บทที่ 17 chapter 17
“บ้า! บ้าไปแล้ว ใครมันจะกล้าทำเช่นนั้นกันเล่า ข้าไม่ได้หนังหนาเช่นพวกท่านนะ”
สี่หนิงเหอบ่นพึมพำ แม้จะบอกว่ามิสนใจคำชี้แนะของซานเกอ หากเขากลับมิอาจปัดไล่วาจาที่ได้ยินนั้นออกไปจากศีรษะได้เลย มันยังคงยั่วยวนยั่วยุให้เขานั้นคิดหาหนทางทำให้ท่านอ๋องใจอ่อน ยินยอมแบ่งปันพลังปราณที่ตัวเองมีมาให้ ต้องยอมรับความจริงว่า ด้วยวัยของเขาและร่างกายที่มิได้แข็งแกร่งแข็งแรงอันใดเลย การฝึกวรยุทธ์นั้นทำได้ยากแล้ว ที่เขาต้องการทำเช่นนี้ เพราะอยากปกป้องตัวเองรวมถึงเสี่ยวฝานด้วยเท่านั้น...ทำไมคนของท่านแม่ทัพถึงมิได้เข้าใจความต้องการของเขาเลย!
สี่หนิงเหอเดินตะบึงตะบอนเตะลมด้วยความโมโหจนเผลอเลี้ยวผิดทาง จากที่จะไปหาเสี่ยวฝาน เขากลับเดินมาเจอหนึ่งในองครักษ์ที่มาคุ้มครองข้า ผู้ที่เมื่อแรกเจอสี่หนิงเหอก็มิได้สนใจอันใด หากตอนนี้...
เห็นรูปกายภายนอกของคนผู้นี้แล้วมันก่อเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ มันเป็นความรู้สึกที่เขาบอกมิถูก...มันเหมือนกับเหินห่างที่ทำให้ปวดร้าวใจยิ่งนัก ขณะเดียวกันก็เหมือนกับความคุ้นเคยที่ทำให้อยู่ ๆ น้ำตามันก็เอ่อล้นคลอหน่วยตาขึ้นมา ดูเหมือนว่าบุรุษผู้นี้จะเร่งรีบไปที่ไหนสักแห่ง ทำให้มิได้สนใจในตัวเขา ทำให้สี่หนิงเหอสามารถพินิจพิจารณาเขาได้อีกประมาณหนึ่ง...
ใจสี่หนิงเหออยากจะเดินเข้าไปหาบุรุษผู้นั้น...แม้จะเพียงแค่ได้ไต่ถามว่า ท่านเป็นเช่นไรบ้าง เพียงแค่นี้ ก็คงทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมามิน้อย หากสิ่งที่ทำได้คือ...มองเท่านั้น!
สี่หนิงเหอผงะถอยหลังแทบไม่ทัน เมื่อบุรุษผู้นั้นก้าวเดินไปจนเกือบจะถึงประตูโรงเตี้ยมแล้วตวัดศีรษะหันมาเหมือนกับรับรู้ว่ากำลังถูกมอง แต่ถึงจะหลบพ้น แต่สี่หนิงเหอก็คิดว่าบุรุษผู้นั้นคงรับรู้ว่าผู้ใดเป็นคนที่มองตนเองอยู่
ช่าง...ความรู้สึกว่องไวเสียจริงเลย
สี่หนิงเหอมองบุรุษผู้นั้นจนเดินลับหายไปจากสายตาด้วยความรู้สึก...ใจหายนิด ๆ เพราะมิอาจล่วงรู้ได้ว่าเมื่อใดจะได้เจอกับเขาอีกเมื่อไหร่
“คุณชายต้องการอันใดหรือขอรับ”
สี่หนิงเหอสะดุ้งรีบเหลียวใบหน้าไปมองผู้ที่ไต่ถาม ก็เห็นว่าเป็นเสี่ยวเอ้อร์ร่างเล็กที่มาหยุดยืนอยู่เคียงข้างกายตั้งแต่เมื่อใดก็มิทราบได้
“อ๋อ...เปล่า ๆ มิได้ต้องการสิ่งใด” สี่หนิงเหอบอกกล่าวแล้วรีบเดินย้อนกลับไปยังห้องพักของเสี่ยวฝานอย่างที่คิดว่าบนใบหน้าคงแปะไปด้วยความสงสัย...
