บทที่ 16 chapter 16
“ข้ามิรู้ว่าความรู้ของเจ้ามีมากน้อยเพียงใด แต่ในยุทธภพกล่าวไว้ว่า การเรียนรู้วรยุทธ์ด้วยทางลัดนั้นมีอยู่สองทางด้วยกัน หนึ่งก็คือค้นหาน้ำเต้าหยกพันปีที่ภายในจะมียาอยู่เม็ดหนึ่ง มันจะช่วยหล่อหลอมพลังที่บริสุทธิ์จากสรรพสิ่งที่อยู่รอบกายเปลี่ยนเป็นพลังปราณ เปิดทะลวงจุดในร่างกาย มิว่าใครก็ตามที่ได้รับยานี้ จะเป็นหนึ่งในยุทธภพที่มิอาจสิ้นกายภายใต้คมหอกคมดาบ แม้กระทั่งพิษร้ายที่มิมียารักษาก็มิอาจทำอันใดได้”
สายตาที่เปี่ยมด้วยความหวัง ใบหน้าที่เคยรื่นเริงกลับหม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว ที่ซานเกอก็อยากจะบอกกับสี่หนิงเหอว่าเขามิได้กล่าวเท็จให้เจ้าใจเสียหรอกเลย แต่ยาที่มีสรรพคุณเลิศเช่นนี้...บนพื้นแผ่นดินนี้คงมิอาจจะค้นพบได้เลย เพราะว่ามันคงมิมีอยู่จริง มันคงเป็นยาที่เหล่าเทพเซียนบนสวรรค์เท่านั้นที่มีได้
“แต่ข้าว่า อีกวิธีนี่...เจ้าน่าจะทำได้อยู่นะ”
“วิธีใดหรือขอรับซานเกอ”
มาแล้ว...ใบหน้ากระจ่างสดใสด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่แวววาวดังหยกเนื้อดี มันเหมือนกับมีพลังพิฆาต ที่ทำให้ผู้ใดได้พานพบหากจิตใจไม่แข็งแกร่งมั่นคงเพียงพอ ย่อมจะถูกสี่หนิงเหอชักจูงให้ตกปากรับคำทำในสิ่งที่ต้องการโดยง่าย
“แนบกายถ่ายปราณ”
“แนบกายถ่ายปราณ...มันมีวิธีเช่นนี้ด้วยหรือ”
สี่หนิงเหอบ่นพึมพำอย่างไม่เข้าใจในคราแรก ก่อนใบหน้านั้นจะแดงระเรื่อจรดใบหู ดวงตาเรียวเบิกกว้าง อ้าปากพะงาบ ๆ เมื่อพอจะตีความหมายจากคำที่เขาบอกกล่าวไปได้
“ข้าได้เตือนเจ้าแล้ว เจ้าห้ามโกรธข้านะหนิงเหอ” ซานเกอรีบห้ามปรามเอาไว้ก่อน
“ถ้าข้า...ข้ามิเอ่ยรับปากท่านไว้นะขอรับ ถึงข้าจะมิมีวรยุทธ์ มิเก่งกล้าในการใช้พละกำลัง แต่ก็จะหาทางทำให้ท่านเลือดตกยางออกสักครั้ง”
“ข้านึกว่าเจ้าจะขอบคุณข้าเสียอีกที่เสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้แก่เจ้า เพราะถ้าทำเช่นนี้แล้ว เจ้าจะเก่งกว่าพวกข้าที่ต้องฝึกฝนวรยุทธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยมากเลยเชียวล่ะ” ถ้าหากว่า...สี่หนิงเหอทำเช่นที่เขาบอกกล่าวไป ผู้ที่จะช่วยเหลือเขาในครั้งนี้ก็คงจะมิพ้นท่านอ๋อง...เขาสมควรได้รับความดีความชอบอยู่นะ
“ข้ามิเอ่ยคำนั้นให้เสียปากหรอกขอรับ ท่านมิสมควรได้รับมัน”
สี่หนิงเหอกล่าวด้วยความหงุดหงิดใจ ขณะเดินไปทรุดกายลงนั่งบนเตียง ยกสองขาขึ้นไขว้กันและยกสองแขนขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก มองข้าด้วยสายตาเกรี้ยวกราด...หากมันเป็นมีดได้ ร่างกายอันแข็งแกร่งด้วยการฝึกฝนและต่อสู้ห้ำหั่นในสมรภูมิรบมิอาจนับครั้งได้คงจะเต็มไปด้วยบาดแผล
“เจ้ามีวาจาเป็นเลิศ...แม้กระทั่งพวกข้าเองยังต้องขอคารวะ เพราะมิอาจหาถ้อยคำมาโต้เถียงกับเจ้าได้ เจ้าเก่งเช่นนี้...มีหรือที่จะคิดหาหนทางให้ท่านอ๋องยอมจำนนมิได้”
“ท่านมิต้องมายกยอข้าเลย ข้ามิหลงกลท่านกับท่านอ๋องวิปริตนั่นหรอก อย่าได้หวัง!”
