อเลยจริง ๆ น่าสงสัยยิ่งนัก ตอนอยู่เรือนตระกูลสี่ สี่หนิงเหอคงจะต้องกินมิอิ่มนอนหลับมิเพียงพอเป็นแน่ พอมาตอนนี้มีคนยินยอมให้ทำตามความต้องการ ถึงได้จัดการตามที่ใจและร่างกายเรียกร้องเสียขนาดนี้

ตัวเขาก็ไม่ได้คิดจะแกล้งคนหิวหรอกนะ แต่รู้สึกพอใจที่ได้เห็นใบหน้าเขินอายของหนิงเหอ ดวงตาคู่นั้นดูเป็นประกายและมีชีวิตชีวาชวนให้นึกถึงแมวน้อยขี้เล่นมันทำให้เผลอหลุดปากออกไปว่า...

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ร่วมอาบน้ำกับข้าสิ เจ้าจะได้ช่วยข้าขัดถูกคราบสกปรกออกจากร่างกายด้วย อาบด้วยกัน จะได้เร็วหน่อย”

“ท่าน...ท่าน...”

สี่หนิงเหออ้าปากค้างเช่นเดียวกับดวงตาเรียวคู่นั้นเบิกกว้างมองเขาอย่างตื่นตะลึง มันทำให้ซานเกอเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

“หือ...นี่ข้าหวังดีกับเจ้านะหนิงเหอ อยากให้เจ้าได้ทานอาหารโดยเร็ว อีกทั้งถังอาบน้ำใบนี้ก็กว้างพอรับบุรุษอย่างเจ้ากับข้าอาบน้ำด้วยกัน...ข้าว่า มันคงจะเจริญหูเจริญตาดี คงจะทานอาหารได้เยอะขึ้น เพราะไม่ต้องทนกลิ่นเน่าเหม็นของเจ้าที่นับตั้งแต่เดินทางจนถึงบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าก็ยังมิได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายมิใช่หรือไร” ซานเกอคิดว่า ดวงตาของเขาคงจะวาวระยับมิใช่น้อย ยามเมื่อมองคนที่ตกใจจนหาทางโต้ตอบมิได้

“แล้วมันเป็นความผิดของใครกันเล่าที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ ก็พวกท่านมิใช่หรือไง มิยอมให้ข้าได้ทานอาหารจนอิ่ม มิยอมให้ข้าได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายจนถูกผู้คนมองด้วยความรังเกียจ”

“พวกข้า...พวกข้าผิดที่ใด ในเมื่อเจ้ามิเอ่ยปากบอก พวกข้าจะไปล่วงรู้ใจผู้ใดได้กันเล่า” ซานเกอเดินผ่านถังอาบน้ำไปหยุดยืนเบื้องหน้าสี่หนิงเหอที่รีบสาวเท้าถอยไปด้านหลังทันที เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บกาย เขาจึงรีบตวัดแขนโอบรัดรอบเอว...ที่มันบางเหลือเกินเอาไว้และเขาก็ได้เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของบุรุษน้อยตรงหน้า ทำให้อดที่จะหัวเราะมิได้

“ข้าว่า...เรามาอาบน้ำชำระล้างร่างกายด้วยกันเถอะหนิงเหอ เดี๋ยวข้าจะช่วยขัดถูกครบสกปรกออกจากตัวเจ้าให้” เขาเพียงแค่ต้องการแกล้งสี่หนิงเหอเท่านั้น เพราะชอบที่จะได้เห็นใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ เดี๋ยวก็บึ้งตึงแต่เพียงแค่แวบเดียวก็หัวเราะร่า มาอีกนิดก็เขียวคล้ำด้วยไม่สบอารมณ์ เฉกเช่นดวงตาที่เดี๋ยวมันก็แวววาวด้วยความซุกซนและสดใสรื่นเริง เดี๋ยวก็ขุ่นเคืองไม่สบอารมณ์กับวาจาและการกระทำของเขาและคนอื่น ๆ

เขาว่านะ...สี่หนิงเหอคงจะจดจำเรื่องที่พวกเขาทุกคนทำเอาไว้หมดทุกอย่างเพื่อจะหาทางเอาคืน แต่ครั้นจะไปฟ้องให้ท่านอ๋องให้รับรู้นั้น...อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ สี่หนิงเหอน่าจะเป็นคนประเภทที่ว่า ใครทำอันใดตัวเองก็จะหาทางเอาคืนด้วยตนเอง มิยอมยืมมือผู้อื่นให้ทำแทนแน่นอน