ทำไมบางครั้งเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับซานเกอ...เป็นพิเศษ แต่ในหลายครั้งกลับรู้สึกเหมือนกับว่าซานเกอเป็นบุรุษอีกผู้หนึ่งที่ทำให้เขาเกิดความยำเกรงขึ้นอย่างไม่ทันจะรู้ตัว แม้ว่าบุรุษผู้นั้นจะกล่าววาจาหยอกล้อกับตัวเขา หากมันก็มีเส้นบาง ๆ ขีดกั้นขวางไว้ มิอาจสนิทสนมคุ้นเคยอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะมีเรื่องให้คิด ทำให้สี่หนิงเหอนั้นเผลอเดินผ่านห้องที่เสี่ยวฝานพักไปอีกครั้ง
“หนิงเกอ...ท่านเป็นอันใดหรือขอรับหนิงเกอ”
“เอะ...เสี่ยวฝาน” สี่หนิงเหองุนงงเล็กน้อยเมื่อถูกเสี่ยวฝานจับมือเอาไว้
“ข้าเรียกท่านหลายคำแล้วขอรับหนิงเกอ หากท่านกลับเดินขมวดคิ้วผ่านหน้าข้าไป” เสี่ยวฝานบอกกล่าวให้รู้
“อ๋อ...ข้าแค่คิดอะไรนิดหน่อยนะ ว่าแต่เจ้ามิได้พักห้อง...”
เสี่ยวฝานชี้ไปยังห้องที่เขากำลังจะเดินเข้าไป มันเป็นห้องที่พวกของซานเกอจับจองไว้นั่นแหละ พวกเขาจับจองจำนวนสามห้องด้วยกัน มีห้องที่เขาพักกับซานเกอหนึ่งห้อง เสี่ยวฝานกับลิ่วเกอ ส่วนคนที่เหลือก็พักกันอีกห้อง แต่สี่หนิงเหอคิดว่า...พวกเขาคงมิได้พักกันหรอก คงจะสับเปลี่ยนกันมาคอย...ควบคุมเขาและหาใครบางคนที่ต้องการจะแยกตัวกับศีรษะของสี่หนิงเหอผู้นี้ให้ออกจากกันมากกว่า อยู่ในตัวเมืองเช่นนี้มิควรไว้วางใจอันใด ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ
จะว่าไป...เขามิเคยออกจากเรือนไปที่ไหนไกล ๆ เลยสักครั้ง แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนเช่นเขาจะมีศัตรูหมายปองแยกศีรษะกับตัวให้ออกห่างจากกัน สี่หนิงเหอว่าเรื่องนี้ตัวการสำคัญน่าจะเป็นท่านอ๋องนั่นแหละ ไม่รู้ไปเหยียบหางใครเขาเข้า ถึงได้มีคนเล่นงานมาถึงตัวเขาที่มิรู้เรื่องอันใดด้วย เขาอยากจะโกรธอยู่นะ แต่บางคนก็เป็นประเภท...เล่นงานเจ้าตัวไม่ได้ ก็หันมาเล่นงานผู้ที่อยู่รอบข้าง ให้หงุดหงิดโมโหเล่น ช่างเป็นบุคคลที่น่าเกลียดยิ่งนัก!
“มีอันใดหรือเปล่าขอรับคุณชาย หรือว่าเจ้าซานเกอผู้นั้นทำอันใดกับท่าน”
คำไต่ถามของเสี่ยวฝานมันทำให้สองแก้มของสี่หนิงเหอร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีทันใด ภาพอกกว้างกำยำด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง ที่เมื่อมีส่วนประกอบเป็นร่องรอยของบาดแผลจากการสู้รบด้วยแล้ว ยิ่งเสริมให้ซานเกอดูโดดเด่นน่ามอง
เฮ้ย! เกิดอันใดขึ้นกับข้ากันเนี่ย!
ทำไมใจเขาถึงได้เต้นไม่เป็นจังหวะยามเมื่อนึกถึงซานเกอและภาพแผ่นอกกว้างนั้นเสียได้ แย่แล้ว...!
“หนิงเกอขอรับ...ท่านเป็นอันใดไปขอรับ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เสี่ยวฝานรีบไต่ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าของสี่หนิงเหอนั้นแดงปลั่งขึ้น
“หือ...ปะ...เปล่า ข้ามิได้เป็นอันใด” หากสี่หนิงเหอก็ตอบเสี่ยวฝานไปไม่ได้เต็มปาก
“เจ้าซานเกอผู้นั้นมิได้ทำอันใดท่านใช่ไหมขอรับ”
“ฮื่อ...ไม่ได้ทำ เขาเพียงแค่พูดอะไรแปลก ๆ ออกมาเท่านั้น” ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดที่แปลก หากบางครั้งการทำตัวของซานเกอก็แปลกด้วยเหมือนกัน หากสี่หนิงเหอก็บอกมิถูกว่ามันแปลกอย่างไร ที่เขาคงได้เพียงแค่ระมัดระวังตัวเองและคอยจับตาดูต่อไปเท่านั้น!
“ว่าแต่เสี่ยวฝาน เจ้าผู้นั้น...” ที่ไต่ถามเพราะมิอยากพบเจอ เวลานี้รู้สึกว่าเจอกับหลายเรื่องที่มันประเดประดังเข้ามา ทำให้สมองเขามิแล่นอย่างที่ควร เวลาแบบนี้ควรสงบจิตสงบใจมิควรปะทะคารมกับผู้ใด
“ลิ่วเกอหรือขอรับ”
“ฮื่อใช่...ลิ่วเกอนั่นแหละ อยู่ในห้องหรือไม่”
“ไม่ขอรับ”
“ดีเลย เราเข้าไปในห้องเจ้ากันเถอะ” สี่หนิงเหอเอ่ยปากโดยมิทันได้เห็นใบหน้าและสายตาของเสี่ยวฝาน ที่หากเขาได้เห็นและล่วงรู้ความคิดของเสี่ยวฝานเข้า...คงจะอยู่มิเป็นสุขแน่!
“พี่น้องของท่านมิไปกับเราหรือซานเกอ” สี่หนิงเหอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามีเพียงแค่เขาและซานเกอเท่านั้นที่ออกเที่ยวในราตรีนี้ แม้กระทั่งเสี่ยวฝานเองก็ยังมิยอมมากับเขาด้วย
“ตาเกอกับเจ้าแปดมีธุระจะต้องไปจัดการ ส่วนเจ้าหกก็คอยอยู่ดูแลที่พักและคุ้มครองเสี่ยวฝาน”
“อ๋อ...ฮื่อ” สี่หนิงเหอพยักหน้ารับ “เสียดายยิ่งนักที่เสี่ยวฝานมิยอมมากับพวกเราด้วย”
“ทำไมล่ะ...เจ้ามิอยากอยู่กับข้ารึ”
สี่หนิงเหอหันไปมองหน้าซานเกอที่เอ่ยเหมือนกับว่ากำลังน้อยอกน้อยใจ “เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่อยากให้เสี่ยวฝานได้มาสนุกและทานของอร่อยกับข้าเท่านั้นเอง” เขาตอบไปแล้วทอดสายตามองไปบนถนนเบื้องหน้าที่คลาคล่ำไปด้วยร้านค้าแผงลอยมากมาย เหล่าพ่อค้าแม่ค้าและข้าวของที่มากมายจนละลานตาไปเสียหมด