“เจ้ากล้ากล่าวหาท่านอ๋องเช่นนั้นได้เยี่ยงไร มิรู้หรือว่าจะต้องโทษทัณฑ์อันใด”
“กล้ามิกล้า ข้าก็กล่าวไปแล้วนี่ หรือท่านจะเอาเรื่องนี้ไปทูลฟ้องท่านอ๋อง”
ดูหน้าสี่หนิงเหอสิ เอ่ยอย่างมิกลัวเกรงสิ่งใดเลยทั้งสิ้น จะว่าไป...เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ท่านอ๋องโดดเดี่ยวและไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก เจอกับคนเจ้าคารมคมคาย พูดจาลื่นไปดั่งสายธาร ถือได้ว่า...เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อมิน้อยเลย
“ไม่หรอก ข้าไม่คิดจะทำเช่นนั้น...หากเรื่องนี้จะถึงหูท่านอ๋อง ก็มิได้มาจากปากของข้าแน่นอน” ซานเกอมองสี่หนิงเหอให้รู้ว่ามอง...ให้รู้ว่าคนที่จะกล่าวเรื่องนี้ออกไปก็เป็นตัวสี่หนิงเหอเองนั่นแหละที่ความอดทนมีมิมากพอ
“อย่ามามองข้าเช่นนั้น ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่”
“เห็นไหมล่ะ ข้าบอกแล้วว่าเจ้าฉลาด กระทั่งรู้ด้วยว่าข้ากำลังคิดอันใดอยู่ เป็นเช่นนี้ ข้าว่านะหนิงเหอ...การที่มีเจ้าอยู่ที่จวนท่านอ๋อง ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งไม่ดีเสียแล้วสิ จวนท่านอ๋องคงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นเยอะเชียวล่ะ”
“ข้ามิใช่ตัวตลกของพวกท่านนะ”
สี่หนิงเหอโมโห ใบหน้าใสบึ้งตึงพลางทำเสียงขลุกขลักอยู่ในลำคอ “ข้ากล่าวเช่นนั้นเมื่อใดกัน เจ้านี่ชอบตีความวาจาของพวกข้าผิดไปเสียจริง”
“ฮึ! วาจาพวกท่านนั่นแหละที่กลับกลอกกลิ้งได้ ตัวข้าผู้มีความรู้น้อยต้อยต่ำ มีหรือจะแตกฉานในการแปลความ”
“ว่าแต่...เจ้ามิคิดจะอาบน้ำชำระล้างร่างกายกับข้าจริงหรือ”
“ไม่!”
“ข้ากำลังคิดจะชักชวนเจ้าออกไปชมเมืองในราตรีนี้อยู่เลย แต่ถ้าหากจะให้พาเจ้าที่เหม็นเน่าเช่นนี้ไป ข้าคงมิกล้า” เขาว่าแล้ว สี่หนิงเหอจะต้องสนใจ ดูใบหน้าที่คลี่ยิ้มจนกว้างและดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับคู่นี้สิ
“รู้สึกว่าข้าจะได้ยินเสี่ยวเอ้อร์กล่าวว่าที่นี่จัดงานขอบคุณเทพเจ้าที่มอบข้าวปลาอาหารอันอุดมสมบูรณ์ให้ หน้าที่ศาลาว่าการท่านเจ้าเมืองจะมีนางรำมาร่ายรำให้กับชาวบ้านได้ดู มีการละเล่นอีกหลายชนิด รวมถึงมีขนมมากมายมาจำหน่ายตลอดเส้นทางด้วยนะ”
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็รีบจัดการตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยสิ ข้าจะได้จัดการกับตัวเองบ้าง...ข้าก็เหม็นตัวเองจนจะทนไม่ไหวแล้ว และ...ห้ามชักชวนข้าร่วมชำระล้างร่างกายกับท่านเลยนะขอรับ อย่างไรเสีย ข้าก็ยังได้ชื่อว่าเป็นว่าที่อนุภรรยาของท่านอ๋อง มิควรเปิดเผยร่างกายนี้ให้ผู้ใดได้เห็นนะขอรับ”
กล่าวจบสี่หนิงเหอก็รีบลุกจากเตียงเดินออกนอกห้องพัก
“นั่นเจ้าจะไปไหน”
“ข้าจะไปหาเสี่ยวฝาน ท่านมีอันใดหรือขอรับ”
“อ๋อ...มิมีสิ่งใด ข้าเพียงแค่นึกว่าเจ้าจะออกไปนอกโรงเตี้ยมที่พักนะ”
“ข้ารู้หรอกน่าซานเกอ ตัวข้านั้นเป็นที่หมายจะถูกปลิดศีรษะให้หลุดจากบ่าอยู่ ข้ามิกล้าออกจากที่พำนักโดยพลการหรอกขอรับ ข้ายังรักตัวกลัวตาย ยังปรารถนาที่จะได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสทั่วแคว้นดินแดนอยู่นะขอรับ”
ดูท่า...ท่านอ๋องคงมิให้เจ้าทำเช่นนั้นได้หรอกหนิงเหอ อย่างดีที่สุด ถ้าหากไม่พาเจ้าไปพานพบด้วยตัวเอง แต่ข้อนี้มันยากยิ่งนัก เพราะการงานของท่านอ๋องมันมากมายจนแทบจะมิได้นอนหลับพักผ่อนอยู่เลย ก็คงจะมีพ่อครัวแม่ครัวจากหลายถิ่นที่มาทำให้เจ้าทานถึงจวนแล้วล่ะ
“อย่างไรเจ้าก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน เราไว้วางใจใครมิได้”
“ข้ารับทราบขอรับซานเกอ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะขอรับ”
“ฮื่อ” ซานเกอพยักหน้ารับ ขณะมองคนตัวเล็กเดินออกจากห้องไป จากนั้นก็รีบส่งสัญญาณบอกให้คนที่ซ่อนกายอยู่รับรู้ เข้ามาหาเพื่อจะได้สั่งความสำคัญ!