“ไม่! หยุดนะซานเกอ...ไหน...ไหนท่านบอกว่า...ข้ากับท่านมิควรใกล้ชิดกันเกินไป...อย่างไรละขอรับ”

“หือ...ข้ากล่าวเช่นนั้นเมื่อใดรึ เท่าที่ข้าจะจำมิผิด ตอนที่ได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องมานั้น ท่านอ๋องกล่าวกับพวกข้าว่า...”

ซานเกอแอบยิ้ม ในดวงตาของสี่หนิงเหอปกปิดความอยากรู้เอาไว้ไม่มิด หากปากกลับเอ่ยออกมาว่า

“ข้ามิอยากรู้ว่าคนผู้นั้นจะกล่าวอันใดกับพวกท่าน”

“แต่ข้าอยากจะบอกให้เจ้าได้รู้ ท่านอ๋องกล่าวกับพวกข้าว่า...ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามิพึงพอใจที่ข้าต้องแต่บุรุษผู้นั้นเป็นอนุภรรยา แต่เมื่อข้าจำเป็นต้องทำ ข้าอยากจะให้พวกเจ้ายอมรับในตัวเขา เรียนรู้เพื่อให้เขาเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเรา เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนที่พร้อมจะยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตให้แก่กันได้”

“โอ้...วาจาท่านอ๋อง ช่างยิ่งใหญ่เสียจริง แต่ข้าผู้น้อยเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น อีกทั้งยังไร้ฝีมือการต่อสู้ หากเจอกับศัตรูหมายจะทำร้าย ก็คงทำได้เพียงแค่วิ่งหนีจากคมหอกคมดาบมิให้สัมผัสตัวได้ ความสามารถอย่างอื่นอย่างที่บุรุษควรมี ข้าก็มิมีสักอย่าง คงจะทำอย่างที่ท่านอ๋องทรงหวังไว้มิได้หรอกขอรับ”

แล้วสี่หนิงเหอก็ส่งสายตามาว่าตัวเขานั่นแหละที่ผิด ที่มิยอมตกปากรับคำสอนวรยุทธ์ให้แก่ตัวเอง เจ้านี่ช่าง...เชื่อมโยงแต่ละเรื่องราวเข้าหากันได้เป็นอย่างดีเลยนะหนิงเหอ

“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว เรื่องนี้ข้ามิอาจตัดสินใจได้ เป็นท่านอ๋องผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินใจ แต่ถ้าหากเจ้าอยากจะเรียนรู้จริง ๆ ข้าว่าก็พอจะมีทางอยู่นะ”

รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าสี่หนิงเหอ...แม้กระทั่งแววตาคู่นั้นก็พราวระยับขึ้นทันตาเห็น จนเขาแทบจะข่มกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้มิได้

“มีทางใดหรือขอรับซานเกอ ขอท่านผู้ใจดีช่วยชี้แนะข้าน้อยด้วย”

“ข้ากลัวแต่ว่าหากบอกให้เจ้ารู้ไป เจ้าจะโกรธเคืองข้าเอานะสิ” เชื่อเถอะ เขาหลุดปากบอกไปเมื่อใด สี่หนิงเหออับอายจนอยากจะทำให้ปากเขาได้รับบาดเจ็บเป็นแน่แท้

“ข้า...ข้าสัญญาว่าจะมิโกรธเคืองท่าน”

สี่หนิงเหออยากรู้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“ท่านจะบอกกับข้าได้หรือไม่ขอรับ มีทางใดทำให้ท่านอ๋องใจอ่อนยอมให้ข้าเรียนรู้วรยุทธ์กับพวกท่าน”

“ถ้าเจ้ารับปากแล้วว่าจะมิโกรธเคือง ข้าก็จะบอกให้เจ้ารู้ละกัน” ใบหน้าและดวงตาที่เปี่ยมด้วยความหวัง มันทำให้ซานเกอแทบจะพูดมิออกเลย สี่หนิงเหอ...เจ้านี่มันช่างเป็นคนที่อันตรายและมีพิษภัยรอบกายเสียจริง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป